ยามที่วาจาถูกปลดปล่อยออกไป แท่งเข็มเงินไร้เงาก็ปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วของเกอซี ประดุจว่ามือของนางกำลังจะสะบัดเข้าทิ่มแทงลูกนัยน์ตาของจางเต๋อจงเพื่อทำลายความสามารถในการมองเห็น !
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องจริง ! เป็นคุณหนูรองจริง ๆ ! ข้าไม่ได้โป้ปดจริง ๆ !” จางเต๋อจงตะโกนร้องซ้ำไปซ้ำมาด้วยความตื่นกลัวจนอุจจาระร่วงเล็ดออกมาตุงกางเกง
“คุณหนูรองบอกว่า เจ้าคือ…..เจ้าคือนางมารปีศาจจิ้งจอก เจ้ายั่วยวนองค์ชายรัชทายาทนางจึงส่งคำสั่งให้ข้ากำจัดเจ้าเสีย เมื่อก่อนนายท่านเคยทิ้งคำสั่งไว้ห้ามมิให้ผู้ใดทำร้ายท่านให้ถึงแก่ชีวิต ข้า….ข้าไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งคุณหนูรอง จึงนำท่านออกขายให้แก่หอรื่นรมย์ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่เหมาะสมยิ่งแล้ว นับเป็นสถานที่ซึ่งท่านสามารถซุกซ่อนตัวได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ได้โปรดละเว้นข้าด้วย….ละเว้นข้าด้วย !”
คิ้วของเกอซีขมวดเข้าหากันเล็กน้อย หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “องค์ชายรัชทายาทกับข้าไม่เคยพบเจอกัน นางกล่าวว่าข้ายั่วยวนพระองค์ เห็นจะมีเพียงคนโง่เขลาเท่านั้นที่จะหลงเชื่อ หรือไอคิวของน่าหลานเฟ่ยเสวี่ยจะต่ำเตี้ยจริง ๆ ?”
ภายในห้วงความทรงจำของน่าหลานเกอซี ไม่เคยมีเรื่องราวขององค์ชายรัชทายาทผู้นี้เลยมิใช่หรือ ? น่าหลานเฟ่ยเสวี่ยยังสามารถสร้างข้อกล่าวหาว่านางยั่วยวนองค์รัชทายาท ช่างน่าขันเป็นที่ยิ่ง !
จางเต๋อจงไม่อาจเข้าใจความหมายของคำว่าไอคิว หากแต่มันสามารถเข้าใจได้ถึงอายกระแสอันเย็นเยียบประดุจน้ำแข็งที่แผ่กระจายออกมาจากแท่งเข็มเงินไร้เงา มันจะกล้าโป้ปดต่อนางได้อย่างไร “ข้า…..ข้ารู้แต่เพียงว่าคุณหนูรองได้รับสาสน์ฉบับหนึ่ง ในสาสน์กล่าวว่าเมื่อองค์รัชทายาทกลับมาพระองค์จะเข้าไปเยี่ยมเยือนนายท่านเพื่อสนทนาเรื่องการหมั้นหมาย ตบแต่งท่านเป็นพระชายารองในองค์รัชทายาท”
“องค์รัชทายาทกับข้าไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใดต่อกัน พระองค์จะรู้จักข้าได้อย่างไร ! เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อสิ่งที่เจ้าพ่นพูดออกมากระนั้นรึ ?” เกอซีเปล่งน้ำเสียงเย้ยหยันออกมา แท่งเข็มเงินไร้เงาถูกสะบัดเหินพุ่งตรงเฉือนผ่านหน้าผากของจางเต๋อจงโลหิตสาดกระเซ็น “หากเจ้ากล้าบิดเบือนความจริงเช่นนี้อีก ข้าจะเปิดกระโหลกควักสมองในศีรษะของเจ้าออกมา !”
