ยังอีกครั้งนั้นที่เกอซีต้องซุ่มซ่อนตัวอยู่ในผืนป่ารกชัฏที่เต็มไปด้วยหมู่แมลงพิษร้ายตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนเพื่อหมายซุ่มโจมตีอีกฝ่ายให้สิ้นชีพด้วยการโจมตีเพียงดาบเดียว ทำภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์
เช่นนั้นแล้ว ความเจ็บปวดทรมานของการผลาญจิตหลอมร่างจะทำให้นางยอมสิโรราบอย่างไรได้ ?
หญิงสาวส่งเสียงเย้ยหยันภายใต้แววตาแห่งความกล้าหาญ “ข้าต้องทำอย่างไรจึงสามารถผ่านปราการด่านนี้ได้ ?”
บุรุษผู้นั้นออกจะประหลาดใจไปครู่หนึ่ง พลันเสียงหัวเราะอย่างอ่อนบางของเขากลับก้องขึ้น “ข้าไม่ได้เห็นแววตาที่มุ่งมั่นเช่นนี้มานานพอควรแล้ว”
ผ่านไปเพียงครู่ รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนดวงหน้าของบุรุษผู้นั้นพลันเลือนหาย ก่อนน้ำเสียงของเขาจะแถลงแจ้งความเข้าใจ “การจะผ่านบททดสอบในขั้นแรกได้นั้นเป็นเรื่องที่เรียบง่ายอย่างยิ่ง เพียงเจ้าจำต้องดำเนินการโคจรกระแสปราณในร่างให้ถ้วนทั่วตลอดทั้งเรือนกายภายใต้ความทรมานเจ็บปวดอย่างเหลือแสนนี้ให้ได้ พลังปราณในร่างของเจ้าจำต้องถูกขับเคลื่อนอยู่ตลอดไม่อาจหยุดชะงักได้แม้เพียงเสี้ยวอึดใจ เพราะหากพลังในกายเจ้าหยุดการเคลื่อนโคจรเมื่อใด ตลอดทั้งกระดูก และเส้นชีพจรปราณทั่วร่างของเจ้าจะฉีกขาด ทำให้เจ้าถึงแก่ความตายในทันที”
“สาวน้อย จงอย่าได้คิดว่ากระบวนการทดสอบนี้จะเป็นไปได้อย่างง่ายดาย เพราะความเจ็บปวดอย่างเหลือจะฝืนทนได้นั้นจะทำให้สติสัมปชัญญะของเจ้าเลือนลาง กระแสจิตสัมผัสของเจ้าจะค่อย ๆ เริ่มอ่อนบางลงเรื่อย ๆ หากเจ้าหมายมั่นจะโคจรพลังในกายอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง จำต้องอาศัยกำลังใจ และความมุ่งมั่นมากกว่าภาวะการฝึกตนโดยปกตินับร้อยเท่า”
“เข้าใจแล้ว” ใบหน้าของนางยังคงสงบสุขุมยามเมื่อนางผงกศีรษะรับ ความประหม่าขลาดเขลาหาได้ปรากฏให้เห็นในแววตานั้นไม่
ความรู้สึกยอมรับนับถือน้ำใจฉายวาบผ่านดวงตาของบุรุษผู้นั้นชั่ววูบหนึ่งก่อนน้ำเสียงหัวเราะบางเบาจะก้องขึ้นพร้อมวาจาเอื้อนเอ่ย “เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เริ่มได้”
เพียงสิ้นเสียงของบุรุษผู้นั้น ขุมพลังปราณเย็นยะเยือกประดุจน้ำแข็งพลันตรงเข้าโอบล้อมโดยตลอดทั่วทั้งเรือนกายของเกอซี ความเจ็บปวดทรมานพุ่งเข้าจู่โจมตลอดทั่วทั้งแขนขา ท่อนกระดูกรวมถึงอวัยวะภายในทุกส่วนอีกครา หากทว่าในครานี้ เกอซีกัดกรามแน่น นางอยู่ในท่าขัดสมาธิปิดเปลือกตาสนิทเริ่มโคจรกระแสพลังปราณในกายอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
มุมปากของบุรุษผู้นั้นยกโค้งขึ้น ครั้นเมื่อกลุ่มหมอกควันเจือจางที่ปกคลุมตลอดทั่วทั้งใบหน้าของเขาค่อย ๆ เลือนลางจางคลายลง ใบหน้าอันหล่อเหลาบริสุทธิ์สะอาดจึงถูกเผยออกให้ได้ยล
สายตาครุ่นคิดของเขารวมลงอยู่กับร่างของหญิงสาวผู้นั่งขัดสมาธิตั้งใจโคจรกระแสพลังอยู่กับพื้น ผ่านไปนานพอควรก่อนเสียงหัวเราะเบา ๆ ของชายผู้นั้นจะดังขึ้น “สาวน้อยแม้หากเจ้าสามารถอดทนต่อการทดสอบในขั้นนี้ได้สิ่งนี้ย่อมช่วยส่งเสริมพลังฝีมือของเจ้าต่อไปในภายภาคหน้า โดยที่แท้แล้ว การจะสามารถผ่านกระบวนการนี้ไปได้นับว่ายากเย็นอย่างยิ่งยวด และเหลือแสน เช่นนั้น จงทุ่มเทกำลังความสามารถของเจ้าอย่างเต็มที่”
สำหรับผู้ฝึกยุทธซึ่งมีพลังปราณแค่เพียงระดับขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ที่ต้องฝืนกลั้นอดทนต่อบททดสอบอันทรมานอย่างเกินบรรยายภายใต้แรงผลักดันแห่งกำลังใจ และแรงมุ่งมั่นทางจิตของตน สิ่งนี้จะกลับกลายเป็นเสมือนอาวุธอันเปี่ยมพลานุภาพที่ทำให้จิตใจของคนผู้นั้นทรงพลังเข้มแข็ง และมั่นคงอย่างถึงที่สุด เบื้องหน้าต่อไป หากคนผู้นั้นต้องพัฒนาพลังฝีมือ ต้องเผชิญกับมารภายในใจ ดำเนินมาถึงทางตัน คนผู้นั้นย่อมสามารถหาหนทางทะลวงฝ่าอุปสรรคขวากหนามได้ทุกประการเกินกว่าขีดระดับความสามารถของผู้ฝึกยุทธโดยทั่วไป
“ผู้มีพลังปราณเพียงขอบเขตขั้นที่ 2 ปฐมภูมิโลกันตร์ หมายจะเป็นผู้รับช่วงสืบทอดหม่าฮ่ากระนั้นหรือ ? หึหึ น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว……” น้ำเสียงของบุรุษผู้นั้นค่อย ๆ เลือนลางไป พร้อมร่างของเขาที่ค่อย ๆ จางหายไปจากโถงห้องอันเปล่าโล่ง
คงมีเพียงเกอซีผู้ยังคงอยู่ในห้องอันว่างเปล่าแห่งนี้ คงมีเพียงนางที่ยังคงอยู่ในท่าขัดสมาธิ ฝืนทนอดกลั้นข่มความเจ็บปวดทรมานที่ประดังเข้ามาอย่างหาที่สุดมิได้
*****
และช่วงขณะนั้นเอง ในวังจื่อจินแห่งนี้ เจ้ามังกรทองตัวจิ๋วยังนอนพังพาบพาดอยู่บนไหล่ของเกอซีด้วยใบหน้าอันแสนชื่นมื่นขณะค่อย ๆ ละเลียดดูดซับกระแสพลังปราณที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง
เขาอาศัยขุมพลังนี้ขจัดขับพลังอันไม่บริสุทธิ์ในกายตน เกล็ดมังกรที่เดิมมีสีตุ่นพลันค่อย ๆ เปล่งประกายส่องเลื่อมมันวาวขึ้นมาทีละน้อย ยังไม่เพียงเท่านั้น แม้กระทั่งร่างจิ๋วกระจ้อยร่อยขนาดเพียงเท่าหัวแม่มือก็กำลังค่อย ๆ ขยับขยายยืดยาวขึ้นไปเรื่อย ๆ
“เจ้า…..เจ้า ! เจ้าไข่เน่า ! เจ้าหลอกลวงท่านแม่ ! ข้าจะตีเจ้าให้ตาย !”
มังกรทองตัวจิ๋วถูกใครบางคนตบใส่อย่างจังกระทั่งมันร่วงหล่นตกจากเนินไหล่ของเกอซี ทั้งมันยังได้ยินเสียงหงุดหงิดหัวเสียของหนูน้อยผู้หนึ่งอย่างชัดเจน
ยังดีที่เจ้ามังกรทองตัวจ้อยดวงยังไม่กุดจึงสามารถหลบหายนะครานี้ได้อย่างหวุดหวิด มันสามารถตวัดปลายหางรัดรอบคอของเกอซีเหนี่ยวรั้งไว้ได้ทันก่อนจะร่วงหล่นโหม่งพื้นแบนแต๋
เมื่อประคองตัวได้แล้ว เจ้ามังกรทองตัวจิ๋วรีบกวาดตามองไปทั่วจึงเห็นเจ้าลูกหมูน้อยตัวสีชมพูยืนจังก้าถลึงตาใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยวประหนึ่งอยากจะตรงเข้าไปถลกหนังเขาออกมาให้จงได้
ครั้นเจ้ามังกรได้เห็นลูกหมูน้อยแสนน่ารักน่าชังเข้าแล้ว ก็มิรู้ด้วยเหตุใด ความโกรธกริ้วที่ถูกตบใส่เมื่อครู่พลันเลือนหายประหนึ่งกองเพลิงที่ถูกสายน้ำราดรดใส่ น้ำเสียงของเจ้ามังกรกลับกลายเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลอย่างไม่ทันรู้สึกตัว “เจ้าหมูน้อย เจ้ามาจากที่ใดกัน ? เข้ามาในวังจื่อจินนี้ได้อย่างไร เจ้าไม่รู้หรือว่าที่นี่อันตรายยิ่งนัก ?”
***จบตอน จงใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ***