เปิดจุดตันเถียน ผ่องถ่ายพลังปราณให้โคจรโลดแล่นได้ทั่วร่างคือสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด หากแต่สวรรค์ช่างลำเอียงนักเมื่อดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดที่นางพอจะพึ่งพาอาศัยได้เลยนอกไปเสียจากหนานกงยวี่ผู้นี้
แม่นมเฉินรีบออกมาต้อนรับคุณหนูของตนเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านนอก ทว่าหญิงชรากลับต้องตกใจเมื่อเห็นหนานกงยวี่เข้าประชิดสนิทสนมกับเกอซีถึงเพียงนั้น
ทั่วสรรพางค์กายของบุรษหนุ่มคือกรุ่นอายแห่งความสูงศักดิ์ และทรงพลัง ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาหมดจดจนทำให้เหล่าอิสตรีล้วนต้องตกตะลึงหูตาพร่าเลือนอึดอัดบีบรัดความรู้สึกอย่างเหลือแสน !
“คุณหนู……คุณชาย ท่านกลับมาแล้วหรือ ?” แม่นมเฉินจับจ้องหนานกงยวี่อย่างระแวดระวัง นางพยายามประคองจังหวะการหายใจให้เป็นปกติเมื่อเอ่ยถามไถ่ “ท่านผู้นี้คือ…… ?”
เกอซีเหลือบมองหนานกงยวี่ ท่าทีของเขาเฉยเมยเย็นชา นัยน์ตาเย็นยะเยียบดั่งน้ำแข็งประดุจดั่งว่าเขาคือเทพเซียนจากสวรรค์ชั้นฟ้าผู้มองดูเหล่าสรรพชีวิตทั้งหลายที่เป็นดั่งมดปลวก อายพลังที่ถูกปลดปล่อยออกรอบกายกดขี่บีบเค้นให้ผู้คนทั้งหลายล้วนมิอาจเข้าถึงต้องหลีกกายห่างไกล หากเมื่อเปรียบเทียบกับบุรุษผู้เคยอยู่เบื้องหน้านางกับบุรุษที่เห็นยามนี้ ช่างแตกต่างราวกับท้องฟ้า และหุบเหว
หนานกงยวี่ผู้มีท่วงท่าเช่นนี้ช่างเหมือนกับราชันมัจจุราชผู้เป็นดั่งตำนาน ทรราชผู้ไร้ใจ โหดเหี้ยมอำมหิต สังหารผู้คนเป็นผักปลา
“ท่านผู้นี้คือ….คุณชายยวี่ และนี่คือไป๋หู่ ผู้ติดตาม” ใบหน้าของเกอซีตึงเกร็งยามเมื่อต้องแนะนำพวกเขาทั้งสอง หญิงสาวกัดฟันกล่าวเสริม “ที่ข้ามีวันนี้ได้ก็ด้วยเพราะความช่วยเหลือจากคุณชาย”
แม่นมเฉินเปล่งอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น ฉับพลันสีหน้าท่าทางยามเมื่อจับจ้องหนานกงยวี่ และไป๋หู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกซาบซึ้งชื่นชมอย่างที่สุด
เกอซีจงใจกล่าวคลุมเคลือเพื่อให้แม่นมเฉินเข้าใจผิดคิดว่านางสามารถหนีหลุดรอดออกมาจากหอรื่นรมย์ และสามารถพัฒนาพลังฝีมือของตนได้ด้วยเพราะความช่วยเหลือจากหนานกงยวี่
บุรุษผู้นี้คือผู้มีพระคุณของคุณหนู !
ความตระหนกหวาดกลัวในหนานกงยวี่พลันถูกหลงลืมไปสิ้น ไม่เว้นกระทั่งคุณหนูของนางก็ยังถูกหลงลืม หญิงชรารีบเชื้อเชิญแขกทั้งสองเข้าบ้านด้วยท่าทีสุภาพอ่อนโยน
“คุณชายยวี่ ท่านสู้อุตส่าห์เดินทางมาเยือนเรือนน้อยที่ห่างไกลเช่นนี้ น่าจะอยู่กินอาหารด้วยกันก่อน แม้สำรับจะมีไม่มากนัก แต่ข้ารับรองได้ว่าเรามีภักษาพลังปราณที่รสชาติยอดเยี่ยมที่สุดแห่งจินหลิง ! คุณชายยวี่ ท่านต้องลองชิมให้ได้นา !”
