สิ้นสุดคำกล่าว ฝีเท้าของนางก็รีบรุดพุ่งกระโจนออกไปอย่างเร็วรี่ไม่รอช้า
เกอซีหาได้รู้ตัวไม่ว่าความหดหู่ในยามนี้ของตนได้กลับกลายเป็นความรู้สึกที่ระคนปนเปไประหว่างความเขินอาย ความหัวเสีย และหดหู่อย่างไม่รู้ตัว อายอุ่นจากรอยจุมพิตของหนานกงยวี่ยังคงประทับตราตรึงอยู่บนพวงแก้มเนียนจนทำให้ใบหน้าของนางกลับแดงฉานลามเลยกระจายไปถึงใบหู
จื่อเหยียนผู้เห็นปฏิสัมพันธ์อันล้ำลึกระหว่างหนานกงยวี่กับเกอซีในระยะเผาขนเพียงนี้กลับมีใบหน้าประเดี๋ยวคล้ำประเดี๋ยวซีดสลับกันไปมา นางกัดกรามแน่นกระทั่งไรฟันแทบร้าวละเอียด
เด็กหนุ่มผู้นี้ แม้จะมีดวงหน้างดงามเหนือผู้ใด ทว่าจะอย่างไรก็เป็นบุรุษ เหตุใดองค์ราชันมัจจุราชจึงให้ความสนใจเขาผู้นั้นได้ ? หรือข่าวลือที่ว่าจะเป็นจริง องค์ชายราชันมัจจุราชมีอุปนิสัยเบี่ยงเบนเช่นนั้นล่ะหรือ ? ที่เขาเย็นชากับเหล่าอิสตรีทั้งหลายนั้นก็ด้วยเหตุที่เขาคือผู้ชื่นชอบบุรุษเพศ ? เช่นนั้นแล้วคุณหนูของนางเล่า ?
จื่อเหยียนหันไปหาเฟิ่งเหลียนอิ่ง เทพธิดาบัวเยือกแข็งด้วยความรู้สึกอึกอัดกระวนกระวาย ทว่าผู้เป็นนายกลับยังคงนิ่งสุขุมเฉกเช่นเดิม ดวงตาคู่งามยังคงทอประกายประดุจความระยิบระยับแห่งท้องน้ำยามเมื่อนางจับจ้องมองหนานกงยวี่ ไร้ร่องรอยแห่งความหมองเศร้าซึมเซา หรือโศกสลดใดให้ยลเห็น
กระทั่งเมื่อหนานกงยวี่มั่นใจแล้วว่าเกอซีออกจากตำหนักราชันมัจจุราชไปแล้ว ชายหนุ่มจึงหันกลับมาหาเฟิ่งเหลียนอิ่งเพื่อต่อบทสนทนา “เข้าไปคุยกันในห้องหนังสือเถิด”
แม้ซีเอ๋อเพิ่งจากไป ทว่าเขากลับไม่อาจทนรอให้ถึงวันที่จะได้พบเจอหน้านางอีกคราได้ นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ความรู้สึกที่ว่า ‘ไกลห่างแค่เพียงวันปานประหนึ่งผ่านเนิ่นนานนับปี’ หวังแค่เพียงเขาจะสามารถเอาตัวนางมาเป็นเจ้าสาวให้ได้ในเร็ววันเท่านั้น
เฟิ่งเหลียนอิ่งรับคำ นางปริปากเอ่ยถามราวกับไร้ข้อติดข้องใจใด “คุณชายที่เพิ่งจากไปนั้นคือ…..”
