ในดินแดนคุกนรกอันแสนหฤโหดซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลทรายบนหมู่เกาะที่เกลื่อนไปด้วยหินโสโครกแห่งโคโรราโด สถานที่แห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนกักขังนักโทษที่มีปราการป้องกันอันแข็งแกร่งที่สุดในโลก นับแต่แรกเริ่มแห่งการคุมขังนักโทษมากระทั่งทุกวันนี้ ยังไม่อาจมีนักโทษผู้ใดที่สามารถแหกคุกนี้ออกไปได้สำเร็จแม้แต่เพียงผู้เดียว
ภายใต้ม่านรัตติกาลอันเงียบสงัด ยินเพียงเสียงแห่งสายลมที่หอบเอาฝุ่นผงแห่งทะเลทรายโชยพริ้วติดตามกันมาเป็นระลอก อากาศท่ามกลางทะเลทรายยามค่ำคืนนั้นเหน็บหนาวด้วยอุณภูมิที่ติดลบถึงห้าองศา
ยังไม่ทันมีผู้ใดสังเกตเห็นว่าเบื้องล่างท่ามกลางแสงจันทราที่เรืองรองภายใต้ความมืดมิดนั้น สตรีน้อยนางหนึ่งในชุดสีขาวที่รัดกุมกำลังไต่ข้ามรั้วลวดหนามซึ่งสูงถึง 3.28 เมตรอย่างช่ำชอง ทันทีที่ฝ่าเท้าสัมผัสพื้นเธอรีบรุดตรงบุกทะลวงเข้าไปในคุกนรกแห่งนี้ทันที
นามของเธอคือ เกอซี สาวน้อยผู้ได้รับเกียรติยศระดับเหรียญทองแห่งองค์กรนักฆ่าสายเลือดอำมหิตด้วยวัยเพียงสิบเก้าปี
เพียงผสมผสานส่วนแห่งพิษเข้าด้วยกัน แค่หยาดหยดเดียวเท่านั้นเธอก็สามารถทำลายล้างโลกทั้งใบให้พินาศสิ้นสูญลงได้แล้ว
และด้วยเข็มเงินเพียงเล่มเดียวเธอสามารถปลุกร่างของผู้สิ้นชีพให้กลับฟื้นคืน ปลูกเลือดคืนเนื้อให้แก่ผู้คนได้อีกด้วย
สายตาของมนุษย์เดินดินทั่วไปย่อมตระหนักดีว่า เธอคือผู้ครอบครองพลังอำนาจที่ล้นเหลืออย่างมิอาจต้านทาน หากแต่ถึงกระนั้น การจะบุกทะลวงเข้าสู่ด้านในแห่งคุกหฤโหดนี้ก็หาใช่เรื่องที่ง่ายดาย
หลังจากเวลาได้ผ่านไปนานเกือบชั่วโมงเกอซีจึงสามารถผ่านตาข่ายเลเซอร์จำนวนมากที่ส่งลำแสงอย่างถี่ยิบ เพื่อเป็นปราการป้องกันการแหกคุกของนักโทษในค่ายนี้ไปได้ กระทั่งที่สุดเธอก็มาถึงหน้าประตูกรงขัง
“เกอซี เจ้ามาช่วยข้าจริง ๆ !” นักโทษซึ่งอยู่ด้านในรีบผลักประตูลูกกรงออกมา ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาผู้นั้นตรงเข้าโอบตระกองกอดเธอไว้ด้วยความตื่นเต้นยินดี
เมื่อพอจะรับรู้ได้ถึงกายอันสั่นเทาน้อย ๆ ของอีกฝ่าย มือของเธอยกขึ้นโอบรัดกระชับเขาแน่น ความหวาดหวั่นภายในใจค่อย ๆ คลายลง
ช่วงชีวิตที่ผ่านมาในวัยเยาว์นั้นค่อย ๆ ปั้นแต่งเกอซีให้เติบใหญ่ขึ้นมาอย่างผู้ที่หนักแน่น มั่นคง เย่อหยิ่ง และเย็นชา หากแต่มิใช่กับชายผู้นี้ เหลิ่งเหย่ บุรุษผู้มีความหมายอย่างลึกซึ้งต่อเธอ
ทั้งคู่เป็นคู่หูร่วมงานในองค์กรเดียวกัน ได้รับการฝึกฝนร่ำเรียนมาด้วยกัน ข้ามผ่านภารกิจขวากหนามต่าง ๆ มาด้วยกัน หลายครั้งหลายคราที่ต่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน บุกป่าฝ่าดงลุยน้ำลุยเพลิงมาด้วยกัน แม้จะมิใช่คู่รัก หากแต่ความสัมพันธ์นั้นย่อมกล่าวได้ว่าล้ำลึกยิ่งนัก
เกอซีโอบกอดชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงที่นุ่มนวลเอ่ยกล่าวออกไป “พวกเราเป็นคู่หูกัน เมื่อเจ้าตกอยู่ในอันตราย ข้าจะไม่เข้ามาช่วยได้อย่างไรกัน ?”
“เกอซี เกอซี ! !” น้ำเสียงนั้นสั่นเครือแหบพร่า อุ้งมือที่เกาะกุมมือของเธออยู่นั้นกระสับกระส่ายไปมา “ข้าเองก็ปรารถนาจะอยู่กับเจ้าตราบชั่วชีวิตเช่นกัน หากแต่ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน…….”
เกอซีกำลังจะเอื้อนเอ่ยถามถึงคำกล่าว ที่ว่าน่าเสียดายนั้นหมายความเช่นไร ฉับพลันความรู้สึกเจ็บปวดที่ช่องท้องก็แปล๊บขึ้นมา
เธอผลักร่างของเหลิ่งเหย่ออก ทว่าร่างของตนกลับซวนเซถอยไปถึงสองก้าว ความตกใจผนวกกับความประหลาดใจระดมโหมขึ้น ทันทีที่หญิงสาวได้เห็นมีดสั้นปักคาอยู่บนท้องของตน เกอซีเงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งเหย่ “ด้วยเหตุใด ?…..”
ใบหน้าของเหลิ่งเหย่กลับดูเหี้ยมเกรียมขึ้นมาทันทีภายใต้แสงจันทร์สลัว เสียงหัวเราะระเบิดออกมาจากปากของชายหนุ่ม “เกอซี เป็นเพราะเจ้า…เพราะเจ้าไม่รับรักข้า เพราะเจ้าปฏิเสธข้า ไม่ให้ข้าได้เป็นผู้ที่อยู่ข้างกายเจ้า…ในเมื่อข้าไม่อาจได้เจ้ามาครอบครอง เช่นนั้นข้าก็ควรทำตามคำสั่งจากองค์กร คือสังหารเจ้าทิ้งเสีย !”
ร่างของเกอซีสั่นสะท้าน ขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา ด้วยความรู้สึกที่ทั้งเจ็บปวดระคนเจ็บแค้น
เธอไม่ได้รักเหลิ่งเหย่จึงจำต้องปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขา สำหรับเธอนั้นเขาผู้นี้เป็นได้แค่เพียงพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่แสนดี มิตรภาพนับเป็นความผิดด้วยกระนั้นหรือ ? เพียงเธอไม่อาจรับความรัก และไมตรีเช่นนี้จากเขาได้ เขาจึงเลือกที่จะหยิบยื่นความตายให้แก่เธอกระนั้นหรือ ?
ความรู้สึกด้านชาเริ่มคืบคลานแผ่ซ่านแทรกลงสู่กายเรื่อย ๆ กระทั่งแม้การสูดลมหายใจก็ยังลำบาก มีดสั้นเล่มนี้อาบด้วยโอสถพิษ ! และโอสถพิษชนิดนี้คือโอสถพิษสะกดโลหิต !
“องค์กร…เหตุใดพวกเขาต้องการกำจัดข้า ?” เม็ดเหงื่อผุดขึ้นพร่างพรายบนหน้าผากของเกอซี ดวงหน้าที่งดงามกลับแลดูซีดเซียวขึ้นในทันที “ข้าไม่เคยขัดคำสั่ง หรือขัดขวางต่อผลประโยชน์ใดขององค์กร แต่ท้ายสุดแล้ว ทั้งหมดนี้… ด้วยเหตุใด ?…”
“เรื่องนี้คงต้องโทษชะตาที่แสนอาภัพของเจ้าแล้ว” เหลิ่งเหย่กระเถิบเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มเหยียดมือช้อนคางของเกอซีเชยขึ้น ยามนี้ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ช่างงดงามอ่อนหวานราวกับภาพฝันอันเลือนลาง จนทำให้จิตใจของเหลิ่งเหย่ต้องสั่นไหว
“ซินแสเสิ่นเคยทำนายไว้ว่า เจ้าคือตัวโชคร้ายที่เป็นดั่งผู้ต้องคำสาป วันข้างหน้าเจ้าจะเป็นผู้นำพาหายนะมาสู่องค์กร อีกทั้งเจ้าอาจเป็นผู้ทำลายล้างโลกเสียด้วยซ้ำ องค์กรให้โอกาสเจ้าผ่องถ่ายกระแสพลังอันลึกลับที่มีอยู่ในกายของเจ้าออกมาหลายครั้งหลายครา หากแต่เจ้ากลับบ่ายเบี่ยง ฮึ่ม ! ฮึ่ม ! เมื่อเป็นเช่นนี้องค์กรจะปล่อยเจ้าไว้ได้เยี่ยงไร ? ”
ร่างของเกอซีสั่นสะท้าน ความรู้สึกด้านชานั้นแผ่กระจายซ่านซึมไปทั่วทุกอณูในกายแล้ว
พวกเขาต้องการกำจัดเธอทิ้งเพียงเพราะคำทำนายนั้นหรือ ?
