“พระองค์ประทับอยู่ด้านใน เชิญคุณชาย”
ชิงหลงแง้มบานประตูออก ทั้งคู่เข้าไปใน “ห้องทิวไผ่สายหมึก” ห้องรับรองพิเศษแห่งโรงน้ำชาหว่านเฟิง
เกอซีคาดคำนวณไว้ในใจด้วยความมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าบุรุษลึกลับผู้ทำให้ท่านหมอเซียต้องทรุดกายลงคุกเข่าตรงหน้านางจะต้องเป็นผู้ที่ชิงหลงเรียกว่า “นายท่าน” ผู้นี้อย่างแน่นอน
ความหม่นมัวผุดโพลงขึ้นเรื่อย ๆ ในแววตาของเกอซี ทว่าสีหน้าของหญิงสาวกลับไม่ปรากฏร่องรอยแห่งความตื่นใจ นางเพียงติดตามชิงหลงเข้าไปในห้อง หากแต่ในมือยังคงยึดแท่งเข็มเงินไร้เงาส่วนหนึ่งอย่างแน่นเหนียวด้วยความตื่นตัวตลอดเวลา
ด้านในห้องคือบุรุษหนุ่มผู้กำลังนั่งจิบชาเพียงลำพังตรงข้ามบานหน้าต่าง เขาเอียงศีรษะหันมาเล็กน้อยในทิศทางที่เกอซีก้าวตรงเข้ามาในห้อง มุมปากเผยรอยแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัย
แสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าช่วยเพิ่มความสดใสด้วยเส้นสายริ้วสีแดงเหลือบแสงอำไพสีทองยามย่ำค่ำสนทยา เส้นสายแสงสีที่ทาบทับกันกระทบปลายขนตายาวของบุรุษหนุ่ม แผงนิ้วได้ส่วนเรียวงามนั้นประดุจชิ้นหยกเนื้อดี อาภรณ์สีขาวเหลือบเงินตบแต่งด้วยลวดลายปักเมฆาที่มืดครึ้มดั่งอยู่ในวังวนมายา ภาพที่เหลือบสีแดงอมส้มของแสงตะวันยามพลบค่ำส่งให้เขาแลดูประดุจเทพบุตรผู้ชุ่มโชกไปด้วยหยาดโลหิตทั้งงดงามพร่างพรายทำให้เคลิบเคลิ้มพร่ามัวดั่งต้องมนต์เสน่ห์แห่งปีศาจร้ายที่กระหายเลือด
เกอซีชะงักฝีเท้าทันที สีหน้าที่ตื่นตกใจประดุจดั่งหินผาก้อนมหึมาตกกระทบห้วงสมุทรที่นิ่งสงบจนแตกกระจายเป็นระลอกคลื่นโถมกระหน่ำ
เกอซีรับรู้ได้ทันทีว่ายามนี้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเสียแล้ว
ชายผู้นี้คือราชันมัจจุราชกระนั้นหรือ ? ราชันมัจจุราชผู้เป็นดั่งทรราชย์ในตำนาน ใจดำอำมหิตและมีพรสวรรค์อันล้ำเลิศผู้นั้นล่ะหรือ ?
อย่ามาล้อเล่น !
ชายผู้นี้คือผู้ที่บุกเข้าห้องนางในยามวิกาลเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าหน้าหล่อไม่บันยะบันยัง เจ้าคนไร้ยางอาย เจ้าโจรบุปผาล่าสวาทที่หมายจะกินเต้าหู้นาง*
*กินเต้าหู้ หมายถึง ผู้ชายที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิง เช่น ลวนลามจับต้อง กินตับ (ศัพท์แสลง)
บุรุษผู้นั้นยืนเอนอิงอยู่กับบานหน้าต่าง ครั้นเมื่อได้เห็นหน้าตาตื่นราวกับได้เจอภูตผีของหญิงสาวแววตาแห่งความเข้าใจอย่างช่วยไม่ได้โฉบผ่านดวงตาคู่นั้น อาการแย้มยิ้มบ่งบอกถึงความในใจได้อย่างชัดเจน
ชายหนุ่มเหยียดลำกายตั้งตรงผงกศีรษะเบา ๆ ทักทายเกอซี “ไม่เจอกันตั้งนาน ความเปลี่ยนแปลงของซีเอ๋อ*ทำให้เปิ่นหวาง*ประหลาดใจได้จริง ๆ ”
*เอ๋อ ใช้เรียกเมื่อมีความสนิทสนมอย่างมาก โดยจะเรียกชื่อตัวท้ายตามด้วยคำว่าเอ๋อ แต่ถ้าไม่สนิทต้องเรียกด้วยแซ่หรือชื่อ ไม่เรียกด้วยชื่อเล่นตามด้วยคำว่า เอ๋อ
*เปิ่นหวาง คือคำเรียกแทนตนเองขององค์ชาย
ซีเอ๋อน้องสาวเจ้าน่ะสิ ! ซีเอ๋อเจ้าน่ะสิ ! ซีเอ๋อบ้านเจ้าน่ะสิ !
ปากเกอซีกระตุกคันยุบยิบกระทั่งต้องอั้นทนไว้ครู่ใหญ่กว่าจะกัดฟันปล่อยน้ำเสียงออกไปได้ “คุณชายท่านนี้ ท่านกับข้าเพิ่งเคยได้พบเจอกัน ความคุ้นเคยนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ผู้ใดคือซีเอ๋อ ? เกรงว่าท่านอาจทักคนผิดกระมัง”
ความปากแข็งของนางแทบจะไร้ความหมายเมื่อฉับพลันเกอซีรู้สึกได้ถึงเงาร่างสูงตระหง่านที่เข้ามาปกคลุมร่างตลอดทั้งเรือนกายของนางอย่างกระทันหัน
กระแสพลังที่คนผู้นั้นนั้นถ่ายเทออกมาหนักแน่นแข็งแกร่งประดุจขุนเขาไท่ซาน* แรงพลังกดดันที่ปลดปล่อยออกมาทำให้หญิงสาวแทบหายใจไม่ได้
*ขุนเขาไท่ซาน* หรือไท้ซัวเป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงที่สุดในเมืองไท่อาน
ทว่ายิ่งแรงพลังนั้นถูกเปล่งเร่งเพื่อกดข่มนางมากเพียงไร เกอซีกลับยิ่งต่อต้านอย่างอึดทรหดมากเพียงนั้น ไม่ว่าจะในยามที่โอนอ่อนหรือเมื่อคราวที่ยโส ดวงตาของนางมักเปล่งประกายวูบวาบสุกสกาว
ฝ่ามือนั้นกุมเรียวคางของหญิงสาวบีบบังคับกดดันให้ยกขึ้น เมื่อศีรษะของนางถูกงัดขึ้นมาจึงต้องประสานเข้ากับดวงตาที่เยือกเย็นล้ำลึก มันเยียบเย็นประดุจห้วงมหานทีที่ล้ำลึกสุดประมาณ รูปของนางสะท้อนตกอยู่บนดวงตาที่ส่งประกายแวววาวคู่นั้น
ชายผู้นั้นโน้มกายเข้ามาหา น้ำเสียงที่อ่อนโยนแผ่วเบาห้าวแหบเอ่ยออกมาอย่างเนิบช้า “เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านี่คือนัยน์ตาสีม่วงที่งดงามแปลกตาเลอค่าไม่เหมือนผู้ใดที่ทำให้เปิ่นหวางหลงใหลตั้งแต่แรกเห็นอย่างแน่ชัด เปิ่นหวางจะลืมมันไปได้อย่างไร แม้รูปลักษณ์ของเจ้าจะแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังวิธีพิสดารที่เจ้าใช้นั้นเกือบจะทำให้เปิ่นหวางต้องหลงกลเจ้าเช่นกัน หากเพียงช่างย่ำแย่เสียจริง ที่สุดแล้วนัยน์ตาของเจ้ากลับทรยศเจ้าเสียเอง”
สีหน้าของเกอซีมืดหม่นลงทันใด ภายในใจพลันอ่อนแรงอย่างที่สุด
นางไม่ทันได้สังเกตสีดวงตาของน่าหลานเกอซีให้ละเอียดละออ เพียงพอจะจำได้ลาง ๆ ว่าดวงตาคู่นี้ย่อมมีสีดำตามปกติ หากเพียงบางเวลาที่อารมณ์ของนางปะทุขึ้นดวงตาคู่นี้จะส่งประกายสีม่วงวูบวาบชั่วพริบตา ทว่าผู้ใดจะมาให้ความสนใจกับสีนัยน์ตาของผู้อื่นกันเล่า ?
นางไม่คิดเลยว่าเรื่องแค่นี้จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างต้องบานปลาย ไม่คิดว่าความผิดพลาดที่เกิดจากการขาดความละเอียดอ่อนนั้นกลับทำให้ชายผู้นี้จดจำตัวตนของนางได้
เกอซีสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะผลักแขนที่เกาะกุมปลายคางนางไว้แน่นของชายผู้นั้นออกไป พร้อมกล่าวขึ้นด้วยน้ำสียงเย็นชา “องค์ชายราชันมัจจุราช ช่างมีเวลาว่างมากเสียจริง ไม่เพียงกระทำตนเป็นสุภาพชนที่ปีนขึ้นหลังคาชาวบ้านกลางดึกกลางดื่นเท่านั้น ท่านมีเวลามานั่งเพ่งมองสีตาผู้อื่นอีก ข้าใคร่อยากรู้นักว่าบรรดาเหล่าสตรีพวกนั้นจะยังคงคลั่งไคล้ท่านอยู่อีกหรือไม่หากได้รู้ว่าท่านมันเป็นพวกบ้ากามจิตวิตถาร !”
เพียงเสี้ยววินาทีสีหน้าของบุรุษผู้นั้นแสดงชัดถึงความพิศวง ก่อนที่เขาจะเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างคิดไม่ถึง
***จบตอน เขาคือราชันมัจจุราช !***