เกอซีประหม่าจนจิตใจเต้นโครมคราม สีหน้าของนางแข็งกร้าว “ผู้ใดติดใจกัน ? น่ารังเกียจ !”
พร้อมกับคำกล่าวหญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดปาดรอยจูบที่ทำให้ริมฝีปากของนางต้องบวมแดง
เพียงครู่เดียว บรรยากาศรอบตัวกลับกลายเป็นมืดมัวดุดันประดุจคลื่นน้ำวนที่กำลังก่อตัวอยู่ใต้มหาสมุทรที่หมายจะสูบกลืนนาง
ใบหน้าของหนานกงยวี่ราวกับปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม หากทว่าท่วงทีของบุรุษหนุ่มยังคงความสุขุมลุ่มลึก ฝ่ามือข้างหนึ่งตวัดรั้งด้านหลังท้ายทอย ประกายตาที่เย็นเยียบจับจ้องหญิงสาว “เจ้ากล่าวว่า…น่ารังเกียจงั้นหรือ ?”
เมื่อเกอซีได้เห็นสีหน้ายามนี้ของหนานกงยวี่ นางแทบอยากหาทางล่าถอยหนี สีหน้าของหญิงสาวพลันซีดเผือด
แน่นอนว่าเกอซีย่อมรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย สิ่งที่เกิดขึ้นดูราวกับว่านางเป็นคนไม่ชัดเจนจนทำให้เขาเข้าใจผิด หากแต่เขาเป็นฝ่ายเริ่มกระทำผิดก่อน เมื่อเขาหักหาญน้ำใจนาง ย่อมสมควรที่นางจะกระทำตัวเย็นชาต่อเขา
ทว่าทันทีที่เกอซีเตรียมขยับหาทางหนีทีไล่ หนานกงยวี่กลับขยับเคลื่อนก่อน
ชายหนุ่มกดร่างของนางแนบชิดเข้าหาเรือนกายของตน ฝ่ามือข้างหนึ่งรั้งท้ายทอยส่วนอีกข้างตวัดรัดรอบเอวอ่อนบางไว้อย่างแน่นเหนียว เมื่อนางถูกคุมขังอยู่อย่างแน่นหนาภายใต้อ้อมกอดของเขา หนานกงยวี่ก้มกายลงฉกฉวยริมฝีปากน้อย ๆ ประทับจุมพิตให้แก่นางอีกครา
บทจูบครั้งนี้กลับยิ่งรุกรานย่ำยีหนักหน่วงกว่าคราแรก มันก้าวร้าวดุดันประดุจดั่งว่าเขากำลังตะกรุมตะกรามสูบกลืนวิญญาณของนางเข้าไปด้วย
เกอซีถูกยึดรั้งกายไว้ภายในอ้อมอกของหนานกงยวี่ ตลอดทั่วทั้งร่างอ่อนระทวยราวกับจะเหลวละลายกลายเป็นสายน้ำ เมื่อไร้สิ้นหนทางหลีกหนีหญิงสาวจึงถูกบีบคั้นให้ต้องจำยอมรับรสจูบที่เร้าร้อนของอีกฝ่าย
เมื่อรสรักสิ้นสุดลงเกอซีเหลือแรงพลังแค่เพียงอ้าปากหอบหายใจเท่านั้น พวงแก้มสีชมพูอ่อนละมุนแปรเปลี่ยนเป็นแดงชาดราวผลผิงกั่ว*สุก
*ผิงกั่ว คือผลแอ๊ปเปิ้ล
หนานกงยวี่ยกมือขึ้นลูบไล้พวงแก้มของหญิงสาว เขาสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนนุ่มมือของอีกฝ่าย เสียงหัวเราะแหบห้าวเปล่งออกมาเบา ๆ “เจ้าตัวน้อย ปากเจ้ากล่าวปฏิเสธ หากแต่ภายในใจกลับโอนอ่อน เช่นนี้แล้วเจ้ายังจะกล้าดึงดันกล่าวว่าเจ้าไม่ชอบใจอีกหรือ”
เกอซีกัดฟันแน่นนางยกศีรษะของตนขึ้นถลึงตาใส่ฝ่ายตรงข้าม “เจ้า…..”
โดยไม่ต้องรั้งรอให้นางเดือดดาลจนหลุดวาจาสบถสาบแช่ง หนานกงยวี่กลับเอ่ยนำมาก่อนด้วยน้ำเสียงระคนขบขัน “หากเจ้ากล้ากล่าวว่าน่ารังเกียจอีก ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะจูบจนกว่าเจ้าจะชอบใจ ซีเอ๋ออยากจะลองดูไหม ?”
เกอซีผู้แทบจะระเบิดโทสะออกไปกลับต้องรีบเก็บสะกดอารมณ์ทั้งหมดคืนกลับมา ความโกรธกริ้วทำให้คิ้วที่โค้งยาวได้รูปจิกเข้าหากันจนย่นเป็นรอยพับ ส่งให้ดวงหน้าน้อย ๆ ที่งดงามแลดูเคร่งขรึมขึ้นมาได้ถนัดตา
หนานกงยวี่อดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นใบหน้าโกรธกริ้วโกรธาราวกับลูกแมวน้อยของอีกฝ่าย สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มอิ่มเอมไปด้วยความเสน่หาสุขใจยามเมื่อได้จับจ้องมองนาง “ซีเอ๋อ เหตุใดเจ้าจึงน่ารักถึงเพียงนี้ ?”
น่ารักเจ้าสิ ! น่ารักบ้านเจ้าสิ !
เกอซีต้องกัดกรามแน่นอีกครั้งดังกรอด หากแต่คราวนี้นางรีบหลุบกายผละออกจากอ้อมแขนของหนานกงยวี่ มือข้างซ้ายแอบลอบยกผ้าม่านขึ้นพร้อมการตัดสินใจเตรียมกระโดดหนีพุ่งตัวออกจากทางหน้าต่าง
หากทว่าผลนั้นคือ ถ้อยวาจาถัดมาของหนานกงยวี่ทำให้นางต้องกลับกลายเป็นสาวน้อยที่นั่งลงอย่างว่าง่ายไปอีกครา “เจ้าไม่อยากรู้วิธีใช้ผลหยวนหยางแล้วหรือ ?”
หนานกงยวี่เพียงเอ่ยขึ้นลอย ๆ หากแต่เกอซีผู้รับฟังกลับเดือดดาลพลุ่งพล่านจนแทบอยากจะฟาดใบหน้าขบขันกรุ้มกริ่มของฝ่ายตรงข้ามให้กลายเป็นหัวสุกรแบะไปเสีย
เยี่ยม ! เยี่ยมมาก ! เจ้าถือว่าตนถือไพ่เหนือกว่าด้วยมีสิ่งที่ข้าใคร่รู้ หากแต่วีรชนต้องไม่ทดท้อเพียงเพราะความพ่ายแค่ครั้งเดียว ข้าขอน้อมรับความพ่ายแพ้ครานี้ !
ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง นางไม่เชื่อว่าภายหลังจากที่ตนสามารถฝึกฝนพลังฝีมือได้แล้ว หนานกงยวี่จะยังสามารถขู่กรรโชกนางเช่นนี้ได้อีก
เมื่อวันนั้นมาถึง นางจะให้เขาได้รู้ว่าเหตุใดบุปผางามจึงมีสีแดง !
เกอซีสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่ออัดลมหายใจเข้าไปอีกเป็นครั้งที่สองหญิงสาวจึงเพิ่งจะสามารถสะกัดกั้นความขุ่นเคืองภายในใจของตนลงได้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่พยายามฝืนปั้นแต่งหันกลับมา “เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าองค์ราชัน…หนานกงยวี่ จะช่วยอธิบายวิธีใช้ผลหยวนหยางให้แก่ข้าจะได้ไหม ?”
ปลายคิ้วรวมตลอดไปถึงหางตาของชายหนุ่มยกสูงขึ้นพร้อมรอยแย้มยิ้ม เขากำลังคิดว่าสาวน้อยผู้อยู่เบื้องหน้านางนี้ช่างฉลาดเฉลียวแกมเจ้าเล่ห์หากแต่กลับน่ารักยิ่ง ข้อมือของนางดูจะยังเจ็บระบมด้วยถูกแรงกำลังของเขายึดกุมไว้เมื่อครู่ก่อน สีหน้าของนางบ่งบอกว่าอยากหยิบยกมันขึ้นมานวดคลึงเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดลงไปบ้าง หากแต่กลับไม่กล้า นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้ใจจนอยากจะฉวยคว้าร่างของนางเข้ามาไว้ในอ้อมอกอีกคราเพื่อจะได้ช่วยบีบนวดผ่อนคลายให้บ้าง
หนานกงยวี่ปล่อยเสียงหัวร่อออกมา ทว่าเมื่อเห็นเกอซีกำลังจะเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกระรอกเขาจึงสงบเสียงหัวเราะ พลันเปลี่ยนกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผลหยวนหยางที่ถูกนำมาใช้โดยตรงจะสามารถส่งประสิทธิผลได้มากกว่านำมันไปสกัดเป็นโอสถ เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ ร่างของเจ้าจำเป็นต้องสามารถแบกต้านพลังกระทบจากผลหยวนหยางได้ หาไม่แล้วร่างของเจ้าจะระเบิดเป็นจุณ โชคร้ายเหลือเกินที่มีเพียงหนทางเดียว”
***จบตอน ข้าจะจูบจนกว่าเจ้าจะชอบใจ***