ไร้สิ่งกั้นขวางเส้นทางการไหลเรียงกระแสพลังปราณ เปี่ยมด้วยความหนักแน่น อุดมด้วยพลังชีวิต…..เด็กคนนี้รอดตายได้อย่างแท้จริง อีกทั้งสภาพร่างกายยามนี้แทบจะเรียกได้ว่าฟื้นฟูตัวเองจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ ? เรื่องเช่นนี้……เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ท่านหมอเซียหน้าถอดสี ฝ่ามือที่ทำการวินิจฉัยตรวจดูสภาพความเป็นไปของสภาวะร่างกายที่ทาบอยู่บนแผ่นอกของเด็กหนุ่มสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง
ผู้ดูแลโจวเร่งรุดเข้ามาทันที เขาส่งผ่านกระแสพลังปราณแผ่แทรกลงไปในกายของหนุ่มน้อยเพื่อตรวจดูอาการและกลับกลายเป็นต้องร่ำร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจ “เขารอดตายแล้ว ! เขารอดตายแล้ว ! ข้าไม่เคยคิดฝันเลยว่าผู้ที่เส้นชีพจรลมปราณถูกทำลายลงแล้วจะสามารถมีหนทางรักษาได้อย่างแท้จริง ! ทักษะทางการแพทย์ของคุณชายน่าทึ่งเป็นที่ยิ่ง !”
ผู้ดูแลโจวประสานมือคารวะโค้งศีรษะด้วยความยอมรับนับถือในฝีมือการรักษาของเกอซี หากทว่าใบหน้าของหญิงสาวยังคงเย็นชาเฉกเช่นเดิม นั่นเพราะสืบเนื่องจากที่ภายในใจของนางไม่อาจยินยอมรับได้
แม้อาการเจ็บป่วยของหนุ่มน้อยผู้นี้จะดูหนักหนาสาหัสก็ตามที หากแต่สาเหตุที่แท้จริงนั้นมิใช่ด้วยเพราะเส้นชีพจรลมปราณถูกทำลาย ทว่าเป็นด้วยถูกคนวางยา และด้วยเหตุนั้นจึงทำให้การไหลเวียนของพลังปราณในกายถูกกั้นขวาง จึงทำให้กระแสพลังปราณในกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่อาจไหลเวียนลงสู่ชีพจรลมปราณในกายได้
หากอาการเจ็บป่วยครานี้มีสาเหตุมาจากเส้นชีพจรลมปราณที่ถูกทำลายลงอย่างแท้จริง นางคงต้องใช้เวลาคิดใคร่ครวญหาแนวทางในการรักษา ทว่าเพียงอาการเจ็บป่วยไม่หนักหนาถึงขั้นนั้น อาศัยทักษะและความรู้ทางการแพทย์ที่นางมี อาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ไม่นับเป็นอย่างไรได้
เกอซีหาได้ใส่ใจต่อสายตาเลื่อมใสบูชาที่สาดเทมายังนาง อีกทั้งยังไม่สนใจเด็กสาวผู้ร้องห่มร้องไห้โขกศีรษะแสดงความขอบคุณในน้ำใจของนางอย่างไม่หยุดยั้ง เกอซีเพียงใช้หางตาที่เย็นชายั่วเย้าส่งไปหาท่านหมอเซียและผู้ดูแลจิ๋นพลางเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “มิทราบว่าท่านหมอผู้มีฝีมือการรักษาถึงขั้นที่สามจะยังคงจดจำได้หรือไม่ว่าตนเคยเอ่ยกล่าวสิ่งใดไว้บ้าง ?”
หากเจ้ามีความสามารถเยียวยารักษาหนุ่มน้อยผู้นี้ได้จริง ข้า เซียชงหมิง จะขอคุกเข่าโขกศีรษะคารวะเจ้าเป็นอาจารย์ต่อหน้าทุกคน
สีหน้าของท่านหมอเซียพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าก้นหม้อ ฟันของเขาขบเม้มกัดแน่น ความเดือดดาลภายในดวงตาแทบจะหลอมรวมกันเป็นปลายกระบี่เข้าสับร่างเกอซีออกเป็นแปดส่วน
เมื่อสมัยวัยเยาว์ เขาก็ถูกดูแคลนหยามหมิ่นเช่นนี้ หากแต่ภายหลังที่เขาสามารถพัฒนาระดับฝีมือการรักษากระทั่งได้เป็นแพทย์ผู้มีความสามารถในระดับที่สาม เจ้าพวกคนที่กล้าทำให้เขาต้องเสื่อมเกียรติล้วนได้รับบทลงโทษและพบกับจุดจดบที่โหดร้าย นับแต่นั้นมา เขา เซียชงหมิง ก็ดำรงอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งกว่าผู้ใด ไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูถูกเขาได้อีก ทว่ายามนี้ เขากำลังถูกเด็กน้อยหยามเกียรติท่ามกลางที่ประชุมชน !