ในแต่ละภารกิจเธอเคยช่วยชีวิตเหลิ่งเหย่ไว้หลายครั้งหลายครา ? เขาพร่ำบอกว่ารักเธอ หากแต่สิ่งที่เขาตอบแทนกลับคืนมา คือการหยิบยื่นความตายอันโหดร้ายทารุณเป็นบรรณาการให้แก่เธอ เช่นนั้นหรือ ?
ถูกแล้ว แน่นอนที่สุด ใต้หล้านี้ นอกเสียจากตนเองแล้ว เราย่อมไม่อาจให้ความวางใจผู้ใดได้อีก !
เกอซีปัดมือของเหลิ่งเหย่ออก เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “พวกแกกลัวว่าข้าจะทำลายล้างองค์กร ทำลายล้างโลกจึงต้องฆ่าข้าทิ้งอย่างนั้นใช่หรือไม่ ? เมื่อเป็นเช่นนี้จงเปิดตาสุนัขของพวกแกให้กว้าง แล้วรอชมมหันตภัยที่ความตายของข้าจะหยิบยื่นให้กับพวกแก อย่างเต็มตาก็แล้วกัน !”
ทันทีที่สิ้นสุดน้ำเสียงนั้น หญิงสาวกลับชักมีดสั้นเล่มนั้นออกมาจากช่องท้องของตนแล้วจ้วงแทงซ้ำลงไปในตำแหน่งหัวใจ !
เหลิ่งเหย่ตกใจยิ่งนักที่ได้เห็นการกระทำของเกอซี หากแต่ชายหนุ่มกลับแค่เพียงทอดถอนใจด้วยคิดว่าเธอหมายจะปลิดชีวิตตนเอง “ฮึ่ม ! เกอซี เจ้าช่างไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว หากเจ้าเชื่อข้าแต่แรก…”
ยังมิทันที่เหลิ่งเหย่จะกล่าวจบก็เกิดเสียงดังสนั่นกระแทกโสตประสาทตามมาด้วยเสียงระเบิดลั่นสั่นสะท้านไปทั่ว เกอซีคว้ามือเหลิ่งเหย่ไว้แน่นเพื่อระบายความเจ็บปวด ร่างของเธอค่อย ๆ เริ่มปริออก และแตกกระจายหลุดสลายไปทีละน้อยโดยไร้สิ้นเสียงร่ำร้องหรือโอดครวญใด ๆ เล็ดรอดออกมาจากเรียวปากงาม ทั่วทุกอณูในกายกระจายแตกกระเซ็นออกจากกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน กระทั่งจิตวิญญาณของเธอดับสลายลง
“บ้าที่สุด ! ! !” คุกนรกถล่มทรุดพังทลายลงทิ้งไว้แค่เพียงเศษฝุ่นผงพร้อมเสียงระเบิดดังสนั่นเสียดประสาท
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนเลยว่า ในร่างของเกอซีผู้นี้คือสถานที่ซุกซ่อนมิติเวท
มิติเวทซึ่งใช้จิตวิญญาณของเธอเป็นผู้ควบคุม และเมื่อถึงคราที่ร่างนั้นแตกสลาย มิติเวทที่ซ่อนเร้นอยู่จะถูกปลดปล่อยระเบิดออกไปไกลทั่วขอบเขตรัศมีสิบกิโลเมตรจะย่อยยับพินาศสิ้น
อีกทั้ง “โอสถพิษล้างโลกันตร์”ที่เกอซีเป็นผู้ปรุงเองกับมือก็ถูกเก็บรักษาไว้ในมิติเวทของเธอเช่นกัน เมื่อมิติเวทถูกปลดปล่อย โอสถพิษล้างโลกันตร์นั้นย่อมล่องลอยปะปนฟุ้งกระจายไปกับอากาศคืบคลานแผ่ขยายไปจนทั่วหล้า
โอสถพิษล้างโลกันตร์เพียงหยดเดียวก็สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตทุกชนิดให้ดับสูญลงได้ และนี่คือที่มาแห่งหายนะตามคำทำนายนั้นอย่างแท้จริง !
***จบตอน แค่เพียงหยดโอสถพิษล้างโลกันตร์***