นัยน์ตาของเกอซีเบิกโตกว้าง นางนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งกระทั่งที่สุดจึงเอ่ยไต่ถาม “เจ้าเรียกผู้ใดว่าแม่หรือ ?”
“แน่นอน ย่อมต้องเป็นท่านสิ ท่านแม่” สุ้มเสียงเจ้าไข่ใบยักษ์ปลื้มปริ่มไปด้วยความสุขล้นดั่งเด็กน้อยที่ถูกเอาใจจนเสียคน
“นอกไปเสียจากท่านแม่ผู้เลอโฉม น่ายำเกรง ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเกินเปรียบปานแล้วยังจะมีผู้ใดมีคุณสมบัติเพียงพอสมควรเป็นท่านแม่ของข้าได้อีกหรือ ?”
เส้นเลือดดำปรากฏเด่นชัดขึ้นบนใบหน้าของเกอซี นางไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ผู้ใดมีคุณสมบัติเป็นท่านแม่ของเจ้ากัน ? ข้าเพิ่งอายุได้เพียงสิบหกปีเท่านั้น กระทั่งช่วงชีวิตในอดีตก่อนจะมายังดินแดนแห่งนี้ข้าก็ยังไม่ทันได้พ้นยี่สิบ ข้าจะกลายเป็นแม่คนไปได้อย่างไร ?
ไม่ถูกต้องแล้ว ! เจ้านี่คือฟองไข่ ส่วนข้าคือมนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงลูกด้วยนมออกลูกเป็นตัว ข้าจะเบ่งไข่ใบยักษ์เช่นนี้ออกมาได้อย่างไร ? !
เกอซีพลันรู้สึกงุนงงสับสนด้วยเพราะเจ้าไข่ใบยักษ์ น้ำเสียงตอบกลับของหญิงสาวบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ใคร่สุขใจเท่าไรนัก “เจ้า….คืออะไร ? เหตุใดจึงเรียกข้าว่าท่านแม่ ?”
“เพราะท่านคือท่านแม่ของข้า” แสงสว่างสีทองสะท้อนวูบวาบไปมาหลายครั้ง สุ้มเสียงของเขาด้านในเปลือกบางเริ่มจะหงุดหงิด “ท่านแม่ ข้ามักมองดูท่านแม่อยู่ในนี้เสมอ ข้ารอให้ท่านแม่มาหาตั้งนาน หากแต่ท่านแม่กลับไม่เคยเข้ามาในนี้เลย ข้าเหงาที่ต้องอยู่เพียงโดดเดี่ยวลำพังที่นี่…….”
น้ำเสียงใสกระจ่างแหลมเล็กของเจ้าไข่ใบยักษ์นั้นเศร้าสร้อย เสียงสะอื้นไห้ดังเล็ดลอดออกมาจากเปลือกไข่ให้ได้ยิน ยามนี้เขาโศกเศร้าเสียใจยิ่งนัก มันย่อยสลายหัวใจผู้ที่เคยด้านชาให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารจับจิต
เกอซีเริ่มรู้สึกมึนศีรษะหากแต่ไม่รู้จะทำประการใด หญิงสาววางฝ่ามือตบเบา ๆ ลงบนเปลือกฟองไข่อย่างเอ็นดูพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โอ๋ โอ๋ ไม่ต้องร้องแล้ว ข้า….มิใช่ว่ามาหาเจ้าแล้วหรอกหรือ ? แล้วเจ้า เอ่อ….เจ้าเป็นตัวอะไร ?”
“เป็นตัวอะไร ?” เจ้าไข่ใบหยักษ์ดูจะชื่นชอบพอใจกับการได้รับสัมผัสจากเกอซี น้ำเสียงสะอื้นไห้พลันแปรเปลี่ยนเป็นสดใสเริงร่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นอะไร หากแต่ ท่านคือท่านแม่ของข้า ข้ารู้จักท่านดี ฮือ ฮือ ฮือ ท่านแม่ ท่านไม่ต้องการข้าแล้วหรือ ?”
