ท่านผู้เฒ่าซูมี่หัวร่อออกมา “ตัวตนของข้ายังคงสถิตอยู่ในมิติศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เพื่อรอคอยการมาเยือนแห่งผู้ครอบครองมิติเวท กาลเวลาล่วงเลยผ่านวัฏสงสารของมวลหมู่มนุษย์มาเนิ่นนานหลายพันรุ่นผ่านวันคืนและมิติเวลา จิตวิญญาณแห่งข้าอ่อนล้ามานานแล้ว หากแต่การสามารถดำรงสภาวะจิตมาได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้เพื่อการปรากฏตัวขึ้นของเจ้าทำให้ข้าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง”
เกอซีเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งลงไปในแววตาของผู้ชราด้วยท่าทีที่ยังคงระแวดระวังและทิ้งระยะห่าง ทว่าทั้งหมดที่ปรากฏต่อสายตาหญิงสาวกลับกลายเป็นนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอารีและความหวัง ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยแรงอธิษฐานและพรอันประเสริฐปราศจากแผนลวงใด ทำให้ภายในใจที่ด้านชาของนางค่อย ๆ คลายอ่อนลงไปเรื่อย ๆ
“มิติแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากร่างเวทที่หลอมรวมขึ้นด้วยพลังงานอันบริสุทธิ์จากข้า หลายล้านปีมานี้ข้าได้ส่งผ่านดินแดนแห่งนี้ให้แก่ผู้คนมากมายเพื่อค้นหาผู้ครอบครองที่แท้จริง ทว่าเจ้ากลับเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถทำให้สถานที่แห่งนี้เลื่อนภูมิขึ้นได้ ทุกสิ่งที่เจ้าได้ประจักษ์ต่อสายตายามนี้ล้วนเป็นแต่เพียงส่วนเสี้ยวเล็กน้อยในมิติแห่งนี้”
เกอซีหวนรำลึกถึงอดีตภพของนาง บางสิ่งในมิติเวทแห่งนี้คอยปกป้องพิทักษ์นางอยู่เสมอ ไม่ว่าสถานที่แห่งนี้จะดำรงอยู่เพื่อนางหรือเป็นแค่เพียงแผนลวงใด หากแต่ความช่วยเหลือที่หยิบยื่นให้จากผู้ที่อยู่ในมิติเวทล้วนเป็นความจริง เมื่อหญิงสาวจ้องลึกลงไปในสายตาของท่านผู้เฒ่าซูมี่จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสำนึกบุญคุณ
ท่านผู้เฒ่าซูมี่หัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อได้เห็นสายตาที่อ่อนลงของเด็กสาว “เกอซี รอให้พลังฝีมือของเจ้าก้าวหน้าขึ้นก่อน เจ้าจะได้ประจักษ์ความเป็นจริงทุกประการภายในมิตเวทแห่งนี้ สถานที่แห่งนี้คือสรวงสวรรค์ มนตราที่ทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายทั่วหล้าต้องกลับกลายเป็นดั่งเป็ดน้อยที่ไร้ค่า”
โดยธรรมชาติของเกอซี ทันทีที่นางได้ยินเรื่องราวเช่นนี้ย่อมทำให้ภายในใจฮึกเหิม จินตนาการไปถึงภาพความเป็นไปในอนาคตเบื้องหน้าอย่างไม่รู้ตัว
ทว่าหญิงสาวกลับต้องตื่นขึ้นจากฝันหวานเมื่อความเป็นจริงแล้วนางหาได้มีความแข็งแกร่งใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อนางสามารถครอบครองเครื่องมืออันแสนวิเศษ หากแต่ตนเองก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาที่ได้แหวนหยกล้ำค่าจะกลายเป็นการหยิบยื่นหายนะมาสู่ตน
หญิงสาวชี้ปลายนิ้วไปหาไข่ใบใหญ่ “เช่นนั้นสิ่งนี้คืออะไร ?”
“อื่ม…..มันคือต้นต้นตระกูลสัตว์เวทบรรพกาลซึ่งยามนี้ยังคงถูกผนึกไว้” ท่านผู้เฒ่าซูมี่กล่าวออกมาด้วยอาการเคร่งขรึ่ม “ที่เรียกว่าต้นกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์นั้นสืบเนื่องด้วยเจ้าสิ่งนี้คือต้นกำเนิดแห่งจิตวิญญาณเวททุกชนิดในใต้หล้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสรวงสวรรค์ซึ่งมีความสามารถในการสร้างและทำลายล้าง เจ้าทั้งคู่มีพันธสัญญาแห่งความเป็นตายร่วมกัน ทั้งในความรู้สึกและจิตวิญญาณ ทั้งในชีวิตและความตาย ไม่ว่าจะเป็นมนตราหรือหนทางคืนสู่ธรรมชาติใดย่อมไม่อาจทำลายสายใยสัมพันธ์ในระหว่างพวกเจ้าได้…..”
“เดี๋ยว !เดี๋ยว !” เกอซีร้องตะโกนออกไปอย่างตื่นตระหนกด้วยสองตาที่เบิ่งกว้าง “อะไรคือพันธสัญญาความเป็นความตาย ? เหตุใดข้าไม่เคยรู้เรื่องเช่นนี้มาก่อน ? สัญญานี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกัน ? อีกทั้งเจ้าสิ่งนี้ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นเพียงฟองไข่ ท่านจะให้ข้าร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้าตัวไข่ฟองหนึ่งอย่างนั้นรึ ? ท่านล้อข้าเล่นใช่ไหม ?”
อะไรคือกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ? อะไรคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสรวงสวรรค์ ? ฟังดูทรงอานุภาพอย่างยิ่ง หากทว่าทั้งหมดนี้ฟังดูราวกับจะเข้าใจแต่กลับไม่อาจกระจ่างได้อย่างแท้จริงมิใช่หรือ ? ที่สุดแล้ว เจ้าภูตผีนี่มันคือตัวอะไรกันแน่ ?
“ท่านแม่ ข้าไม่ใช่เจ้าตัวไข่ ฮือ ฮือ ฮือ…..ข้าเป็นเด็กน้อยน่ารักของท่านแม่…..ฮือ ฮือ ฮือ…..”
เกอซีเริ่มรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมากอีกครา หากแต่นางไม่รู้จะทำประการใดดี นอกไปเสียจากเข้าไปปลอบประโลมเจ้าหนูฟองไข่อีกครา
ท่านผู้เฒ่าซูมี่หัวเราะขึ้น “เมื่อไม่นานมานี้ พวกมนุษย์ปรารถนาจะได้ครอบครองพันธสัญญาความเป็นความตายฉบับนี้ พวกมันถึงกับทำลายต้นเสาเซียนซึ่งนำพาชะตากรรมที่โหดร้ายมาสู่พวกมันทั้งหมด ทว่าเจ้ากลับไม่รู้สึกยินดี เกอซี สหายตัวน้อย เจ้าวางใจเถิด พันธสัญญาต่อต้นกำเนิดพลังวิญญาณนี้ย่อมมีแต่ผลดีและไม่อาจกระทำอันตรายต่อเจ้าได้ เมื่อเจ้าต้องเผชิญหน้าต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายยืนอยู่หน้าปากเหวแห่งความเป็นและความตาย ยามนั้นเจ้าจะตระหนักรู้ได้เอง”
เกอซีผู้กำลังปลอบประโลมเจ้าหนูไข่ใบน้อยอยู่คลายใจยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำเอ่ยอธิบายทั้งหมด นางไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป หากแต่ก็ไม่อาจปล่อยเสียงหัวเราะแม้เพียงน้อยออกมาได้เลย
ไม่อาจกล่าวได้ว่าเกอซีไม่สนใจสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ เพราะหากมนุษย์ทั่วไปได้รับรู้ความวิเศษของฟองไข่ขนาดมหึมาที่เบื้องหน้าสายตาชิ้นนี้ พวกเขาล้วนต้องการมัน และพร้อมที่จะแห่เข้ามารุมล้อมต่อสู้ยื้อแย่งเพื่อช่วงชิงของสิ่งนี้ ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าใต้หล้านี้จะมีภักษาแจกจ่ายอย่างไม่ต้องชดเชยค่าตอบแทน จะได้รับการเอื้อประโยชน์ที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ นางย่อมต้องผูกมัดตนเองไว้กับความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง ใต้หล้านี้ยังจะมีผลประโยชน์บริสุทธิ์ที่ไร้การตอบแทนได้เยี่ยงไร ?
***จบตอน ต้นตระกูลสัตว์เวทบรรพกาล***