ของดี ? นี่เขามอบ ‘ของดี’ ให้นางด้วยการส่งมาในดินแดนราวกับเมืองผีเช่นนี้ล่ะหรือ ?
หญิงสาวสวนกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่ข้าอยู่ที่ใดกัน ? นึกบ้าอะไรส่งข้ามาที่ประหลาดเช่นนี้ ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แม่หนูน้อย เจ้ามันปากร้ายจริง ซ้ำยังไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ! ไม่เห็นรึว่าเหล่าชาวยุทธรอบเทือกเขาฉางแห่งนี้กำลังตั้งตาคอยสิ่งใดอยู่ ? พวกมันทั้งหมดก็ล้วนกระสันอยากเข้าสู่ดินแดนนี้ด้วยกันทั้งสิ้น”
ชายชราหัวเราะลั่นอีกคราก่อนจะเอื้อนเอ่ยต่อ “ถูกแล้ว ด้านหลังประตูศิลานี้ก็คือ เขตแดนผนึกมังกร ดินแดนกำบังที่ทุกผู้คนล้วนตั้งตารอ ! ของรับขวัญที่ข้ามอบให้เจ้าเยี่ยมไปเลยใช่ไหมเล่า ? เข้าไปสิ รีบเข้าไปค้นหาโชคชะตาวาสนาในชีวิตเจ้าได้แล้ว !”
“เขตแดนผนึกมังกร ก็คืออาณาจักรกำบังนั้นเองล่ะหรือ ?” ใบหน้าของนางซีดเผือด “เจ้าเฒ่าเต่าเหม็น ข้าไม่ได้บอกเจ้าล่ะหรือว่าข้าไม่ได้ต้องการเข้าไปในอาณาจักรกำบัง ? นี่ ! นี่ ! ให้ตายเถอะ !…..”
ในหัวของนางไม่ได้ยินน้ำเสียงของเขาอีกแล้ว คงมีเพียงเสียงสะอื้นของต้านต้านก้องดังอยู่ข้างหูเท่านั้น
มุมปากของนางกระตุกกึกคราหนึ่งก่อนจะรีบหันกลับไปคาดคะเนเส้นทางเดินที่มืดทึบมองไม่เห็นปลายทาง นางไม่เหลือทางเลือกอื่นใดนอกไปเสียจากล้มเลิกความคิดที่จะหวนกลับ เช่นนั้นเกอซีจึงหันกลับมาอีกครา และพยายามผลักบานประตูเข้าไป
ในคราแรกเกอซียังคิดว่าย่อมไม่อาจเป็นไปได้ที่จะเปิดบานประตูที่ใหญ่โตปานภูผาด้วยเรี่ยวแรงกำลังที่ตนมี หากทว่าผู้ใดเล่าจะคิดว่าแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสต้องรอยสลักที่ปรากฏบนบานประตู ลำแสงสีทองที่ส่องสะท้อนเปล่งประกายพลันระเบิดท่วมทะลักเข้าสู่คลองสายตาในทันที
ประตูทางเข้าซึ่งเดิมทีเป็นแต่เพียงบานประตูสีเทาพลันเปล่งประกายแสงเจิดจ้าปานประดุจมีกระแสไฟวิ่งแล่นท่วมท้นอยู่ด้านใน ลายเส้นที่สลักเสลาอยู่บนผิวพื้นเปล่งประกายสีทองเรืองรองสว่างไสวชี้ส่องนำเป็นทางคล้ายเส้นวิ่งไปตามแนวริ้ว
ต้านต้านยกอุ้งมือน้อย ๆ ขึ้นปิดตาเอียงตัวพิงไหล่เกอซีทั้งที่ปากยังร้องตะโกน “ท่านแม่ ท่านแม่ นี่พวกเรากำลังจะเข้าไปในประตูนรกกันแล้วใช่ไหม ? ด้านในจะมีผีเยอะไหม ?”
