ตำหนักเพลิงสวรรค์นับเป็นสถานที่ทรงประสิทธิภาพอย่างสูงสุดในการเก็บรักษาความสด และคุณสมบัติของสมบัติเวททั้งหลาย ไม่ว่าจะนำสิ่งใดเข้ามาเก็บรักษาไว้ในนี้ เมื่อนำออกไปอีกครา ทุกสิ่งจะยังทรงสภาพเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน
เกอซีหลอมสกัดโอสถไว้เป็นจำนวนมาก หากทว่าน่าเสียดายที่ล้วนเป็นเพียงเม็ดโอสถคุณสมบัติขั้นต้นเท่านั้น เมื่อนางหมายใจจะกลั่นโอสถขั้นสองขึ้นมา กลับต้องล้มเลิกด้วยเหตุจำเป็นหลายประการ
ในตำราสรรพโอสถอันหลั่งล้นไม่ได้กล่าวไว้ว่า ความเข้มข้น และระดับของพลังปราณเพลิงย่อมมีผลต่อระดับขั้นของโอสถที่ต้องการหลอมสกัด เช่นนั้นเมื่อเกอซีหมายใจจะกลั่นโอสถขั้นสองจึงพบว่า ระดับพลังปราณเพลิงของตนไม่สูงพอที่จะกลั่นโอสถขั้นที่สอง เช่นนั้นความพยายามจึงล้มเหลว
ทว่า ความล้มเหลวในการกลั่นโอสถของเกอซีนั้นค่อนข้างมีความแตกต่างจากความล้มเหลวของผู้กลั่นโอสถท่านอื่น เหตุเพราะเมื่อผู้กลั่นโอสถประสบความล้มเหลว เม็ดโอสถย่อมแตกเป็นผง ยังอีกทั้งย่อมส่งผลให้เตาหลอมโอสถระเบิดแตก !
ทว่าเม็ดยาระดับสองที่ล้มเหลวของเกอซีนั้นยังคงหลอมรวมตัวขึ้นเป็นรูปทรงกลมได้อยู่ เพียงมีสีเข้มกว่า และมีขนาดเล็กกว่าเม็ดโอสถเสริมพลังขั้นที่สองเท่านั้น นางขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเก็บเม็ดโอสถที่ล้มเหลวชุดนั้นกลับคืนไปเพื่อค้นหาเหตุแห่งความผิดพลาดในวันหน้า
แน่นอนว่าตลอดช่วงระยะดังกล่าว เกอซีหมั่นไปตรวจดูอาการของหนานกงยวี่อย่างเนืองนิจ ตลอดสามวันที่หนานกงยวี่อยู่ในสภาพหลับใหลไม่ได้สตินั้น นางจัดโอสถให้เขาจุ่มแช่ร่วมไปกับกระบวนการรักษาอื่น ๆ และเพื่อหลีกเหลี่ยงไม่ให้เขากลับเดือดดาลขึ้นมาอีก เกอซีจึงวางยาสลบให้เขาตลอดช่วงสามวันที่ผ่านมา และเพิ่งหยุดระยะการให้โอสถเมื่อวานนี้
ผลการเยียวยารักษานับว่าดีเยี่ยมเกินความคาดหมาย ร่างกายของหนานกงยวี่แข็งแกร่งทรงพลังยิ่งกว่าเดิม ! แม้ว่าตัวยา และกระบวนการรักษาของเกอซีย่อมนับได้ว่าเข้มข้น และรุนแรงกระทั่งผู้ฝึกยุทธโดยทั่วไปอาจร่างแทบแหลกราญมากว่าจะรู้สึกถึงการเยียวยารักษาด้วยซ้ำ
ทว่าร่างกายของหนานกงยวี่กลับสามารถปรับตัวตาม และผ่านพ้นระยะการให้โอสถไปได้อย่างง่ายดาย ยังอีกทั้งพิษเหมันต์ในร่างแตกสลายส่งผลให้พลังปราณในกายโคจรรวมลงสู่จุดตันเถียนอีกครา กระทั่งความเสียหายภายในที่เกิดจากถ้ำเพลิงยังค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับอย่างต่อเนื่อง
อาจกล่าวได้ว่าในวันนี้ร่างกายของหนานกงยวี่คืนสภาพสู่ปกติอย่างสมบูรณ์ ทั้งพลังฝีมือยังคืนสู่ระดับขั้นสูงสุดเฉกเช่นเดิม แม้เมื่อพิษเหมันต์ส่งผลกำเริบขึ้นอีกคราเขาย่อมไม่ต้องห่วงกังวลใด
ยามนี้เกอซียืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม นางเริ่มถอนเข็มเงินที่ฝังอยู่ตามเรือนกายของชายหนุ่มออก
ทันทีที่เข็มเงินเล่มสุดท้ายถูกยกปลายขึ้น เปลือกตาของหนานกงยวี่ก็ขยับเปิดในทันทีเช่นกัน
หญิงสาวขยับย้ายขึ้นมาอยู่ด้านหน้าชายหนุ่มในช่วงจังหวะนั้นพอดี ครั้นเมื่อสบเข้ากับดวงตาประดุจอสูรที่ทอประกายจ้องเขม็งอย่างคึกคะนองเช่นนั้นในหัวของนางพลันว่างเปล่าในทันที
“เจ้า….รู้สึกตัวแล้ว ?” เมื่อถูกจับจ้องประดุจถูกเจาะทะลวงไปถึงทรวงเช่นนั้น เกอซีกลับไม่รู้ว่าเหตุใด ภายในใจของนางจึงบังเกิดความรู้สึกหวาดหวั่น ปานประหนึ่งนางคือชิ้นเหยื่องามที่เขาหมายตา สัญชาตญาณเรียกร้องให้นางเลี่ยงหลบหนี “เช่นนั้น เมื่อเจ้ารู้สึกดีแล้ว ข้าคงต้องขอตัว”
ถ้อยวาจาสุดท้ายสิ้นสุดลง นางก็รีบโยนเข็มเงินกลับเข้าไปในมิติเวทหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีไปด้วยอาการลุกลี้ลุกลน
ทว่ายังไม่ทันจะบิดกายกลับไปข้อมือกลับถูกบุรุษผู้นั้นคว้าไว้แน่น ฝ่ามือกว้างที่รั้งร่างของนางกลับมาไม่เย็นเยียบประดุจน้ำแข็งดังเช่นก่อนหน้า ยามนี้กลับกลายเป็นอายร้อนผ่าวดั่งถ่านเพลิงที่ลุกไหม้
หยาดเหงื่อเม็ดน้อยกลั่นตัวขึ้นบนหน้าผากของเกอซี “หยุดนะ เจ้าจะทำอะไร….”
ยังไม่ทันกล่าวจบ ทั้งร่างกลับเบาหวิวปลิวลอยขึ้น และร่วงหย่อนลงในอ่างโอสถอย่างไร้สิ้นแรงพลังจะต่อต้านขัดขืน
หญิงสาวอ้าปากร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ ยังรู้สึกว่าตนเผลอดื่มโอสถเข้าไปอึกใหญ่ ดวงหน้าน้อย ๆ ยุ่งย่นไอสำลักออกมาหลายครั้งคราว
“บ้ารึ ! เจ้าอยากให้ข้าสำลักตายหรือไร !” กล่าวจบนางก็เอื้อมมือค้ำยันขอบอ่างโอสถหมายจะกระโดดออกไป
เสียดายยิ่ง ที่ยังไม่ทันจะรอดมือ หนานกงยวี่ขยับแขนเพียงข้างเดียวกดหัวไหล่นางไว้ และค่อย ๆรั้งร่างของนางกลับคืนมาอย่างอ่อนโยน เขากักขังนางไว้กับขอบอ่าง “จอมซน ให้เจ้าสำลักตายยังนับว่าน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ”
เกอซีถูกคุกคามด้วยแววตาอันร้อนแรงดุจเพลิงผลาญรวมถึงอากัปกิริยาที่คลุมเครือก้ำกึ่ง ร่างของทั้งคู่แนบสนิทติดชิดกระทั่งทั้งทั้งใบหน้าของนางแดงฉานร้อนผ่าว
นางยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นกั้นขวางแผงอกของอีกฝ่ายเพื่อให้เกิดระยะห่าง สีหน้าของนางเคร่งขรึมยามเมื่อพยายามเค้นน้ำเสียงจริงจังข่มขวัญอีกฝ่าย “เจ้าพูดเรื่องใด ข้าไม่เข้าใจ !”
***จบตอน เจ้า….รู้สึกตัวแล้ว ?***