กล่าวจบ เจ้าไข่ใบยักษ์ดูจะหวั่นวิตกหวาดระแวงและเริ่มจะสะอึกสะอื้นขึ้นอีกครา
เกอซีกุมขมับเมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญอย่างโศกาของหนูน้อย นางอดรู้สึกขบขันตนเองไม่ได้ ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกใคร่ปรารถนาจะตรงเข้าปลอบโยนเอาใจเจ้าฟองไข่นี้เช่นไร
นางคือสตรีผู้ยังมิได้ออกเรือน อีกทั้งยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ในการตะล่อมเด็กน้อย !
เกอซีไม่มีทางเลือกจึงทำได้แค่เพียงกล่าววาจาปลอบใจฟองไข่นั้นให้หยุดร่ำไห้ “โอ๋ อย่าร้องไห้ไปเลย ข้าไม่เคยบอกว่าไม่ต้องการเจ้า จริงสิ เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ในวังซูมี่แห่งนี้ ?”
เจ้าไข่ใบยักษ์ตอบสนองต่อการปลอบประโลมเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าท้องฟ้าที่มืดหม่นครึ้มดำราวกับปกคลุมไปด้วยเมฆฝนพลันสว่างกระจ่างใสขึ้นมาทันที แสงสว่างเรืองรองสีทองส่งประกายวูบวาบอย่างรวดเร็วเป็นวงแหวนซ้อนกันเป็นชั้น ๆ
เขาร้องตะโกนลั่น “ท่านแม่” หลายต่อหลายครา และดูราวกับว่าเขากำลังจะนึกเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้ “พระราชวังซูมี่ ? เหมือนข้าจะคุ้นชื่อนี้นะ พระราชวังซูมี่….อา ใช่แล้ว ! ท่านปู่ซูมี่ ข้าจำได้แล้ว ท่านปู่เป็นผู้ช่วยชีวิตข้าไว้”
“ท่านปู่ซูมี่ ? คือใครหรือ ?”
“ท่านปู่ซูมี่ !” น้ำเสียงนั้นเริ่มสับสน หากทว่ากลับเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความผูกพัน “ท่านปู่ซูมี่ดีต่อข้ามากจริง ๆ ท่านปู่ช่วยข้าออกมาจากห้องเยือกแข็งที่ดำมืดทั้งยังเอาพลังแห่งจิตวิญญาณอันมหาศาลให้ข้าดื่มกิน หลังจากกลืนกินพลังงานพวกนั้นไปหมดแล้วข้าก็หลับใหล ครั้นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นอีกครา ข้าก็พบท่านแม่ ฮี่ ฮี่”
เกอซีต้องตะลึงงันไปเพราะเจ้าไข่ใบยักษ์นี้ เมื่อครู่ก่อนเขาเพิ่งจะร้องไห้ หากแต่นาทีถัดมากลับหัวเราะออกมาได้ บทสนทนาชั่วระยะเวลาสั้น ๆ นางสามารถรับรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นอุปนิสัยของเด็กน้อยที่อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน นางไม่อาจเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เขาเล่าให้ฟังได้ และแม้นางจะเอ่ยถามขึ้นอีกคราคงไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดที่ยิ่งไปกว่า
เกอซีอับจนสิ้นหนทาง นางกำลังจะคลายฝ่ามือที่ทาบทับลงบนเปลือกไข่ออก ทันใดนั้น น้ำเสียงที่ตื่นเต้นกระโตกกระตากของหนูน้อยพลันลั่นขึ้น “ใช่แล้ว ! ท่านปู่ซูมี่มีบางอย่างต้องการมอบให้ท่านแม่ ข้ามัวแต่ดีใจมากที่ได้พบท่านแม่เกือบลืมเสียสนิทเลย !”
***จบตอน เจ้าเป็นตัวอะไร ?***