เกอซีหาได้สนใจต้านต้านไม่ ด้วยนางกำลังจับจ้องอยู่กับประกายแสงสีทองที่ท้ายสุดแล้วพลันแตกกระจายออก ขณะที่บานประตูเหล็กคล้ายศิลากำลังค่อย ๆ แง้มเปิดออกทีละน้อย ในระหว่างบานประตูปรากฏช่องว่างแคบ ๆเพียงพอให้คนเพียงผู้เดียวผ่านเข้าสู่ด้านใน
เกอซีสืบฝีเท้าก้าวเข้าสู่ช่องของบานประตูนั้นอย่างสิ้นความลังเล
*****
เมื่อเกอซีย่างกรายเข้าสู่อาณาจักรกำบังแล้ว หญิงสาวกลับไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ช่วงเวลาที่บานประตูเหล็กคล้ายผาศิลาผืนนั้นแง้มเปิด เทือกเขาฉางที่ครั้งหนึ่งเคยเงียบสงัดพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ยอดเขาโดยตลอดทั่วทั้งอาณาบริเวณสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
ก้อนหินน้อยใหญ่ปริแตกร่วงหล่นกราวลงมาจากยอดเขาอย่างไม่อาจนับจำนวนได้ ฝูงสัตว์ป่าแตกตื่นโกลาหลวิ่งหนีลงมาจากเทือกเขาฝั่งตะวันตกประดุจดั่งห่าฝน ลำแสงสีทองจำนวนมหาศาลพุ่งออกมาอย่างไม่อาจประมาณ ระเบิดท่วมกระจัดกระจายทั้งผืนฟ้าในทันที
เทือกเขาฉางตลอดทั้งแนวสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุดยั้ง ขณะที่ลำแสงสีทองก็ยังคงแผ่กระจายพุ่งทะลุทะลวงทั้งฟากฟ้าปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งอาณาบริเวณแห่งเทือกเขาฉาง
ที่ตีนเทือกเขาฉาง เหล่าบรรดายอดฝีมือที่พากันโคจรพลังปราณรออยู่ด้วยอาการสงบในยามนี้กลับโกลาหลวุ่นวาย แต่ละคนล้วนลุกขึ้นกวาดสายตามองเหตุการณ์ที่ปรากฏ
และต่างต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นลำแสงสีทองนับร้อยนับพันที่ระเบิดพวยพุ่งออกจากเทือกเขาฉาง บานประตูทรงโค้งสีจาง ๆ ถูกเผยออกภายใต้ประกายแสงเรืองรองที่วูบวาบพร่างตา ปลายยอดสุดของบานประตูนั้นยืดยาวสูงส่งกระทั่งคลองสายตาของทุกคนไม่อาจแลเห็น มันช่างตั้งตระหง่านสูงส่ง และทรงความภาคภูมิประดุจดั่งจะทะลุผ่านม่านเมฆาเหนือชั้นฟ้า
ประตูบานนี้สะดุดสายตาตั้งเด่นเป็นสง่ากระทั่งผู้ที่อยู่ยั้งห่างไกลออกไปถึงหลายร้อยลี้ก็ยังสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้อย่างชัดเจน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?” ความแตกตื่นใจปรากฏบนดวงหน้าของชาวยุทธทั้งหลายที่มารวมตัวกัน “เหตุใดจู่ ๆ จึงปรากฏบานประตูขึ้นเช่นนี้ ?”
“อาณาจักรกำบัง….. อาณาจักรกำบังถูกเผยออกแล้ว !” เสียงคนผู้หนึ่งร้องอุทาน “เร็ว รีบกลับไปแจ้งท่านอาวุโสเร็วเข้า อาณาจักรกำบังถูกเผยออกแล้ว !”
แค่เพียงครู่ ตลอดทั่วทั้งเชิงเขาฉางพลันอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายอย่างไม่อาจควบคุม
*****
บัลลังก์มังกรแห่งองค์จักรพรรดิในพระราชวังเหยียนจิงสั่นไหวตลอดเวลาด้วยเพราะแรงสั่นสะเทือนในครานี้
บุรุษวัยกลางคนรีบลุกขึ้นจากบัลลังก์ในทันที สายตาของเขาทอดไกลไปยังลำแสงสีทองที่พร่างพรายอย่างน่าอัศจรรย์เบื้องหน้า “ใครก็ได้ เข้ามาที ! เกิดเรื่องใดขึ้น ?”
“ทูลฝ่าบาท นั่นคือเทือกเขาฉางพ่ะย่ะค่ะ ! เกิดแผ่นดินไหวรอบบริเวณเทือกเขาฉาง บานประตูแห่งความสูญว่างถูกปลดออกพ่ะย่ะค่ะ !”
เทือกเขาฉาง ? บานประตูแห่งความสูญว่าง ? ย่อมหมายความว่าอาณาจักรกำบังถูกเผยออกแล้วกระนั้นหรือ ? ทว่าไม่เร็วเกินไปล่ะหรือ ? !
ใบหน้าของฉางกวนเหวินจี๋กลับแสดงอาการรวนเรอยู่ครู่หนึ่งก่อนน้ำเสียงหนักแน่นจะเอ่ยกล่าว “ส่งคนเข้าไปยังอาณาจักรกำบังในทันที นำสมบัติซึ่งเก็บซ่อนไว้ภายในออกมาให้หมด หากเราไม่อาจได้สมบัติใดมาก็จงอย่าให้ผู้อื่นช่วงชิงไปได้เช่นกัน ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม ?”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท !”
***จบบท เปิดประตูสู่อาณาจักรกำบัง***