เด็กคนนี้……มันร่ำร้องหาความตายชัด ๆ ! มันต้องตายตกเป็นพันครั้ง !
ทุกผู้คนที่มุงล้อมล้วนพากันเงียบเสียง นั่นเป็นเพราะแม้พวกเขาจะสมหน้าหน้าในชะตาอันโหดร้ายของท่านหมอเซียที่ราวกับถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่เช่นนี้ก็ตามที หากแต่พวกเขาย่อมไม่หาญกล้าสุ่มเสี่ยงปล่อยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยหรือยั่วโมโหท่านหมอผู้มีฝีมือการรักษาในระดับขั้นที่สามได้
“แค่เพียงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ยังไม่นับว่าสาหัสนักได้เท่านั้น เจ้าก็คิดว่าตนคือผู้สูงส่งไร้เทียมทานอย่างไม่อาจมีผู้ใดเทียบเทียมในใต้หล้านี้แล้วกระนั้นรึ” ท่านหมอเซียอัดลมหายใจลึกเข้าไปก่อนจะโพล่งน้ำเสียงกรรโชกขู่เข็ญที่เย็นชาออกมา “เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน จงอย่าเหิมเกริมให้มันมากนัก หาไม่แล้ว…..”
ยังไม่ทันจะกล่าวได้หมดประโยค สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยน เมื่อความรู้สึกด้านชาที่หัวเข่าชัดเจนขึ้นมาก เพียงเสียงดัง “ตุ้บ” เขาก็ทิ้งตัวลงอยู่ในท่าคุกเข่าบนพื้น
“หา—— !” ทุกคนร้องตะโกนลั่น
ไม่เคยมีผู้ใดคิดฝันมาก่อนเลยว่าท่านหมอเซียจะยอมคุกเข่าลงไปจริง ๆ อีกทั้งแม้สีหน้าของเขาจะบิดเบี้ยวแลดูน่ากลัว หากแต่เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาโขกศีรษะลงไปกับพื้นอย่างหนักหน่วงถึงสามครั้ง
ประกายในดวงตาของเกอซีฉายวูบวาบขึ้นมาเล็กน้อย แววตาคู่นั้นยังคงสุขุมบนท่าทีนิ่งสงบ แม้ยามที่นางชำเลืองลอดผ่านเข้าไปยังทิศทางที่บานหน้าต่างแห่งนั้นเปิดแง้มอยู่เพียงครึ่งเดียว
ผู้อื่นย่อมไม่อาจตระหนักรู้ได้ หากแต่นางย่อมรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าท่านหมอเซียหาได้จงใจที่จะคุกเขาให้แก่นางแต่อย่างใด หากเป็นด้วยแรงพลังที่ไร้ตัวตนนั้นกดทับลงไปยังเข่าและหลัง บีบบังคับร่างของเขาให้ทรุดลงคุกเข่าอย่างอับจนสิ้นหนทาง
ทว่าเกอซีเพียงยิ้มเยาะเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใสกระจ่าง “ข้าบอกแล้วว่า เพียงโขกศีรษะคำนับสามครั้งเท่านั้นนับว่าเพียงพอ เพราะหากเจ้าต้องการมอบตนเป็นศิษย์ ข้าก็ไม่ต้องการศิษย์เช่นเจ้า”
กล่าวจบหญิงสาวไม่รั้งรอให้ผู้ใดได้ขยับกาย เกอซีหันหลังผละจากสถานที่นั้นและหายไปในท่ามกลางฝูงชนอย่างรวดเร็วแค่เพียงชั่วลมหายใจที่เข้าออกสองสามคราเท่านั้น
ไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็นว่าท่านหมอเซียที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นนั้นมีโลหิตเหนียวซึมออกมาจากไรฟันด้วยเพราะการกดอัดกัดฟันแน่น ใบหน้าที่ให้ความรู้สึกฉลาดปราดเปรื่องราวบัณฑิตกลับบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป นัยน์ตาที่ดูราวกับมารปีศาจนั้นข้นคลั่งไปด้วยความเคียดแค้นขณะที่มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
***จบตอน คุกเข่าโขกศีรษะ***