ครั้นกล่าวถึงเรื่องนี้ เกอซีจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วเช่นกัน อาจสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้นางถูกมือสังหารไล่ล่ากระทั่งต้องหนีหัวซุกหัวซุน
เกอซีได้ตระเตรียมอาหารสะสมไว้เป็นอย่างดีภายในพระราชวังซูมี่แห่งนี้ ทั้งยังจัดหาตู้เก็บแยกประเภทอาหารแต่ละอย่างไว้เป็นระเบียบ แค่เพียงคิดก็สามารถเรียกน้ำย่อยได้แล้ว
เมื่อเวลาภายในพระราชวังซูมี่นั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้ากระทั่งแทบจะเรียกได้ว่าหยุดนิ่ง เช่นนั้นแล้ว อาหารทุกชนิดที่ถูกเก็บรักษาไว้ภายในพระราชวังซูมี่จึงยังคงสภาพดังเดิมเช่นกับที่พวกมันถูกนำมาเข้ามาในคราแรก กระทั่งไอร้อนระอุของอาหารก็ยังไม่คลายลงเลยด้วยซ้ำ
ครั้นเมื่อเหยียบย่างมาถึงหน้าพระราชวังซูมี่ เกอซีกลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า กระทั่งพระราชวังซูมี่แห่งนี้ก็ยังปรากฏความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย
พระราชวังซูมีประกอบด้วยบานประตูทั้งหมด 81 บาน ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 9 ตำหนัก บานประตูทั้งเก้า นำทางไปสู่ตำหนักแต่ละแห่ง
ทว่าเมื่อบานประตูส่วนใหญ่ยังคงถูกปิดตายไว้ เกอซีจึงไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านหลังบานประตู จวบจนกระทั่งยามนี้ หญิงสาวคงรู้ได้แค่เพียงว่า ตำหนักหลังประตูบานแรกนั้นมีนามว่า ‘ตำหนักชีวาสวรรค์’ ประตูเพียงบานเดียวที่เปิดออกได้นั้นคือ บานประตูสู่ห้องแรกของพระตำหนัก และที่นั้นคือห้องซึ่งต้านต้านเคยอาศัยเก็บตัวอยู่นั่นเอง
ทว่ายามนี้ เมื่อมิติเวทเลื่อนภูมิขึ้น บานประตูที่เคยถูกปิดตายไว้ทั้งแปดบานพลันหายไปอย่างไม่คิดฝัน คงเหลือไว้แค่เพียงบานประตูหลังเดียวเท่านั้น อักษรจารึกสลักปรากฏที่ด้านบน ‘ตำหนักชีวาสวรรค์’ อีกทั้งยามนี้ ประตูบานนี้ยังคงปิดอยู่เช่นกัน
เกอซีค่อย ๆ เหยียดยื่นฝ่ามือออกผลักบานประตู ฉับพลัน ข้อมูลบางอย่างที่คลุมเครือพลันหลั่งไหลเข้าสู่กระแสจิต
“ตำหนักชีวาสวรรค์ พระตำหนักหลังที่เก้าแห่งแดนสรวง สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนตกเป็นของใช้สำหรับเจ้า”
ทันทีที่บานประตูถูกเปิดกว้าง สิ่งแรกที่ประจักษ์แก่สายตาเกอซีคือ หีบหยกแปดใบที่เปล่งประกายแสงสีขาวกระพริบวูบวาบลอยเคว้งอยู่กลางออากาศ
หีบหยกทั้งแปดมีรูปร่างดังเช่นปกติทั่วไป ทว่าบนหีบปรากฏรูปสลักเสลาที่เรียบง่าย หากแต่เกอซีกลับรู้สึกคุ้นตาราวกับเคยเห็นรูปสลักเหล่านี้มาก่อน
หีบหยกแต่ละใบล้วนถูกครอบคลุมไว้ด้วยพลังงานสีขาวประหนึ่งน้ำนมที่บางเบาจนแทบจะโปร่งใส หีบหยกที่ลอยเคว้งในม่านพลังสีขาวพวกนี้ดูราวกับหนูน้อยจอมป่วนด้วยเมื่อเกอซีเหยียดยื่นฝ่ามือออกไปหมายจะหยิบฉวย พวกมันกลับเคลื่อนถลาหนีไปอย่างรวดเร็ว นางจึงยังไม่ทันคว้าฉวยไว้ได้แม้เพียงชิ้น
สายตาของเกอซีจับจ้องติดตามหีบใบหนึ่งไปกระทั่งมันไปหลบอยู่ที่มุมห้องทางด้านซ้าย หญิงสาวต้องตกใจจนแทบกระโดดโหยงเมื่อได้เห็นตู้เก็บของที่คุ้นตาซึ่งนางจัดวางอุปกรณ์การปรุงอาหารไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ยามนี้กลับสกปรกเลอะเทอะไปหมด บานตู้เก็บของน้อย ๆ ถูกเปิดออก กองจานชามที่ว่างเปล่าวางระเกะระกะเป็นกองภูเขาย่อม ๆ เศษกระดูกถูกกัดแทะเขวี้ยงทิ้งไว้เกลื่อนพื้น
เส้นโลหิตบนหน้าผากของเกอซีปูดโปนขึ้น ครั้นเมื่อหันกลับมาจึงเห็นต้านต้านทำหลบตาไปมาด้วยสำนึกผิด ทั้งยังแอบทำตัวลีบเตรียมชิ่งหนี ทำให้เกอซีล่วงรู้ตัวผู้กระทำผิดได้ในทันที
นางเหยียดฝ่ามือออกไปคว้าคอต้านต้าน ยกร่างกลม ๆนั้นขึ้นในระดับสายตา และเริ่มไต่สวนด้วยสีหน้าหม่นมัว “ต้านต้าน ฝีมือเจ้าใช่ไหม ?”
ต้านต้านก้มหน้างุด ๆ ตอบกลับนางด้วยหน้าตาน่าสงสาร “ท่านแม่ ต้านต้านหิว…….พอปีนออกมาจากเปลือกไข่ได้……ต้านต้านก็หิว……..เลยกินเยอะไปหน่อย”
มุมปากเกอซีกระตุกกึก “ในตู้เก็บอาหารไว้ตั้งมากมาย ! เจ้ากินล้างกินผลาญไปเสียขนาดนี้ ยังมีหน้ามาร่ำร้องกับข้าว่าหิวอีกกระนั้นหรือ ? !”
ไก่ตุ๋นจันทรา เนื้อกระต่ายรมควัน เนื้อเค็มขาเม่น……. ตู้อาหารสองตู้ที่เต็มไปด้วยของกินมากมาย ไม่เหลือ !
นางต้องสิ้นเปลืองหินผลึกไปมากมายเพียงไรจึงสามารถซื้อข้าวของมาปรุงเพื่อกักตุนอาหาร ทว่าทุกสิ่งกลับราพณาสูรด้วยช่วงเวลาแค่เพียงข้ามคืน !
ครั้นหันมองดูต้านต้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครา ตัวเขาเล็กจ้อยแค่นี้ ไยจึงกินจุเช่นนี้ อาหารทั้งหมดที่สูญไปมากกกว่าขนาดตัวของต้านต้านถึงสิบเท่า !
ต้านต้านทำปากแบะเริ่มส่งเสียงสะอึกสะอื้นพลางเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงของหนูน้อยที่รู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“ต้านต้านกำลังกินกำลังโตเลยหิวไปหน่อย ท่านแม่อย่าโกรธต้านต้านได้ไหม”
เกอซีอับจนปัญญาที่จะหาหนทางจัดการพ่อหนูนักเขมือบตัวฉกาจผู้นี้อย่างแท้จริง !
**** จบตอน ตำหนักชีวาสวรรค์****