เป็นเพราะคนเจ้าเล่ห์ผู้นี้นางจึงขุ่นมัวเช่นนี้ และด้วยเพราะความผิดของเขาเช่นกันความหลักแหลมของนางจึงลดลง !
และแน่นอนว่าทันทีที่หนานกงยวี่ได้ยิน เขารีบโน้มศีรษะลงมาไล้จุมพิตที่ติ่งหูอีกฝ่าย “อืม ซีเอ๋อกล่าวได้ถูกต้อง ข้าจะเป็นของเจ้าเสมอตราบเท่าที่เจ้าปรารถนา ข้าคือบุรุษของเจ้า !”
เกอซีกำลังจะสวนกลับ สุ้มเสียงหงุดหงิดของชิงหลงดังแทรกขึ้นมาจากหน้าห้อง “นายท่าน เทพธิดาบัวเยือกแข็งมาขอเข้าพบขอรับ”
ชิงหลงรู้ดีว่ายามนี้นายท่านยังอยู่กับคุณหนูน่าหลาน และมันผู้ใดกล้ายื่นหน้าเข้ามารบกวน คนผู้นั้นคงต้องเตรียมใจถูกถลกหนังทั้งเป็นได้ทันที ทว่าผู้ที่มาเยี่ยมเยือนในครานี้คือเทพธิดาบัวเยือกแข็ง เช่นนั้นเขาจึงไม่มีหนทางอื่นใดนอกไปเสียจากตรงเข้ามารายงานนายท่าน
หนานกงยวี่หันมาสบตาเกอซี แสดงอาการครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบคำ “ข้ากำลังยุ่ง ให้นางรอไปก่อน”
ชิงหลงแอบมองลอดรอยแตกบนบานประตู และแน่นอนทีเดียว…..ที่ว่ากำลังยุ่ง ที่แท้นั้นคือนายท่านกำลังแช่อ่างอยู่กับคุณหนูน่าหลานนั่นเอง แม้ในใจจะรู้สึกเช่นไร ชิงหลงยังคงรับคำด้วยอาการนอบน้อม
“ขอรับ นายท่าน”
ครั้นเมื่อเขากำลังจะปลีกจากไป น้ำเสียงแปลกหูลุกลี้ลุกลนของเกอซีพลันก้องขึ้นมาจากด้านใน “ไยต้องให้นางรอ ยามนี้ข้าไม่มีกิจอันใดแล้ว”
สิ้นคำกล่าว เกอซีก็รีบผลักหนานกงยวี่พลางส่งสายตาเขียวปัดแล้วรีบหยัดกายลุกขึ้นจากอ่างโอสถ
หญิงสาวใช้พลังขับไล่ความเปียกชื้นบนอาภรณ์ของตน หากทว่าน่าเสียดายที่โอสถได้ทิ้งคราบสีเหลืองด่างคละเคล้ากลิ่นยาไว้ทั่วทั้งผืนผ้า แม้จะไม่น่าแลดูสักเพียงไร นางคงไม่อาจทำสิ่งใดได้เมื่อไม่มีอาภรณ์ผืนใหม่เพื่อสับเปลี่ยน
หากยังโชคดีที่ยามนี้นางสวมใส่เสื้อผ้าของบุรุษเพศ แม้จะแลดูมอมแมมสักเพียงไรก็คงไม่มีชาวบ้านร้านตลาดผู้ใดให้ความสนใจ
เมื่อหญิงสาวพยายามจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ใช้มือจับแต่งให้เรียบอย่างที่สุดแล้วเกอซีก็รีบหนีพุ่งพรวดออกไปจากห้องโดยไม่ทิ้งไว้แม้เพียงคำร่ำลา
เสียงหัวเราะก้องอย่างสดใสสุขใจของหนานกงยวี่ดังก้องไล่หลังมาติด ๆ ยิ่งทำให้หญิงสาวกัดฟันกรอด !
แม้กระทั่งชิงหลงผู้คิดว่าตนคุ้นชินกับปฏิกริยาโต้ตอบกันระหว่างนายท่านกับคุณหนูน่าหลานแล้ว เมื่อได้มาเห็นภาพฉากเช่นนี้ยังต้องตะลึงค้างด้วยอาการงุนงง เสียงหัวเราะพร้อมด้วยอากัปกิริยาของนายท่านยามนี้นับเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่งนัก นายท่านทำอะไรคุณหนูน่าหลานกันแน่ ?
