ช่วงขณะนั้นเอง กลุ่มบุรุษชุดดำที่แยกย้ายไปตามห้องเล็กห้องน้อยกลับมารวมตัวเพื่อรายงานความคืบหน้าแก่บุรุษตรงหน้าเกอซี
สถานที่นี้คือดินแดนไร้ค่าที่ไม่มีกระแสพลังปราณใดแม้เพียงน้อย ดังนั้นเมื่อค้นหาไปตลอดทั่วทั้งตัวเรือนน้อยใหญ่ และสวนกว้าง พวกมันล้วนไม่อาจพบพฤกษาเวทหรือหินผลึกแม้เพียงก้อน ยิ่งมิได้เอ่ยถึงสิ่งล้ำค่าเยี่ยงแผ่นหยกบันทึกความ
บุรุษชุดดำจ้องเกอซีผู้กำลังหลับใหลอย่างหัวเสีย เขาตวัดข้อมือขึ้นหมายจะบีบคอ
เกอซีผู้อยู่ในมิตเวทตื่นผวา ยามนี้รังสีเข่นฆ่าจากชายผู้นี้รุนแรงชัดเจน ความรู้สึกที่ทั้งขยะแขยงรังเกียจท่วมท้นประหนึ่งว่าเขาอยากจะฉีกร่างของนางออกเป็นชิ้น ๆ
รูขุมขนทุกเส้นทั่วทั้งอณูในร่างของเกอซีตั้งชูชันจนมิอาจทนอยู่ในมิติเวทได้อีกต่อไป ทว่าทันทีที่กำลังจะขยับกาย กลับได้ยินเสียงต่ำแหบพร่าของบุรุษผู้นั้น “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าผู้งดงามอย่างน่าตื่นตะลึงเยี่ยงเจ้า กลับทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขที่เป็นเพียงเศษสวะไร้ค่าซึ่งถือกำเนิดมาเพียงเพื่อจะถูกข่มเหงรังแกเช่นนี้ หากตอนนั้นเจ้ายอมเชื่อฟังข้าแต่โดยดี….หึหึ เรื่องทั้งหมดคงไม่ลงเอยเช่นนี้ ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าเจ้าเคยหวนนึกเสียใจกับสิ่งที่ตนตัดสินใจกระทำลงไปหรือไม่ !”
กล่าวจบ ชายผู้นั้นถอนฝ่ามือของตนออกพร้อมออกคำสั่งอย่างเบาเสียง “กลับ” พวกเขาทั้งหมดออกไปจากห้อง
เมื่อเกอซีมั่นใจแล้วว่าเหล่าผู้บุกรุกทั้งหลายได้ผละจากเรือนหลังน้อยไปแล้ว จิตใต้สำนึกของนางจึงออกจากมิติเวทหวนกลับคืนสู่ร่าง
ยกมือขึ้นสัมผัสลำคอ มันยังคงเย็นยะเยียบ ร่องรอยแห่งความเคลือบแคลงสงสัยผุดขึ้นภายในใจ ถ้อยวาจาสุดท้ายที่ชายผู้นั้นทิ้งไว้หมายความเช่นไร ? ผู้งดงามอย่างน่าตื่นตะลึง หรือจะเป็นมารดาของน่าหลานเกอซี ?
ทว่ามารดาของน่าหลานเกอซีคืออนุของน่าหลานเจิ้งเจ๋อมิใช่หรือ หากนางคือสตรีผู้งดงามไร้ที่ติแล้วเหตุใดจึงยอมตนเป็นเพียงอนุภรรยาเล่า ?
เดิมทีนางเคยคิดว่าน่าหลานเกอซีคือบุตรสาวจากอนุภรรยาผู้ไม่ได้รับการเหลียวแลแห่งสกุลน่าหลาน เป็นอนุผู้ต่ำต้อยไม่สลักสำคัญ เป็นผู้ขลาดเขลาขี้กลัว ไร้พรสวรรค์ไร้พลังฝีมือซึ่งแม้กระทั่งบ่าวรับใช้ชั้นต่ำระดับล่างสุดก็ยังไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ทว่ายามนี้ดูเหมือนสถานภาพที่แท้จริงของน่าหลานเกอซีเริ่มจะชัดเจนขึ้นมาบ้างแล้ว…..เห็นทีเรื่องนี้จะไม่ตื้นเขินดังที่คาดเสียแล้ว
เกอซีเดินสำรวจทุกเหลือบซอกมุมในเรือนหลังน้อยด้วยความฉงนสงสัย
กลุ่มคนพวกนั้นตรวจตราอย่างละเอียดละออทุกซอกมุม ทั้งในสวนยังถูกสุ่มขุดเป็นหลุมลึกลงไปถึงหนึ่งช่วงแขน ข้าวของที่จัดอยู่ในเรือนล้วนไม่ถูกขยับโยกย้ายมากนัก อีกทั้งทุกคนในเรือนยังคงหลับสนิทมิได้เฉลียวรู้สึกแม้เพียงน้อย
ที่สุดแล้ว กลุ่มบุรุษชุดดำเหล่านั้นกำลังตามหาสิ่งใด ?
ยามนี้กลุ่มบุรุษชุดดำที่ทำให้หญิงสาวต้องฉงนสนเท่ห์พากันเร่งฝีเท้าย่องเข้าไปในเมืองเหยียนจิง พวกเขากระโจนข้ามกำแพงเมืองอันสูงชัน
เพียงไม่อีกอึดใจถัดมาก็มาถึงเรือนหลังโตอันโอ่โถงของผู้มีฐานะชั้นสูง บุรุษชุดดำผู้เป็นหัวหน้าถอดหน้ากากออก กระชากเสื้อผ้าสีดำทั้งหมดออกจากกายก่อนจะเดินอย่างองอาจเข้าไปด้านในบานประตูที่เปิดแง้มไว้เพียงครึ่ง คงเหลือแค่เพียงบุรุษอีกสามนายที่ยังคงซ่อนตัวอย่างเงียบงันโดยไม่ติดตามเข้าไปทางด้านใน
ด้านบนบานประตูขนาดใหญ่ที่งดงามอย่างน่าทึ่งคือป้ายศิลาสลักอักษร….. “เรือนน่าหลาน” บุรุษชุดดำผู้เป็นหัวหน้าคือท่านหมอมือหนึ่งผู้หล่อเหลามีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองเหยียนจิง —- น่าหลานเจิ้งเจ๋อ
สีหน้าของเขาหม่นมัวยามเมื่อพาตนเองเข้ามาสู่ห้องหนังสือ เมื่อสำรวจโดยรอบแล้วว่ามิได้มีผู้ใดอยู่ในที่นั้น เขาเดินตรงมาหยุดอยู่ที่ชั้นไม้แดง ฝ่ามือข้างหนึ่งยกขึ้นหมุนสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายแจกันไปข้างซ้ายหนึ่งที ข้างขวาอีกสองที
ครู่ต่อมา เสียงชั้นไม้แดงขยับดัง ‘แคร่ก แคร่ก’ ชั้นไม้แดงเคลื่อนแยกออกเป็นสองส่วนแยกออกไปทางด้านซ้าย และขวา ตรงกลางเผยให้เห็นห้องลับ
เตาเผาโอสถ และเครื่องมือปรุงยาถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบ ทางด้านซ้ายมีบันไดวนลงไปชั้นใต้ดิน ด้านหน้าเตาหลอมโอสถแขวนประดับภาพสตรีงดงามผู้หนึ่ง
น่าหลานเจิ้งเจ๋อค่อย ๆ เหยียดฝ่าเท้าก้าวตรงออกไปอย่างเชื่องช้า สายตาจับจ้องอยู่กับภาพวาดตรงหน้านิ่งไม่กระพริบขณะที่ฝ่าเท้ายังคงก้าวตรงเข้าหา
บนเนื้อกระดาษสีซีดเหลืองคือสตรีเลอโฉมที่สามารถทำให้ทุกผู้คนต้องชะงักค้างหายใจกระชั้นถี่ คิ้วของนางยาวเรียว นัยน์ตางดงามประดุจตาหงส์ โครงจมูกได้รูปสวยงาม ผิวพรรณเนียนผ่องขาวสะอาดราวหิมะ นางผู้ให้ความรู้สึกที่เฉยเมยเย็นชาไม่ไยดีต่อสรรพสิ่งทั้งปวง นางผู้งดงามประดุจดั่งเทพธิดาผู้ย่างกรายลงมาจากสรวงสวรรค์ชั้นเก้า สตรีผู้สูงส่งหยิ่งยโส ผู้ไม่นำพาต่อมนุษย์เดินดิน
***จบตอน มารดาของน่าหลานเกอซี ?***