“เขามีนามว่าซีเยว่” เมื่อซีเอ๋อไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของตน เขาย่อมต้องช่วยนางปกปิดไว้อย่างมิดชิด
“หมอประจำตัวข้า ทั้งเป็นผู้ที่ข้าห่วงใย คือผู้ที่สำคัญยิ่งสำหรับข้า”
เพียงเมื่อเอ่ยกล่าวก็ทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้อยู่ร่วมกัน แววตาคู่นั้นกลับกลายเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลทั้งยังเปี่ยมไปด้วยอายแห่งความรักความเสน่หา
เฟิ่งเหลียนอิ่งก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อปิดซ่อนเหลือบมุมความรู้สึกบางอย่างบนสีหน้า
*****
เมื่อออกจากตำหนักราชันมัจจุราชมาแล้ว เกอซีบ่ายหน้าไปสู่ถนนตะวันออกเพื่อมุ่งหน้าสู่ร้านขายโอสถ
แม้พรรณพืชเวททั้งหลายจะเจริญเติบโตอยู่ในมิติธาตุของนางทว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรณพืชหายากทั้งสิ้น ขณะที่สมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นตัวยาเมื่อครั้งก่อนเป็นเพียงพืชสมุนไพรธรรมดาสามัญเท่านั้น เมื่อเกอซีใช้พืชสมุนไพร และส่วนประกอบโอสถไปเป็นจำนวนมากในการฝึกฝนกลั่นโอสถนางจึงเหลือส่วนประกอบโอสถอีกไม่มากนัก เช่นนั้นในวันนี้หญิงสาวจึงมาเลือกซื้อสมุนไพรรวมถึงส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อชดเชยกับส่วนที่ถูกใช้ไป
ครั้นเพียงเลี้ยวมาที่หัวมุมตรอก เกอซีก็รับรู้ได้ถึงอายพลังอันเย็นเยียบจากดานหลัง ดูเหมือนจะมีคนกำลังจับจ้องนางพร้อมอายสังหารอันแรงกล้า
หญิงสาวยังคงสืบฝ่าเท้าก้าวต่อไปด้วยความถี่คงเดิม รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นบนมุมปาก
คิดจะสะกดรอยตามนางกระนั้นหรือ ? ครั้งก่อน สมัยที่นางยังไม่มีพลังปราณใด นางยังคงสามารถรับรู้ได้ว่าชิงหลงสะกดรอยติดตาม ยามนี้นางสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้มีพลังฝีมือด้อยกว่าชิงหลงมากนัก
เพียงครู่ถัดมาที่เกอซีเร่งฝีเท้า ร่างของนางก็พลันหายไปในเหลือบมุมที่ห่างออกไปในทันที
สถานที่นี้คือตรอกเล็ก ๆ ที่แลดูเก่าทรุดโทรมอย่างยิ่ง แม้จะอยู่ติดกับถนนตะวันออกที่คับคั่งจอแจ ตรอกแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยหมู่วนิพกที่มักวนเวียนมาอาศัยนอนหลับในยามวิกาล กลิ่นกายเหม็นคลุ้งของเนื้อตัวที่ไม่เคยผ่านผิวน้ำ ปะปนคละเคล้าไปกับกลิ่นปัสสาวะ และ อุจจาระ ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่ใคร่มีผู้ใดกล้ำกรายเข้ามาในตรอกนี้เท่าไรนัก
ชั่วหลายอึดใจที่ร่างของเกอซีเลือนหายไป สตรีในชุดสีขาวจึงปรากฏขึ้นในตรอกซอกซอยโกโรโกโสแห่งนี้
เมื่อดวงหน้าไม่ถูกปกปิดไว้ด้วยผืนหน้ากาก รูปโฉมที่น่ารักนวลตาของนางจึงแลเห็นได้อย่างชัดเจน เพียงทว่าในแววตานั้นกลับเปี่ยมล้นไปด้วยอายสังหารอย่างน่าตระหนก
นางเห็นเกอซีผลุบเข้ามาในตรอกนี้อย่างแน่นอน ทว่าเพียงชั่วอึดใจ ร่างของเกอซีกลับเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย !
เห้นได้ชัดว่า ตัวนางเอง คือผู้มีพลังปราณระดับสูงสุดในขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ ขณะที่อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้อยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มเท่านั้น….แล้วเหตุใดเขาจึงหลุดรอดสายตานางไปได้ ? !
ขณะที่สตรีในอาภรณ์สีขาวสะอาดตากำลังอยู่ในอาการงุนงง น้ำเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชาสายหนึ่งกลับกระทบโสตประสาทขึ้น “มองหาข้าอยู่หรือ ?”
นางตื่นตกใจ ฉับพลันร่างของหนุ่มน้อยผู้นั้นกลับปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตาในทันที
ผิวพรรณของหนุ่มน้อยผู้นี้ทอประกายระยิบระยับโปร่งใสประดุจเนื้อหยกภายใต้แสงตะวันที่สาดฉาย ทั้งกระจ่างสดใสทั้งพร่างพรายสายตา ทว่าภายใต้ดวงตาหงส์อันงดงามคู่นั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือกประดุจแท่งน้ำแข็งที่หนาวสะท้านจับทรวงเมื่อเพ่งพิจแลดู
***จบตอน มองหาข้ากระนั้นหรือ ?***