ไป๋หู่ที่เดินตามหนานกงยวี่เข้ามากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “ภักษาพลังปราณที่อร่อยที่สุดงั้นรึ หึหึ ยังจะมีภักษาพลังปราณใดแห่งนครจินหลิงที่นายข้าไม่เคยลิ้มลองบ้าง ? ท่านแม่นมไม่กล่าวโอ้อวดเกินไปกระนั้นหรือ ?”
กวาดตามองไปจนทั่วเรือนหลังน้อยสภาพทรุดโทรมที่ตั้งอยู่ในสถานที่อับพลังปราณเยี่ยงนี้แล้ว แค่เพียงมนตราคุ้มกันก็ยังไม่มี แล้วไยจะมีหินผลึกมากพอที่จะสร้างห้องครัวพลังปราณเล่า ?
หากแต่แม้แม่นมเฉินจะได้ยินวาจาเช่นนั้น ความขุ่นเคืองหรือเสียหน้าแม้เพียงน้อยกลับมิได้ปรากฏ กลับกัน นางหันไปหาใบหน้าที่เฉยชาของเกอซีอย่างภาคภูมิพลางเอ่ยกล่าวสิ่งที่น่าพิศวง “คุณชายยวี่และคุณชายไป๋หู่เห็นจะไม่ทราบกระมังว่าคุณชายของเราคือผู้ช่ำชองด้านภักษาพลังปราณ ข้ากล้าพูดได้เลยว่าสำรับที่คุณชายของเราปรุงออกมานั้นแม้กระทั่งโรงเตี๊ยมเซียนสำราญก็ยังมิอาจเทียบเคียง”
ไป๋หู่ยังทำหน้าล้อเลียนด้วยไม่มีความเชื่อถือในวาจาของนางแม้เพียงน้อย
หากแต่หนานกงยวี่กลับเลิกคิ้วสูงด้วยความสนใจ ชายหนุ่มหันไปแสร้งยิ้มยั่วใส่เกอซี “เหตุใดเปิ่นหวางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าซีเอ๋อเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ?”
ท่วงทีของหญิงสาวยังคงไม่แปรเปลี่ยน นางเพียงเอ่ยขึ้นลอย ๆ “แม่นมเฉินแค่เพียงกล่าวคำไร้สาระ ท่านอย่าได้ใส่ใจ”
“ไร้สาระอันใด !” แม่นมเฉินสวนกลับอย่างร้อนรน “คุณหนู…..คุณ…..คุณชาย ทุกคนในเรือนที่ได้กินอาหารฝีมือคุณหนูล้วนเอ่ยชมเป็นเสียงดียว ! หากยายเฒ่าอย่างข้าโป้ปด ขอให้ฟ้าผ่าลงศีรษะได้เลย !”
“กล่าวถึงเพียงนี้ เห็นทีข้าต้องลองชิมดูหน่อยเสียแล้ว” หนานกงยวี่คลี่ยิ้มน้อย ๆ ขึ้น
เกอซีอยากจะวิ่งเข้าไปอุดปากแม่นมเฉินยิ่งนัก หากแต่กลับไม่มีโอกาสจึงจำใจทำได้แค่เพียงกัดฟันแค่นเสียงออกมา “ในเรือนนี้ไม่มีเครื่องปรุงมากพอ รอไว้วันหน้าเถิด”
นางมิได้โป้ปด แม้ว่าในเรือนจะกักตุนอาหารไว้มากมายก็จริง ทว่าส่วนใหญ่เป็นเพียงเนื้อสัตว์เวทคุณภาพต่ำซึ่งมีไว้ปรุงอาหารให้แก่ซีเจี่ย และพรรคพวกซึ่งเป็นผู้มีพลังยุทธเพียงระดับต้น อาหารที่ต้องการจึงไม่จำเป็นต้องมีพลังปราณขั้นสูง ผิดกับหนานกงยวี่ หากชายหนุ่มรับเนื้อสัตว์เวทย์คุณภาพต่ำเข้าไปย่อมไม่อาจได้รับความพึงพอใจสมกับที่ควรเป็น
***จบตอน ผู้ช่ำชองภักษาพลังปราณ***