โอสถนี้คือสิ่งที่นางกลั่นไว้ในตำหนักราชันมัจจุราช แม้จะเป็นแค่เพียงโอสถระดับขั้นที่ 1 ทว่ากลับไม่ได้ปรุงขึ้นตามตำราโอสถของทวีปหมีหลัว หรือตำรับสรรพโอสถอันหลั่งล้นแต่ประการใด
หากทว่าเป็นโอสถที่ถูกกลั่นขึ้นตามสภาพทางกายภาพของพวกซีเจี่ยโดยเฉพาะ เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสภาพร่างกายในแต่ละคนโดยเกอซีปรับปรุงตัวยาขึ้นจากตำรับสรรพโอสถอันหลั่งล้นนั่นเอง
นับแต่คราแรกหญิงสาวต้องเผชิญกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งในครั้งสุดท้าย ที่ีสุดแล้วนางก็ได้พบกับความสำเร็จในการกลั่นเม็ดโอสถ ด้วยเม็ดยาจำนวน 30 เม็ดคือผลงานให้ได้เชยชม
เกอซีกล่าวกับซีเจี่ยพลางชี้ไปที่เม็ดโอสถ “ข้าได้ตรวจดูตำรับโอสถในทวีปหมีหลัวแห่งนี้แล้ว ตำรับยาส่วนใหญ่ล้วนสามารถใช้เป็นเพียงบทพื้นฐานเพื่อช่วยปรับสภาพพลังปราณของผู้ฝึกยุทธให้บริสุทธิ์ขึ้นเท่านั้น ทว่าสำหรับพวกเจ้าที่มีหนทางการฝึกฝนที่แปลกแยก หากจะเทียบกับผู้ฝึกยุทธทั้งหลายย่อมมีสภาพทางกายแตกต่าง พลังฝีมือก้าวกระโดด ข้าจึงกลั่นเม็ดโอสถนี้ขึ้นเพื่อพวกเจ้าเป็นการเฉพาะ เพียงมิรู้ว่าโอสถเหล่านี้จะมีผลข้างเคียงใดบ้าง ทั้งย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าโอสถนี้จะสามารถช่วยให้เจ้าก้าวข้ามเขตพลังปราณขึ้นสู่ขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ได้หรือไม่….. เช่นนั้นเจ้าย่อมสามารถเลือกได้ว่าเจ้าจะกลืนโอสถนี้ลงไปหรือไม่”
แน่นอนว่าเกอซีย่อมตระหนักดีว่าโอสถนี้ล้วนไม่ส่งผลกระทบใดทั้งสิ้น ผลกระทบแค่เพียงประการเดียวนั้นคือ มันล้วนสามารถเสริมพลังฝีมือ เพิ่มความรวดเร็วคล่องตัว ปรับสภาพกล้ามเนื้อเสริมความแข็งแกร่งของกระดูก ให้ถึงระดับขั้นที่สามารถต้านทานต่อแรงพลังการโจมตีทั้งหลายที่จะกระหน่ำเข้ามาได้
เพียงทว่าจะกล่าวไปสิ่งนี้ล้วนเป็นเพียงบทเริ่มต้นการฝึกกลั่นโอสถครั้งแรกของนาง อีกทั้งยังเป็นตำรับยาที่นางปรับขึ้นด้วยมือตนเอง เช่นนั้นแล้วนางย่อมจำต้องอธิบายให้พวกซีเจี่ยได้ฟังอย่างละเอียด
ทว่ายังไม่ทันจะกล่าวจบ ซีเจี่ยก็หยิบเม็ดโอสถโยนใส่ปากกลืนลงไปโดยไม่ลังเล
เพียงครู่ อายความร้อนก็เริ่มคุกรุ่นไปทั่วทั้งช่องท้อง เส้นชีพจรตลอดถึงจุดตันเถียนที่ขาดสูญแรงพลังปราณมาเนิ่นนานกลับค่อย ๆ เดือดพล่านประดุจดั่งมีเปลวเพลิงผลาญลุกลามไปทั่วตลอดทั้งเรือนกาย
เกอซีจึงกล่าวคำ “ขุมพลังที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ทั่วกายเจ้าจะค่อย ๆ ทะลวงผ่านเข้าไปในเส้นชีพจรปราณ และโคจรโลดแล่นไปตลอดทั่วทั้งเรือนกายครบถ้วน 12 รอบ โดยแต่ละรอบของการทะลวงเส้นชีพจรพลังในกายของเจ้าจะเพิ่มทวียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ”
ซีเจี่ยลงนั่งในท่าขัดสมาธิกระทำตามขั้นตอนตามคำชี้แนะของเกอซีทุกประการ หนุ่มฉกรรจ์ค่อย ๆ ดูดซับซึมซาบเอาขุมพลังที่หนาแน่นอันล้นอยู่ในยามนี้เข้าสู่เรือนกายทีละน้อย
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม * เขาขยับกายลุกขึ้น ความแปลกประหลาดใจอย่างยิ่งยวดฉาบทาไปตลอดทั่วทั้งใบหน้า ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นเบื้องหน้าสายตา ขยับปลายนิ้วรวมเข้าหากันเป็นกำปั้นเสียงกระดูกข้อต่อแต่ละชิ้นขยับเกิดเสียงดังกร๊อบ ทั่วทั้งกายคล้ายถูกปกคลุมไว้ด้วยละอองละเอียดบางสีทอง
*ครึ่งชั่วยาม คือ 1 ชั่วโมง
“คุณหนู ข้า…. ข้าเชื่อว่าข้าถึงความสมบูรณ์ในการทะลุทะลวงพลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มแล้วขอรับ !” ซีเจี่ยร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี
ชั่วระยะเวลาแค่เพียงครึ่งชั่วยามสั้น ๆ เช่นนั้น เขาสามารถก้าวขึ้นถึงขั้นที่ 9 แห่งพลังปราณเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม นับว่าถึงขั้นสมบูณ์ในพลังปราณระดับนี้อย่างแท้จริง ! นี่นับเป็นสิ่งที่ตัวเขาไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดปรากฏขึ้นได้ อีกทั้งผู้ที่ช่วยส่งเสริมให้เขาสามารถถึงความสำเร็จเพียงนี้ได้ยังเป็นคุณหนูผู้อ่อนเยาว์อีกด้วย !