****
ขณะที่เกอซีรีบพรวดพราดระเห็จออกมา อีกมือหนึ่งก็ยังมิวายปาดเก็บรอยย่นยับบนผืนผ้า
ครั้นเมื่อถึงเขตอุทยานก็ได้เจอกับคนกลุ่มหนึ่ง นางไม่ต้องการจะรั้งอยู่ในตำหนักราชันมัจจุราชนี้อีกแล้ว อีกทั้งคนเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ผู้ที่นางรู้จัก เช่นนั้นหญิงสาวจึงไม่ใส่ใจรีบเร่งฝีเท้าหลบไปอย่างไม่รั้งรอ
ทว่าเพียงหันหน้าไปหาทางเดินแคบ ๆ ที่อยู่ด้านข้าง เกอซีกลับได้ยินเสียงตะคอกใส่ “ช้าก่อน !”
นางชะงักฝีเท้าบ่ายหน้ากลับมาจึงเห็นสตรีในอาภรณ์สีม่วงผู้งดงามละเอียดอ่อนที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มมือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าสะเอว ส่วนอีกข้างกำลังชี้ใส่เกอซีตะเบ็งเสียงดังด้วยอาการเกรี้ยวกราด “เจ้าทำงานรับใช้ตำหนักราชันมัจจุราชประสาอะไร เมื่อพบคุณหนูของข้าแล้วเหตุใดไม่รู้จักทำความเคารพ !”
เกอซีหรี่สายตาลงตอบกลับด้วยสุ้มเสียงเย็นชา “ผู้ใดบอกเจ้าว่าข้าทำงานรับใช้ตำหนักราชันมัจจุราช ?”
ขณะตอบคำ สายตาทุกคู่กำลังกวาดจ้องมองใบหน้าของนาง แค่เพียงได้เห็นดวงหน้านั้นเต็มสองตา ทุกผู้คนล้วนสูดลมหายใจด้วยอาการติดขัด
หนุ่มน้อยผู้สวมใส่ชุดคลุมคร่ำคร่ายับย่นผู้มีอายแห่งขุมพลังอันอ่อนบางแผ่ซานออกรอบเนื้อกายผู้นี้ กลับมีใบหน้าที่งดงามสดใสเปล่งปลั่งยิ่งโดยเฉพาะนัยน์ตาที่สุกสกาวคู่นั้นปานประดุจอัญมณีที่เปล่งประกายอย่างเยียบเย็น ทั้งเรืองรองสว่างไสวบาดสายตาทุกผู้คน
ดวงหน้าที่งดงามเหนือคำพรรณนาของเกอซีทำให้สตรีในชุดสีม่วงผู้นั้นยืนนิ่งตะลึงค้างลืมปริปากเอ่ยคำอยู่ครู่ใหญ่ ทว่าเมื่อรับรู้ได้ว่าเกอซีเป็นผู้มีพลังฝีมือแค่เพียงระดับพลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม ความเหยียดหยันพลันปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
“เจ้ามันก็แค่คนหยาบช้าที่มีพลังฝีมือแค่ขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม แม้เจ้าจะมิใช่คนของตำหนักราชันมัจจุราชแล้วอย่างไร เมื่อเจ้าเข้าออกในตำหนักแห่งนี้ได้ ย่อมสมควรรู้ว่าคุณหนูของข้าคือแขกพิเศษแห่งตำหนักราชันมัจจุราช เจ้าควรทำการคารวะคุณหนูของข้า…..”
เกอซีแทบจะหลุดโพล่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินวาจาสิ้นคิดแสนโง่เง่าของอีกฝ่าย นางยกมือขึ้นกอดอกบ่ายหน้าไปยังสตรีผู้ถูกกล่าวถึง
“ผู้ใดคือคุณหนูของเจ้ากันเล่า ? ขออภัยที่ข้าสายตาไม่ใคร่ดีจึงมองไม่เห็นคนใหญ่คนโตผู้น่าคารวะที่เจ้ากล่าวถึง”
***จบตอน ต้องขออภัย สายตาไม่ไคร่ดี***