“ข้ามิกล้า ! ข้ามิกล้า !” จางเต๋อจงร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว “ข้ารู้แต่เพียงว่าในสาสน์นั้นกล่าวถึงความพิเศษในร่างของคุณหนูสามว่า ในกายของเจ้ามีความลับที่ซ่อนเร้น หากบุรุษใดได้ครอบครองไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีพลังฝีมือในขั้นใด เขาย่อมจะได้รับพลังปราณเลื่อนขั้นพลังฝีมืออย่างก้าวกระโดดถึงที่สุด ข้า…ข้าด้วยเหตุนี้ ข้าจึงขัดคำสั่งคุณหนูรองที่ให้นำท่านออกขายสู่ตลาดเนื้อสดสุกร แต่กลับนำท่านออกขายให้แก่หอรื่นรมย์แทน นายท่านแห่งหอรื่นรมย์มอบเงินจำนวนมหาศาลให้แก่ข้าหลังจากที่ได้ประเมินค่าตัวของท่านแล้ว ส่วนที่เหลือข้าไม่รู้จริง ๆ ข้าไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ! คุณหนูสาม โปรดไว้ขีวิตข้าเถิด !”
นัยน์ตาของเกอซีส่องประกายวาบขึ้น นางจำได้ว่านายท่านของหอรื่นรมย์เคยกล่าวถึงร่างพลังหยินพิสุทธิ์ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ร่างธรรมดาสามัญทั่วไป น่าหล่านเฟ่ยเสวี่ยและองค์รัชทายาทล้วนไม่ใช่ผู้โง่เขลา หรือจะเป็นด้วยพวกเขาทั้งคู่ล้วนได้ยินเรื่องราวความพิเศษในร่างของน่าหลานเกอซีและปักใจเชื่อถือในเรื่องนี้ ?
เช่นนั้นแล้วผู้ใดเป็นผู้ส่งสาสน์ให้แก่น่าหลานเฟ่ยเสวี่ย ? คนผู้นั้นแทบไม่ต้องเปลืองแรงก็สามารถปลุกปั่นน่าหลานเฟ่ยเสวี่ยให้ลุกขึ้นมากำจัดน่าหลานเกอซีได้ เพียงทว่าคนผู้นั้นมีจุดประสงค์ใด ?”
หากแต่ไม่ว่าผู้ใดจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เมื่อคนผู้นั้นทำให้นาง เกอซีต้องขุ่นเคืองเข้าแล้ว ก็อย่าได้หวังว่าจะสามารถรอดพ้นไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
บนใบหน้าของเกอซีเผยให้เห็นถึงร่องรอยแห่งความเยาะเหยียด หางตาของนางจรดลงที่กระสอบเงิน “เจ้ากล่าวว่านายท่านแห่งหอรื่นรมมอบเงินให้แก่เจ้ามากมายหลังจากที่ประเมินค่าตัวข้าแล้วเช่นนั้นหรือ ?”
“ถูกแล้ว ! ถูกแล้ว ! นายท่านแห่งหอรื่นรมย์ ฮือ ฮือ เพียงได้เห็นเจ้า ด้วยการเหลือบมองแค่ครั้งเดียว เขามอบเงินให้แก่ข้าถึงหกล้านตำลึง ข้ามัวแต่ตื่นเต้นยินดี ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้จึงไม่ได้กลับไปเรือนสกุลน่าหลานเพื่อรับรางวัลที่คุณหนูรองตบปากรับคำไว้ เรื่องอื่นใดล้วนไม่เกี่ยวกับข้าทั้งสิ้น เช่นนั้นแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด !”
หอรื่นรมย์ใช้เงินจำนวนถึงหกล้านตำลึงซื้อตัวน่าหลานเกอซี ทว่า ! เมื่อนางรู้สึกตัวตื่นขึ้น เหตุใดนางจึงถูกกระทำราวกับทาสชั้นต่ำที่ไร้ค่า อีกทั้งยังถูกจับขังอยู่ในกรง ? มิใช่ว่านางถูกข่มเหงรังแกด้วยบรรดาผู้ด้อยฝีมือกระทั่งต้องพุ่งศีรษะเข้ากระแทกลูกกรงงั้นหรือ ?
***จบตอน ชายารองแห่งองค์รัชทายาท***