เมื่อวาจาหลุดออกจากปากไป เกอซีรู้สึกเจ็บใจยิ่งนักที่ต้องกระทำตัวพินอบพิเทาผู้อื่นถึงเพียงนี้ นางหาได้กระทำสิ่งใดผิดแล้วเหตุใดนางกลับต้องเป็นฝ่ายก้มหัวน้อมรับความผิดเสียเอง !
หนานกงยวี่มีสีหน้าท่าทางแจ่มใสขึ้นเล็กน้อย ยามเมื่อเขาปล่อยเสียงหัวเราะออกมาแผ่วเบา “ต่อไปหากเจ้ากระทำความผิดซ้ำอีกครา เปิ่นหวางจะไม่ยอมยกโทษให้เจ้าง่าย ๆ แน่”
เกอซีรู้สึกหวาดหวั่นต่อแววตาเฉียบคมที่ดูราวกับมีความนัยอันล้ำลึกแฝงเร้นอยู่ยามเมื่อสายตาคู่นั้นจับจ้องมองมาที่นาง มิรั้งรอให้หญิงสาวได้ตอบโต้ เสียงหนานกงยวี่พลันเอ่ยขึ้น
“ไปกันเถิด เป้าหมายของเราอยู่ห่างจากที่นี่พอควร เราค่อยพูดคุยกันไประหว่างทางก็ย่อมได้”
พลังฝีมือของหนานกงยวี่บรรลุถึงระดับขั้นที่สามารถเหาะเหินเดินนภาได้แล้วหากแต่เมื่อเกอซีเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาผู้ไร้วรยุทธ อีกทั้งยังติดด้วยกฏเมืองของเหยียนจินในข้อห้ามมิให้ผู้มีวรยุทธรุมต่อยตีต่อสู้โรมรันกัน เช่นเดียวกับข้อห้ามมิให้เหาะเหินแหวกอากาศรบกวนชาวบ้าน
ดังนั้นทั้งสองจึงเดินออกจากโรงน้ำชาด้วยกันอย่างไม่รีบร้อน
หนานกงยวี่คือบุรุษรูปร่างสูงโปร่งหล่อเหลาสง่างามองอาจผ่าเผยโดดเด่นสะดุดสายตา ขณะที่เกอซีให้ความรู้สึกของหนุ่มน้อยที่สูงส่งสว่างไสวบริสุทธิ์ไร้ราคีแปดเปื้อน เมื่อทั้งคู่เดินเท้าไปด้วยกันเช่นนี้ ย่อมตกเป็นเป้าสายตาที่ดึงดูดสิ่งมีชีวิตทั้งปวงให้รวมเข้ามา
เหล่าผู้คนที่ผ่านไปมาล้วนต่างพากันหันมองจนเหลียวหลังด้วยสายตาที่ตกอยู่ในภวังค์ค้างนิ่งอยู่กับภาพที่ปรากฏตรงหน้า กระทั่งบางคนพลั้งเผลอเดินชนกำแพง บ้างก็เดินชนข้าวของสิ่งรอบกายอย่างลืมตัว
“หากเจ้าต้องการจะเปิดผนึกจุดตันเถียน จำเป็นต้องใช้สิ่งที่อุดมไปด้วยพลังหยาง ใต้หล้านี้ สิ่งที่อุดมไปด้วยพลังหยางมิใช่จะพบเจอได้อย่างง่ายดาย หากแต่นับว่ายังโชคดีที่พลังปิดผนึกจุดตันเถียนของเจ้านั้นลดทอนแรงกำลังลงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เจ้าจำต้องใช้นั้นคือสิ่งที่สามารถเผาผลาญพลังหยางให้ถึงระดับสูง ผลหยวนหยางขั้นห้านับว่าเพียงพอ”
“ผลหยวนหยาง ?”*
*หยวนหยาง แบ่งเป็นสองคำนั้นคือ หยวนหมายถึง แรกเริ่ม ตั้งต้น ต้นกำเนิด
หยาง หมายถึงดวงอาทิตย์ ความร้อนแรง บุรุษเพศ
แม้เกอซีจะล่วงรู้เรื่องราวแทบทั้งหมดในโลกใหม่แห่งนี้ อีกทั้งยังรู้ว่าพฤกษาเวทที่มีพลังในระดับที่ห้านั้นมีค่าสูงส่งยิ่งนัก หากแต่นางต้องใช้ตำลึงเงินสักเท่าใดกันจึงจะสามารถเป็นเจ้าของได้สักหนึ่งผล
หนานกงยวี่เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของหญิงสาวเช่นนั้น เขาหันหน้ามองทางซ้ายทีทางขวาทีก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้ารู้จักตระกูลโอวหยางหรือไม่ ?”
เกอซีนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าไปมาพลางกระซิบกระซาบตอบ “ข้าไม่รู้จักกระทั่งเจ้าผู้เป็นองค์ราชันมัจจุราชที่เลื่องลือสนั่นแล้วข้าจะไปรู้จักตระกูลโอวหยางอะไรนั่นได้อย่างไรเล่า”
หนานกงยวี่โน้มศีรษะเข้ามาใกล้สายตาจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวก่อนจะเอ่ยถ้อยสำคัญ “ในอาณาจักรจินหลิงแห่งนี้ ตระกูลโอวหยาง ตระกูลน่าหลาน ตระกูลมู่หรงคือสามตระกูลใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล ผู้นำแห่งสกุลโอวหยางคือ โอวหยางจื้อโซวง เขามีกองทหารม้าถึงแสนนายอยู่ในมือ อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ กล่าวได้ว่าไม่มีผู้ใดในเมืองเหยียนจิงไม่รู้จักชายผู้นี้”
เกอซีกระสับกระส่ายว้าวุ่นเมื่อต้องตกอยู่ภายใต้สายตาจับจ้องของหนานกงยวี่ หญิงสาวรีบโพล่งออกไป
“ทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกับข้า ?”
หนานกงยวี่หัวเราะขึ้นเล็กน้อย “แม้ว่าพฤกษาเวทขั้นห้ายังไม่อาจจัดได้ว่าเป็นพฤกษาเวทที่มีระดับสูงมากนัก หากแต่คุณสมบัติของมันนับว่าโดดเด่นยิ่ง ผลหยวนหยางนับเป็นสิ่งหาได้ยากเย็น หากแต่บังเอิญเสียจริงที่โอวหยางจื้อโซวงสามารถครอบครองผลหยวนหยางไว้ได้ถึงสองผล”
นัยน์ตาของเกอซีเปล่งประกายขึ้นทันใดก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นตามมา “เมื่อผลหยวนหยางคือสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งนัก เช่นนั้นท่านแม่ทัพโอวหยางจื้อโซวงผู้ขึ้นชื่อลือชาจะยอมขายผลหยวนหยางให้ข้าโดยง่ายได้เยี่ยงไร ?”
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่านางไม่อาจมีตำลึงเงินมากเพียงพอที่จะซื้อพฤกษาเวทล้ำค่าเช่นนี้
“เขาย่อมไม่ขายอย่างแน่นอน” หนานกงยวี่ส่ายศีรษะไปมา “ทว่า โอวหยางจื้อโซวงมีบุตรชายเพียงคนเดียว นั่นคือโอวหยางฮ่าวเซวียน คนผู้นี้นับเป็นยอดอัจฉริยะในบรรดาขุนนางรุ่นราวคราวเดียวกัน ด้วยวัยเพียงยี่สิบหกปีเขาสามารถบรรลุพลังปราณระดับขั้นปฐพีสะท้านสะเทือน หากแต่สวรรค์กลับไม่เข้าข้าง เมื่อปีที่ผ่านมาขณะที่เขากำลังฝึกฝนพลังฝีมืออยู่ในเขตป่าอสูรมนต์มายาเขาถูกจู่โจมอย่างหนัก ไม่เพียงสูญเสียพลังยุทธกระทั่งต้องกลายเป็นผู้พิการไร้สิ้นวรยุทธโดยสมบูรณ์เท่านั้น กล้ามเนื้อตลอดถึงเส้นเอ็นในกายทั่วร่างฉีกขาดสะบั้น โอวหยางจื้อโซวงเชิญหมอจากทั่วทุกสารทิศในจินหลิง ไม่เว้นกระทั่งการเข้าไปขอความช่วยเหลือจากบรรดาหมอในสหพันธ์แพทย์ หากแต่กลับไม่มีผู้ใดสามารถให้การรักษาอาการเจ็บป่วยของโอวหยางฮ่าวเซวียนได้เลย”
“โอวหยางฮ่าวเซวียนคือผู้สืบสกุลโลหิตสายตรงแต่เพียงผู้เดียวแห่งตระกูลโอวหยาง หากเขาต้องจบชีวิตลง ตำแหน่งผู้นำสกุลโอวหยางของโอวหยางจื้อโซวงยามนี้ย่อมต้องตกไปสู่เครือญาติที่ไกลห่างออกไป นั่นย่อมสั่นคลอนต่อตำแหน่งของโอวหยางจื้อโซวง ในฐานะผู้นำสกุลโอวหยางเขาจะทำให้ตระกูลโอวหยางต้องตกต่ำลงจนถึงขีดสุด เช่นนั้นความเจ็บป่วยของโอวหยางฮ่าวเซวียนไม่อาจนับได้ว่าเป็นเพียงความเป็นความตายของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น มันนับได้ว่านี่คือจุดชี้ชะตาของตระกูลโอวหยางทั้งตระกูลเลยทีเดียว ครานี้เจ้าลองบอกข้าสิว่า สิ่งใดจะสำคัญยิ่งไปกว่ากันระหว่าง ผลหยวนหยางที่หาได้มีความสลักสำคัญใดเพียงสองผลกับชะตาเป็นไปแห่งตระกูลโอวหยาง ?”
***จบตอน ผลหยวนหยางขั้นห้า***