กล่าวจบเกอซีหันกายก้าวย่างมุ่งตรงไปยังประตูทางออกโดยไร้สิ้นอาการแห่งความลังเล
เมื่อหนานกงยวี่ได้เห็นแววตาที่โชนประกายแห่งความมาดมั่นในใจของหญิงสาว ดวงตาของชายหนุ่มส่งประกายสะท้อนอารมณ์ที่เบิกบาน
ผู้หญิงของเขาสมควรต้องมีจิตใจห้าวหาญความคิดอ่านที่น่าเกรงขามเยี่ยงนี้ แม้ยามต้องร้องขอสิ่งหนึ่งประการใดนางกลับไม่เคยต้องลดตนให้ต่ำต้อย ซ้ำร้ายกลับต้องทำให้ผู้คนทั้งหลายล้วนยินยอมพร้อมใจมอบสิ่งที่นางหมายปองให้ถึงมืออย่างนอบน้อมเชื่อฟัง
ทันทีที่ได้เห็นเกอซีกำลังผละจากไป โอวหยางจื้อโซวงกลับกลายเป็นฝ่ายร้อนรนกระวนกระวาย เขาชำเลืองสายตามายังองค์ราชันมัจจุราชผู้นิ่งสงบไม่ไหวติง ภายในใจยิ่งเต้นระทึกรัวแรง แม่ทัพใหญ่กัดฟันแน่นสั่งการทันใด “พวกเจ้าได้ยินคำสั่งของท่านหมอซียอดอัจฉริยะแล้วมิใช่หรือ รีบเปิดบานประตูออกเดี๋ยวนี้ !”
“ท่านพี่—— ! !” ฮูหยินโอวหยางร้องตะโกนลั่น
โอวหยางฮ่าวเซวียนผู้นอนอยู่บนเตียงปิดดวงตาแน่นสนิท ชายหนุ่มกัดฟันแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพื่อเตรียมอดทนต้อนรับความเจ็บปวดทรมานที่กำลังจะมาถึง
สายลมอ่อน ๆ พัดโชยแทรกตัวเข้ามาภายในห้องอย่างบางเบาผสานไปกับแสงแดดอุ่น ๆ ในยามสาย ธรรมชาติทั้งสองล้วนอิ่มเอิบไปด้วยพลังชีวิตอันมหาศาล
เพียงครู่กลิ่นโอสถที่รุนแรงหมักหมมอยู่ภายในห้องก็เลือนสลายหายไปกับกระแสลม พร้อมกับความสว่างสดใสพร่างพรายซึ่งเข้ามาแทนที่ความมืดมิดที่เคยมี ทำให้ตลอดทั่วทั้งห้องไม่ถูกครอบคลุมไปด้วยบรรยากาศที่หม่นมัวประดุจโลกมืดใต้ผืนธรณี
โอวหยางฮ่าวเซวียนเกิดอาการลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อย ๆ แง้มเปลือกตาของตนขึ้น สิ่งแรกที่สอดแทรกผ่านเข้าสู่ครรลองสายตา คือแสงแดดอันอบอุ่นที่เจิดจ้าแจ่มจรัส
ภายใต้ความเรืองรองแห่งแสงตะวัน ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนงดงามสุดเปรียบปานของหนุ่มน้อยเปิดเผยต่อสายตา
บนใบหน้าของเกอซีปราศจากรอยยิ้ม ไร้ซึ่งร่องรอยแห่งความอ่อนโยนหรือปรานี กลับกัน ในแววตานั้นมีเพียงความเย่อหยิ่งเย็นชา และมาดมั่น หากทว่าภายในใจที่แน่นิ่งสิ้นหวังของโอวหยางฮ่าวเซวียนที่เคยเป็นมา กลับพรั่งพรูไปด้วยความตื่นเต้นแตกตื่นใจอย่างไร้เหตุผล
“เซวียนเอ๋อ เจ้ารู้สึกเช่นไร ? เจ็บปวดตรงไหนบ้าง ?” ฮูหยินโอวหยางพุ่งตรงเข้าด้านหน้าของเตียง พลางรีบเอ่ยถามอย่างร้อนรน
ในที่สุดโอวหยางฮ่าวเซวียนก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ไม่เจ็บปวด…..เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น
ตลอดทั่วร่างไร้อาการกระตุกเกร็ง ไม่ปรากฏร่องรอยจ้ำคล้ำดำ อีกทั้งอวัยวะภายในไม่มีอาการสั่นเคลื่อน ไม่มีอาการบุบสลายจากความเจ็บปวด
สายตาแห่งความอัศจรรย์ใจจับจ้องไปยังเกอซี ปากของเขาอ้า ๆ หุบ ๆ อยู่หลายครากว่าจะหลุดเสียงที่แหบแห้งออกมาได้ “เจ้า…..เจ้าสามารถรักษาข้าได้จริงกระนั้นหรือ ?”
เกอซียกมือทั้งสองขึ้นกอดอก ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “รักษาอะไร ? รักษาเส้นชีพจรปราณฉีกขาดกระนั้นหรือ ? มิใช่ท่านแม่ทัพโอวหยางได้บอกกล่าวท่านอย่างมั่นอกมั่นใจว่า ข้าคือผู้มีความสามารถแสนวิเศษจึงเชิญข้ามาถึงที่นี่กระนั้นหรือ ?”
“ถูกแล้ว ! ถูกแล้ว !” โอวหยางจื้อโซวงรีบสมทบทันท่วงที บุตรชายของเขาสามารถต้านทานแรงลม และแสงแดดได้โดยไร้สิ้นอาการเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ย่อมทำให้เขาแทบจะหลั่งน้ำตาแห่งความปิติยินดีออกมา ดวงตาทั้งคู่แวววาวด้วยหยาดน้ำที่ซุกซ่อนอยู่ตามขอบตา “ท่านหมอซียอดอัจฉริยะ ได้โปรดใช้หัตถ์เทวะของท่านให้การรักษาบุตรชายของข้าด้วย !”
ฮูหยินโอวหยางเพิ่งจะรู้สึกตัวนางไร้สิ้นความคลางแคลงใจในความสามารถทางการแพทย์ของเกอซีโดยสิ้นเชิง หญิงสูงวัยรีบคุกเข่าลงกับพื้นร่ำไห้อ้อนวอนร้องขอให้เกอซีช่วยบุตรชายของนาง
ใบหน้าของเกอซีไม่ปรากฏร่องรอยแห่งความฉงนใจ หรือแม้แต่ความหวาดหวั่น ยามเมื่อนางวาดมือให้ฮูหยินโอวหยางลุกขึ้น “ข้าย่อมสามารถให้การรักษาเส้นชีพจรปราณที่ถูกทำลายของเขาได้อย่างแน่นอน หากแต่อาการป่วยของคุณชายโอวหยางอยู่ในระดับขั้นวิกฤติเช่นนี้ หาใช่เพียงด้วยเหตุที่กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นฉีกขาดถูกทำลาย หากแต่เป็นการต้องพิษ”
“พิษ ? ! !” โอวหยางจื้อโซวงอุทานลั่น เสียงเร่งเร้าเอ่ยถามออกไปอย่างแทบไม่อยากเชื่อ “มัน…..มันเป็นไปไม่ได้ ! ก่อนหน้านี้ พวกเราได้เชิญท่านหมอเข้ามาตรวจดูอาการ และให้การรักษาฮ่าวเซวียนมากมายจนมิอาจนับได้ หากแต่ไม่มีผู้ใดเลยที่สามารถบ่งบอกผลการวินิจฉัยโรคออกมาได้ว่าฮ่าวเซวียนต้องพิษ ! หรือว่า….หรือว่าจะเป็นเมื่อสองสามวันก่อน อาจมีผู้บุกเข้ามาในจวนโอวหยาง เพื่อวางยาพิษบุตรชายข้า ? ! !”
ในดินแดนแห่งนี้ ยาพิษที่สามารถทำอันตรายให้แก่ผู้มีพลังยุทธนั้นนับว่าไม่ธรรมดา ด้วยมิใช่เพียงเพราะยาพิษเหล่านั้นจะมีราคาสูงลิบเท่านั้น หากแต่พวกมันคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งนัก ที่สุดแล้วผู้ใดกันที่มีจิตใจเหี้ยมเกรียมทมิฬหินชาติ แม้จะได้เห็นฮ่าวเซวียนต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชถึงเพียงนี้ มันกลับไม่ยอมรามือจากเขาโดยง่าย
เมื่อคิดดังนี้ นัยน์ตาของโอวหยางจื้อโซวงจึงเต็มไปด้วยความแค้นเคือง คลื่นพลังกดดันที่หนักหน่วงถูกปลดปล่อยแผ่ซ่านกระจายออกมาโดยตลอดทั่วทั่งร่าง
ทว่าเกอซีเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาสามัญ ส่วนพลังฝีมือของโอวหยางจื้อโซวงนั้นแข็งแกร่งเกินกว่านางหลายเท่านัก เมื่อขุมพลังที่หนักหน่วงถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ แม้มันจะมิได้พุ่งเป้าโดยตรงมาที่นาง หากแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าของหญิงสาวต้องซีดเผือด
***จบบท โอสถพิษ***