หากเกอซีอยู่ในห้องนี้ด้วยคงต้องตกตะลึงพรึงเพริด สตรีผู้อยู่ในภาพแขวนผู้นี้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับนางมากถึงเจ็ดส่วน
“หลิงเยว่…หลิงเยว่…” น่าหลานเจิ้งเจ๋อพร่ำเอ่ยนามนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความลุ่มหลง เขาบรรจงทาบทับรอยจุมพิตลงบนริมฝีปากของหญิงงามผู้อยู่ในภาพวาด พลางเอ่ยพร่ำเพ้อครวญหา “หลิงเยว่ เจ้ารู้ไหมว่าข้าคิดถึงเจ้ามากเพียงใด”
ยังมิทันจะขาดคำ แววตาที่คลุ้มคลั่งสาดโชนประกายจากความเคียดแค้นชิงชังภายในใจก็พลุ่งพล่านผ่านดวงตาคู่นั้น เขาสืบฝ่าเท้าถอยกลับคืนมาก้าวหนึ่งคำรามเสียงดังในลำคอ “เจ้าเป็นเพียงอนุของข้าเท่านั้น เหตุใดเจ้าจึงดูแคลนข้าถึงเพียงนี้….ไยเจ้าจึงไม่เคยยอมอยู่ใต้อาณัติของข้า…….”
ฉับพลัน เสียงโครมครามดังก้องมาจากชั้นล่างของบันไดเวียน ติดตามมาด้วยเสียงราวกับสัตว์ป่ากู่ร้องคำราม เสียงข้าวของปึงปัง เสียงขีดข่วนดังสะท้อนก้อง
มุมปากของน่าหลานเจิ้งเจ๋อยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน น้ำเสียงหัวร่อก้องดังขึ้นสองครา สายตาของเขาจับจ้องไปยังสตรีผู้เลอโฉมในรูปเบื้องหน้า ใบหน้าบิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“อา….หลิงเยว่ อา… หลิงเยว่ เจ้าเย่อหยิ่งแกร่งกล้านักมิใช่หรือ ! เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าบุตรที่เจ้าให้กำเนิดจะมาตกอยู่ในเงื้อมมือข้า ให้ข้ากระทำทุกสิ่งได้ตามใจชอบ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
การมาเยือนของกลุ่มชายชุดดำ ทำให้เกอซีมิอาจข่มตาหลับลงได้ นางยังคงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนวิชาภายในมิติเวท
ทำให้เกอซีค้นพบว่า แม้นางจะไม่สามารถกักเก็บพลังปราณลงสู่จุดตันเถียน และพัฒนาระดับพลังปราณได้ก็ตาม ทว่าหากนางโคจรกระแสพลังปราณให้ไหลเวียนเข้าสู่ภายในซ้ำไปซ้ำมาอย่างต่อเนื่องจะสามารถช่วยชำระล้างเส้นชีพจรลมปราณให้บริสุทธิ์สะอาดได้ และหากเป็นเช่นนั้น พลังความเร็ว และความเข็มแข็งทางกายภายย่อมจะสามารถพัฒนาขึ้นได้
ส่วนกำลังภายใน และทักษะการต่อสู้ของนางในวันนี้นับได้ว่าล้ำเลิศกว่าในอดีตภพของตนอยู่ขั้นหนึ่ง ด้านทักษะการพรางตัวนับได้ว่าล้ำเลิศกว่าผู้ฝึกยุทธขั้นต้นในโลกยุคนี้มากนัก
ช่วงเวลาของการฝึกฝนช่างผ่านไปอย่างเนิ่นช้า และแค่เพียงไม่นาน ท้องฟ้าสีหมึกยามค่ำคืนภายนอกมิติเวทก็ค่อย ๆ สว่างตาขึ้น ริ้วแสงสีทองสาดส่องประดับประดาปลายขอบฟ้าด้านตะวันออก
เกอซีเหยียดกายบิดขี้เกียจไปมา ทันทีที่กำลังจะออกจากมิติเวท ความรู้สึกอันยะเยือกกระทั่งทำให้ทั่วร่างด้านชาพลันแล่นวาบผ่านเข้ามาในร่าง
ราวกับแมลงตัวเล็กตัวน้อยนับไม่ถ้วนกำลังพากันไต่ไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลัง เส้นประสาททุกเส้นพลันเกิดอาการตึงเกร็งขึ้นทันที
บุรุษชุดดำ กลุ่มคนชุดดำอีกแล้ว ! ทั้งยังมีสี่คนเช่นเดิม
ทว่าความแตกต่างระหว่างกลุ่มคนชุดดำเมื่อคืนกับคนกลุ่มนี้คือ พฤติกรรมของชายชุดดำกลุ่มนี้น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก อายสังหารพิฆาตรุนแรงแผ่กระจายซ่านออกจากรัศมีกายของพวกมันอย่างไม่มีการปกปิดซ่อนเร้น
แม้ระยะห่างนับว่าไกลพอควร ทว่าเกอซีกลับสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งที่แผ่ตลบออกมาจากกลุ่มของพวกมัน
ไม่มีผู้ใดจะคุ้นชินกับกลุ่มคนลักษณะนี้มากไปกว่าเกอซีอีกแล้ว กลุ่มคนผู้ไร้คุณธรรมเห็นการเข่นฆ่าเป็นความบันเทิง
สีหน้าของเกอซีแปรเปลี่ยนทันที นางรีบหยัดกายลุกขึ้นพร้อมออกคำสั่งให้พวกซีเจี่ยพาแม่นมเฉิน และเซี่ยวหลีหลบหนีเข้าไปในหุบเขาฉาง
แม่นมเฉินรั้งรอไม่ยอมหนีไปจากที่นี่โดยทิ้งเกอซีไว้แต่เพียงผู้เดียว ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายทำให้หมดสติก่อนจะส่งตัวไปให้ซีเจี่ย “คุ้มครองแม่นมเฉิน และเซี่ยวหลีให้ดี หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามกลับมาที่นี่ !”
พวกซีเจี่ยต่างพากันจด ๆจ้อง ๆ ด้วยความห่วงกังวลถึงความปลอดภัยของเกอซี ทว่าสัญชาตญาณแห่งบ่าวผู้เชื่อฟังทำให้ทุกคนต้องกัดฟันพยักหน้าขึ้นพร้อมกัน
น้ำตาอาบทาทั่วใบหน้าของเซี่ยวหลี เด็กน้อยสะอึกสะอื้นกล่าวคำอย่างตะกุกตะกักด้วยลมหายใจที่ติดขัด “คุณหนู ข้าเป็นภาระให้ท่านกระนั้นหรือ ?…ข้าไม่ไป ข้าอยากจะอยู่กับท่าน !”
เกอซีเยาะขึ้น “เจ้าอยากให้ข้าทุบเจ้าให้หมดสติไปอีกคนงั้นรึ ? ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร ข้าย่อมมีวิธีรับมือ ! ไม่ต้องห่วง !”
เว้นช่วงไปเล็กน้อย เกอซีจึงกล่าวต่อ “คอยคุ้มกันบ้านของพวกเราด้วย”
***จบตอน บุรุษชุดดำ***