เกอซีผงกศีรษะพลางเอ่ยกล่าว “นำเม็ดโอสถนี้ไปแจกจ่ายให้แก่ทุกคน ข้าต้องการเห็นผลอันจะเกิดปรากฏขึ้นกับทุกคน ในครานี้ทุกคนล้วนต้องได้รับโอสถคนละหนึ่งเม็ด”
“ขอรับ คุณหนู !” ซีเจี่ยพยายามฝืนระงับความตื่นเต้นยินดีของตนไว้ เขารับเม็ดโอสถจากมือของหญิงสาว
“หากพวกพี่น้องเราได้รับโอสถชุดนี้ พวกเขาล้วนต้องยินดีเป็นที่ยิ่ง !”
จากนั้นผู้เป็นนายจึงเอ่ยถามขึ้น “สองสามวันมานี้เหตุการณ์รอบเทือกเขาฉางเป็นอย่างไรบ้าง ?”
สีหน้าแห่งความปีติยินดีของชายหนุ่มถูกปรับเปลี่ยนไปในทันที ยามเมื่อเขาหันกลับมาตอบคำด้วยท่าทีนอบน้อม “เรียนคุณหนู สองสามวันมานี้ ผู้คนมากหน้าหลายตาล้วนเดินทางเข้ามารวมตัวกันอยู่รอบบริเวณเทือกเขาฉาง ทว่าส่วนใหญ่แล้วย่อมให้ความสนใจเพียงเฉพาะส่วนเทือกเขาฝั่งตะวันตกเท่านั้น คงมีเพียงเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ปรากฏกลุ่มผู้ฝึกยุทธชุดหนึ่งเข้ามาป้วนเปี้ยนตรวจตราแถบรอบบริเวณใกล้เขตของเรา หากทว่านับจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏกายขึ้นอีก บ่าวส่งคนไปลอบสืบสาวกลุ่มยอดฝีมือที่เข้ามารวมตัวกันทางแถบตะวันตกจึงทราบความมาว่า ไม่เพียงกลุ่มคนพวกนั้นจะเป็นยอดฝีมือจากเหล่าตระกูลผู้ทรงอิทธิพล และคนของอาณาจักรจินหลิงเท่านั้น ในกลุ่มคนพวกนั้นยังประกอบไปด้วยยอดฝีมือจากนานาแคว้น ทั้งยังมีคนจากราชสำนัก ก่อนหน้านี้พวกเขายังเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน หากแต่ดูเหมือนในยามนี้จะคลายลงไปแล้วขอรับ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประฝีมือกัน พวกเขาก็ยังเลือกลงมือในบริเวณที่ห่างออกไป คล้ายจะกลัวไปปลุกเร้าบางสิ่งในเทือกเขาฉางให้ตื่นตัวขึ้นมาขอรับ”
ใบหน้าของหญิงสาวยุ่งย่น “อืม ไม่ว่าด้านนอกจะเกิดเหตุการณ์ใด ไม่ต้องใส่ใจ อย่าได้ย่างกรายเข้าไปใกล้ฝั่งตะวันตกของเทือกเขาฉางเป็นอันขาด ! ยามนี้ยอดฝีมือระดับปฐพีสะท้านสะเทือนกลุ่มใหญ่ล้วนพากันไปรวมตัวอยู่ที่นั่น หากพวกเจ้าไปมีเรื่องกับคนเหล่านั้น ด้วยพลังฝีมือของพวกเจ้าในยามนี้ย่อมไม่อาจเหลือรอดชีวิต หากต้องออกไปด้านนอก ระวังให้จงหนัก อย่าให้ผู้ใดพบตัวพวกเจ้าได้”
***จบตอน เข้าสู่พลังขั้นสมบูรณ์ปราณชั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม***