เดิมทีเดียวนางหมายจะสั่งสอนสาวน้อยผู้นี้ให้ได้ลิ้มรสชาติแห่งความเจ็บปวดเพื่อตักเตือนให้นางอยู่ให้ห่างจากนายท่าน ทว่า ! กลับมิคิดเลยว่าจะได้พบตราประทับพลังปราณของพระองค์ท่านบนร่างของสตรีผู้นี้
บ้าที่สุด ! พระองค์ท่านปฏิบัติต่อสตรีผู้นี้อย่างดีปานนี้เทียว ? นางคิดว่านางเป็นใคร ! !
ยามนี้จูเฉวี่ยใคร่อยากจะเถือเนื้อเฉือนหนังของหญิงไร้ยางอายผู้กล้ายั่วยวนพระองค์ท่านออกมาเป็นพัน ๆ ชิ้น หากแต่ตราประทับของพระองค์ย่อมเสมือนคำเตือนว่านางคือผู้ได้รับการปกป้องจากพระองค์ เช่นนั้นหากเมื่อครู่นางลงฝ่ามือไปกับสาวน้อยนางนี้ พระองค์ท่านย่อมจะรู้อย่างแน่แท้ และคงไม่มีผู้ใดอยากรู้ว่าพระองค์จะมอบบทลงโทษอันหฤโหดให้กับมันผู้นั้นเยี่ยงใด !
จูเฉวี่ยสูดหายใจลึกค่อย ๆ พยายามปรับสีหน้าให้สุขุมสงบนิ่งก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่เร่งร้อน “จูเสวี่ยมาที่นี่เพื่อนำของกำนัลจากนายท่านมาช่วยเยียวยารักษาอาการแม่นางน้อย”
จูเฉวี่ย ? ชิงหลง ?…….เป็นไปดังที่คาด คนของหนานกงยวี่
ความเย็นเยียบภายในจิตใจของเกอซีพลันยะเยือกขึ้น หากแต่สีหน้าของหญิงสาวกลับไร้อารมณ์ “โอ ! เช่นนั้นฝีมือการรักษาของเจ้าต้องเป็นเลิศอย่างแน่นอน หากแต่เมื่อครู่ มิใช่ว่าฝ่ามือของเจ้าหมายจะปลิดชีพข้ากระนั้นหรือ ? หรือท่านหมอจูเฉวี่ยมีความสามารถฟื้นชีพร่างไร้วิญญาณได้ นับว่าข้าช่วยหาทางออกให้แก่เจ้า มิเช่นนั้นเจ้าจะกลับไปชี้แจงนายของเจ้าเช่นไรหลังจากลงมือสังหารข้าไปแล้ว ?”
ม่านตาของเกอซีหรี่ลงเล็กน้อยยามเมื่อจูเฉวี่ยตอบกลับมาอย่างเย็นชา “ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าอย่าริอ่านหมายจะนำความในวันนี้ไปแจ้งแก่นายท่าน ข้าติดตามนายท่านมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย ส่วนเจ้าเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่บังเอิญได้พบกับนายท่าน พระองค์แค่เพียงหยอกเจ้าเล่นดั่งสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งก็เท่านั้น เจ้าลองตอบข้ามาสิ หากเจ้าบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคืนนี้แก่พระองค์ ท่านจะรับฟังเจ้าหรือข้า ? แม้หากว่าข้าขาดสติลงมือสังหารเจ้าไป เจ้าคิดว่าพระองค์จะลงทัณฑ์ข้าเพียงเพื่อมนุษย์ไร้ค่าไร้ความหมายเยี่ยงเจ้ากระนั้นหรือ ?”
กล่าวจบสตรีชุดแดงก็คว้าขวดกระเบื้องเคลือบโยนส่งให้เกอซีพร้อมกำชับเตือนด้วยน้ำเสียงไร้ไมตรี “จงจำไว้ อยู่ให้ห่างจากนายท่าน พระองค์หาใช่ผู้ที่คนเยี่ยงเจ้าจะหมายไขว่คว้าได้ !”
สายตาที่เย็นชาของเกอซีจับจ้องนางด้วยความเหนื่อยหน่าย เหยียดหยัน ฉับพลันปลายขนคิ้วกระดกยกขึ้นพร้อมน้ำเสียงเยาะหยันเล็กน้อยถูกปลดปล่อยออกมา “เจ้าชอบหนานกงยวี่ใช่ไหม ?”
ใบหน้าจูเฉวี่ยซีดเผือด เสียงแหลมเสียดโสตดังขึ้นทันที “เจ้า….เจ้ากล่าววาจาไร้สาระ !”
“โอ ! เข้าเป้าพอดี !” เกอซีกล่าวขึ้นอย่างไม่เร่งร้อน
“ข้าชักจะสงสัยเสียแล้วว่านายท่านของเจ้าจะล่วงรู้ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อเขาหรือไม่ ?”
“เจ้า—–หุบปากเดี๋ยวนี้ ! หากเจ้ากล้าพูดพล่ามอันใดอีกเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะ…..”
“เจ้าจะทำไม ? จะฆ่าปิดปากข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ขึ้นกับว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่ !” เกอซียิ้มเยาะพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบคมเย็นชา “ข้าขอเตือนเจ้าเช่นกันว่าอย่าริอ่านมากำเริบกับข้าอีก ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหนานกงยวี่ อีกทั้งข้ายังคร้านจะใส่ใจเรื่องระหว่างเจ้ากับหนานกงยวี่ แต่หากเจ้ายังคอยคุกคามข้าเช่นนี้ก็จงอย่าตำหนิข้า หากเมื่อข้าพบนายท่านของเจ้าแล้วได้บ่งบอกความลับของเจ้าให้เขาล่วงรู้ !”
“เจ้า—– !”
“เจ้าไปได้แล้ว !”
ทันทีที่เกอซีกล่าวให้อีกฝ่ายกลับไป ร่างของนางพลันปะทุแรงพลังกดดันที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นผวา
สิ่งนี้หาใช่พลังปราณเพื่อกดข่มคู่ต่อสู้ของยอดฝีมือที่มีพลังปราณระดับสูง หากแต่เป็นความสามารถในการครอบงำข่มขวัญจิตใจของผู้ทรงอำนาจที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติลักษณะ
จูเฉวี่ยรู้สึกหวาดหวั่นสะพรึงจนใบหน้าซีดขาว ฝ่าเท้าของนางถูกชักให้ล่าถอยกลับโดยไม่รู้ตัวและทันทีที่รำลึกขึ้นได้ว่าตนได้กระทำสิ่งใดลงไป หญิงสาวกลับต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยความโกรธเกรี้ยว
นาง…..นางรู้สึกหวาดกลัวมนุษย์ผู้ธรรมดาสามัญ สตรีผู้นี้ต้องตายตกเป็นล้านครั้ง !
*ชื่อจูเฉวี่ยนั้นหมายถึงหงส์เพลิง บทก่อนหน้านี้ กล่าวถึง ชิงหลงซึ่งหมายถึงมังกรฟ้า ตามธรรมเนียมจีน มังกรฟ้าและวิหกเพลิงคือหนึ่งในสี่สัตว์เทพอสูรตามตำนานจีน โดยสัตว์แต่ละตัวเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกครองทิศทั้งสี่ ฤดูกาล ธาตุ สัตว์เทพอสูรในตำนานอีกสองชนิดคือ พยัคฆ์ขาว และ เต่านิล
สัตว์เทพอสูรทั้งสี่คือ
หงส์เพลิงสีแดง-ธาตุไฟ
มังกรฟ้า สีฟ้า-ธาตุไม้
พยัคฆ์ขาว สีขาว-ธาตุลม
และเต่านิล สีดำ-ธาตุน้ำ
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ทีhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87_4
***จบตอน เจ้าชอบหนานกงยวี่***