เกอซีบุ้ยปากเอ่ยตอบดุดัน “เช่นนั้นข้าจะทำเยี่ยงไรจึงสามารถต้านทานแรงพลังจากผลหยวนหยางได้เล่า ?”
หนานกงยวี่กระแอมขึ้นก่อนจะเผยรอยยิ้มเบาบาง “การจะต้านทานพลังจากผลหยวนหยางได้ จำต้องใช้สิ่งที่เยียบเย็นที่สุดแห่งพลังหยินซึ่งนับเป็นคู่ปรับกับผลหยวนหยาง มันจะสามารถดึงดูดนำทางอายพลังร้อนจากผลหยวนหยางให้พุ่งตรงเข้าสู่จุดตันเถียน และปรับสภาพพลังที่แผดร้อนจากผลหยวนหยางให้กลับกลายเย็นขึ้นจนอยู่ในสภาวะที่ร่างกายสามารถแบกรับได้”
เกอซีขมวดคิ้วมุ่น “สิ่งที่เย็นเยียบที่สุดแห่งพลังหยินคือสิ่งใด ?”
หนานกงยวี่แย้มยิ้มบางขึ้นอีกครา “นำผลหยวนหยางออกมาก่อน”
เกอซีเหลือบมองชายหนุ่มด้วยความเคลือบแคลงใจ หากแต่การกระทำของนางกลับไม่ชะงัก หญิงสาวหยิบกล่องหยกซึ่งบรรจุผลหยวนหยางสองผลออกมาจากมิติเวท
ผู้ที่กำลังนั่งประจันหน้านางอยู่คือองค์ราชันมัจจุราชผู้เกริกไกร เพียงผลหยวนหยางขั้นห้าย่อมไม่นับเป็นอย่างไรได้ในสายตาของเขา
เมื่อหนานกงยวี่เห็นหญิงสาวหยิบผลหยวนหยางออกมาอย่างปราศจากความลังเล ความสว่างไสวเจิดจ้าบนดวงตาพลันโชนประกายขึ้น
เขารับกล่องหยกเปิดขึ้นอย่างเบามือ เปลวอายร้อนระอุระเบิดพุ่งออกมาทันที ทว่าราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ปลายนิ้วเรียวยาวเหยียดยื่นออกไปคว้าผลหยวนหยางในกล่องอย่างนุ่มนวล
ครู่ต่อมา ผลหยวนหยางในอุ้งมือพลันหายไปต่อหน้าต่อตาเกอซี หนานกงยวี่นำมันเข้าไปฝากไว้ในมิติเก็บของส่วนตัวของตนแล้ว
เกอซีผู้จับจ้องอยู่กระพริบตาปริบ เป็นครู่ที่หญิงสาวยังไม่อาจเข้าใจได้ว่าหนานกงยวี่ต้องการทำสิ่งใด
ดวงตาของหนานกงยวี่จับจ้องอยู่ที่เกอซีอย่างล้วงลึก หากแต่แทนที่จะเอ่ยอธิบาย เขากลับเหยียดแขนจัดเส้นผมที่หลุดออกไม่เป็นระเบียบเหน็บกลับเข้าไปอยู่หลังใบหูก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ “ข้าขอเก็บผลหยวนหยางนี้เป็นรางวัล หนึ่งเดือนให้หลังข้าจะนำสิ่งที่เย็นเยียบที่สุดของพลังหยินมาให้เจ้า เมื่อนั้นเจ้าจะสามารถทำลายผนึกที่ปิดกั้นจุดตันเถียน และสามารถฝึกฝนพลังฝีมือได้”
สายตาของเกอซีทอดออกไปอย่างว่างเปล่า นางแทบจะโพล่งไถ่ถามออกไปว่าเหตุใดเขาจึงช่วยเหลือนางมากมายถึงเพียงนี้ แค่ผลหยวนหยางหนึ่งผลที่ถือเป็นของรางวัลนางหาได้ติดใจไม่ ด้วยมันสมควรเป็นของเขาอยู่แล้ว
เพียงทว่าสายตาที่แผดเผาของหนานกงยวี่ทำให้เสียงของนางติดขัด ไม่ว่าจะทำเช่นไร น้ำเสียงของนางก็ไม่สามารถเปล่งออกมาได้
ชายหนุ่มก้มศีรษะต่ำลงมา ลมหายใจอุ่นรวยรินระผ่านใบหน้านางอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากแดงระเรื่อแยกออกจากกัน น้ำเสียงของเขามอบความสนิทสนมคุ้นเคย “ซีเอ๋อ เจ้าเชื่อข้าหรือไม่ ?”
ทั่วทั้งร่างของเกอซีแข็งค้างราวกับถูกแช่แข็ง ประดุจดั่งต้องมนต์มายา จิตใจอ่อนยวบหวั่นไหว
แม้นางจะไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้ หากแต่จิตใต้สำนึกกลับนำพาให้หญิงสาวผงกศีรษะรับ
ถูกแล้ว นางเชื่อหนานกงยวี่ นางเชื่อชายแปลกหน้าผู้นี้ บุรุษลึกลับผู้ให้ความช่วยเหลือนางมากมายเหลือเกิน
แม้จะไร้เหตุผล หากแต่นางกลับเชื่อว่าสิ่งที่หนานกงยวี่ให้คำมั่นไว้เขาจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน
เพียงไม่ช้าไม่นาน รถม้าก็มาถึงสถานที่ไกลห่างจากชุมชน มันหยุดอยู่ไม่ไกลจากเรือนของนาง
เกอซีลงจากรถม้าด้วยท่าทีสง่างามก่อนจะโบกมือลาหนานกงยวี่พร้อมหมุนกายรีบรุดกลับเข้าเรือน
แม้ยามค่ำคืนจะเหน็บหนาวหากทว่ากลับไม่อาจขับไล่อายผ่าวร้อนบนใบหน้าของนางได้ ภายในใจยังคงระทึกรัวอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
หนานกงยวี่ยกผ้าม่านส่งสายตามองแผ่นหลังของเกอซีที่ทิ้งห่างออกไป ประกายตาที่ซับซ้อนวาบผ่านดวงตาของชายหนุ่ม
ด้านนอกรถม้า คิ้วของชิงหลงขมวดย่นเข้าหากัน ยามเมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปยังทางที่เกอซีมุ่งไป ริ้วรอยแห่งความกังวลกวาดผ่านดวงตาของเขา
อีกหนึ่งเดือน มิใช่ช่วงที่พระองค์ท่านจะต้องเก็บตัวหรอกหรือ ? นายท่าน….พระองค์คิดว่าตนกำลังทำสิ่งใดอยู่ ?
เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว สีหน้าของมังกรฟ้าชิงหลงกลับกลายเป็นน่ากลัวยิ่งนัก ในแววตาเผยรังสีอายสังหารพิฆาต
เขาจะไม่ยอมปล่อยมันผู้ใดที่เป็นภัยต่อความปลอดภัยของพระองค์ท่านอย่างแน่แท้
***จบตอน เจ้าเชื่อข้าหรือไม่ ?***