“เจ้า—- !” เสี่ยวปาร้องลั่น ทว่าร่างของหญิงสาวในเงามืดพลันเลือนหายจากสายตา
ความเจ็บแปลบทรมานอย่างท่วมท้นจุกอยู่ที่คอหอย โลหิตสดพุ่งทะลักสาดกระจายผ่านลำคอออกมา
ดวงตาของมันเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ สายตาของมันจ้องเขม็งยังหญิงสาวผู้อยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อม ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงท่ามกลางสายตาที่ตื่นกลัว มิอาจยอมรับ และสิ้นหวัง
แววตาทั้งคู่ค่อย ๆ ลดการโชนแสง ลมหายใจเฮือกสุดท้ายสิ้นสุด
หนึ่งดาบสะบั้นคอ !
เกอซีหาได้หยุดยั้งแค่เพียงนั้น นางโคจรกำลังภายในทั่วร่างเพื่ออำพรางตนก่อนจะหันกลับกระโจนออกทางหน้าต่างเพื่อหลบหนีซุกซ่อนตนเข้าสู่เขตป่าลึกแห่งเทือกเขาฉาง
แท้ที่จริงแล้วด้วยพลังฝีมือของเกอซียามนี้ย่อมไม่อาจต่อกรกับกลุ่มมือสังหารเหล่านี้ได้ ยิ่งมิต้องกล่าวถึงการต่อสู้กับมือสังหารถึงสามนาย แค่เพียงการประจันฝีมือกันแบบตัวต่อตัวนางก็ไม่มีความมั่นใจว่าตนจะสามารถเอาชนะได้แล้ว
เมื่อครู่ หากมิใช่ด้วยมือสังหารผู้นั้นประมาทเลินเล่อจนเกินไป และหากมิใช่ด้วยมือสังหารผู้นั้นมัวแต่พะวงกับการพยายามโคจรพลังปราณของตนเมื่อถูกซัดสะกัดจุดด้วยแท่งเข็มเงินไร้เงา มันคงจะล่วงรู้ได้ว่าจุดตันเถียนของตนถูกสะกัดไว้ด้วยผนังกั้นอันบางเบาแค่เพียงกระแสลมแทรกผ่านคราเดียวก็สามารถทลายแรงผนึกนั้นได้แล้ว
นับเป็นความโชคร้ายอย่างเหลือแสน ความผิดพลาดประการแรก คือการประเมินความสามารถของเกอซีต่ำเตี้ยไปอย่างมหันต์ ประการที่สองคือมันสูญเสียความสุขุมเยือกเย็นกระทั่งตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกอันเกิดจากการถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วยแท่งเข็มเงินไร้เงา ความตื่นกลัวทำให้ความเฉียบไวทางความคิดบิดเบือนไปสิ้น แค่เพียงเสี้ยววินาทีเกอซีย่อมสบโอกาสที่จะปลิดชีพมันได้ในดาบเดียว
ณ สนามหญ้าหน้าเรือน มือสังหารที่เหลืออีกสามนายยังคงพูดคุยสัพเพเหระกันอย่างสบายอารมณ์แม้กลิ่นคาวโลหิตเริ่มฟุ้งโชยแตะปลายจมูก พวกมันยังคงไร้สิ้นความวิตกกังวลใด
ทว่าเมื่อเวลาเคลื่อนผ่านนานพอควร พวกมันจึงเริ่มรู้สึกได้ว่าเสี่ยวปาใช้เวลาในการจัดการภารกิจครานี้เนิ่นนานเกินไปเสียแล้ว อีกทั้งภายในห้องยังไร้สุ้มเสียงความเคลื่อนไหว
พวกมันทั้งสามพากันเข้าไปสำรวจดูภายในห้องด้วยความฉงน ทว่าเมื่อบานประตูถูกแง้มออก สีหน้าของพวกมันทั้งสามกลับแปรเปลี่ยน
ภายในห้องนอนหลังเล็กแห่งนี้อาบทาไปด้วยแอ่งโลหิตที่ไหลเจิ่งนองมาถึงบานประตู กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบไปทั่ว
กลางบ่อโลหิตคือเสี่ยวปาน้องชายคนเล็กของพวกมัน ดวงตาของมันยังคงเบิกกว้างสีหน้าคงความตื่นตะลึง ลมหายใจสุดท้ายของมันขาดช่วงไปเนิ่นนานแล้ว
ผู้ที่เป็นหัวหน้าเพ่งมองดูร่างไร้วิญญาณของน้องชายตนด้วยความเดือดดาลจนลูกนัยน์ตาแถบจะถลน มันกัดฟันคำรามลั่นน้ำเสียงอำมหิต “ตามตัวนางให้ได้ ! พวกเราจะฉีกร่างหญิงโสโครกนั่นให้แหลกเป็นเสี่ยง ๆ ! !”
กลุ่มมือสังหารทั้งสามเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก แม้เกอซีจะใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าหนีไปนานพอควรแล้ว ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับผู้มีพลังฝีมือที่เคลื่อนกายด้วยกระบี่เหินเวหานางย่อมถูกตามติดมาทันด้วยเวลาแค่เพียงชั่วพริบตา
หัวหน้ามือสังหารผู้ลอยร่างอยู่กลางอากาศก้มลงมองดูเกอซีผู้เคลื่อนกายอย่างรวดเร็วปานประดุจสายฟ้าด้วยมุมปากที่ยกยิ้มเผยร่องรอยอำมหิต
ในสายตาของคนธรรมดา ทักษะความคล่องตัวของเกอซีถึงระดับที่สามารถเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วจนภาพร่างที่ปรากฏเหลือทิ้งไว้แค่เพียงสายเงาเช่นนี้ย่อมสามารถนับได้ว่าเป็นทักษะความเร็วที่สูงส่งยิ่งนัก เพียงทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าผู้มีพลังฝีมือระดับพลิกผันอเวจี ความเร็วแค่เพียงนี้ย่อมไม่นับว่าควรค่าแก่การกล่าวถึง
หัวหน้ามือสังหารยกฝ่ามือของตนขึ้นควบกลั่นพลังปราณในกายก่อเกิดขุมพลังเพลิงสีแดงเข้มใจกลางฝ่ามือ มันถ่ายเทพลังเพลิงเข้าโอบล้อมกระบี่เหินเวหาก่อนจะเปลี่ยนมาเกาะกุมด้ามกระบี่ แล้วออกแรงพุ่งกระบี่ตรงออกไปในทันที
เพียงพริบตาขุมพลังเพลิงกระจายโอบล้อมหุ้มไปทั่วทั้งด้ามกระบี่เหินเวหาที่กำลังพุ่งเข้าจู่โจมเกอซีอย่างรวดเร็วปานประดุจสายฟ้า
ฉับพลัน พวกมันทั้งหมดล้วนได้ยินเสียงดัง ‘ตูม’ พลังเพลิงแตกระจุย กระบี่เหินเวหากลายเป็นฝุ่นผง
ทว่าร่างของหญิงสาวผู้นั้นกลับไม่ฉีกกระจายออกเป็นร้อยส่วนดังที่คาด
นางเพียงเซถลาไปสองก้าวด้วยไอร้อนจากแรงระเบิด เกอซียังคงพุ่งกายวิ่งตรงไปคล้ายตนไม่ได้รับแรงกระทบใดจากการโจมตีเมื่อครู่แม้เพียงน้อย
ที่กลางท้องนภา บนใบหน้าของมือสังหารทั้งสามมีเพียงความตื่นตะลึง พึงทราบว่าแรงพลังการโจมตีจากหัวหน้ามือสังหารเมื่อครู่นี้ย่อมสามารถเทียบได้กับขุมพลังจากคนนับสิบรวมกัน พลังฝีมือของมันอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับพลังปราณพลิกผันอเวจี เช่นนั้นแม้จะเป็นยอดฝีมือในระดับปฐพีสะท้านสะเทือนก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บจากพลังการจู่โจมเมื่อครู่ ทว่าคนธรรมดาสามัญกลับสามารถเดินไปตัวเปล่าราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกระนั้นหรือ ?
***จบตอน หนึ่งดาบสะบั้นคอ***