ยามนี้เมื่อผลการคัดเลือดผู้รับช่วงตำแหน่งการสืบทอดออกมาเป็นเช่นนี้ จะให้นางยอมรับอย่างไรได้ !
เฟิ่งเหลียนอิ่งกัดกรามแน่น สายตาที่จับจ้องเกอซีเต็มไปด้วยความขัดข้องขุ่นเคืองย้ายมาหาท่านเจ้าวังจื่อจินด้วยแววตาที่เย็นชา หากทว่ากลับขุ่นหมอง “ท่านเจ้าวังจื่อจิน ท่านจะละทิ้งไม่เห็นแก่คุณความดีที่ท่านผู้นำตระกูลเฟิ่งเคยสั่งสมไว้ แล้วมอบตำแหน่งผู้รับช่วงสืบทอดวังจื่อจินให้แก่เด็กหนุ่มน่ารังเกียจผู้นี้จริงล่ะหรือ ? ขอท่านอย่าได้ลืมเลือนไปเสียว่าพลังฝีมือของคนผู้นี้ต่ำเตี้ยเพียงขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มเท่านั้น ยังมี เขาผู้นี้ไร้ผู้คอยให้การสนับสนุน ไร้ฐานภูมิหลัง ทั้งยังไร้ซึ่งตระกูลคอยหนุนนำ เช่นนั้นเมื่อไรที่ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าล่วงรู้เรื่องที่เขาได้รับช่วงการเป็นผู้สืบทอด เขาอาจไม่แม้กระทั่งจะสามารถรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนไว้ได้ ท่านเจ้าวังไม่กริ่งเกรงหรือว่า ผู้รับช่วงสืบทอดต่อจากท่านอาจสิ้นขาดลงภายใต้น้ำมือของคนผู้นี้ ?”
เอ่ยกล่าวไปเฟิ่งเหลียนอิ่งก็เชิดแหงนคางขึ้นด้วยอาการหยิ่งผยองโดยมิต้องรั้งรอคำตอบของท่านเจ้าวัง “หากทว่าสำนักหลิวหลีของข้านั้นผิดแผกแตกต่างกัน หากตำแหน่งผู้รับช่วงสืบทอดได้ถ่ายทอดสู่ข้า ข้ามั่นใจยิ่งนักว่าข้าจะสามารถจัดการมันได้อย่างยอดเยี่ยมถึงที่สุด ด้วยพลังอำนาจ และอิทธิพลของสำนักหลิวหลีของข้า ยังจะมีผู้ใดไหนกล้าคิดเหิมเกริมละโมบหมายปองอีกกระนั้นหรือ ! ยังอีกท่านผู้นำตระกูลเฟิ่งก็จะรู้สึกขอบคุณในน้ำใจครานี้ของท่านอย่างยิ่ง ! ผลพวงแห่งการตัดสินใจของท่านเช่นนี้ย่อมจะนำผลดียิ่งมาสู่หลายประการ หาได้มีผลเสียอันจะบังเกิดแก่ท่านเจ้าวังแต่อย่างใดไม่ เช่นนี้แล้ว ท่านเจ้าวังจะไม่คิดใคร่ครวญทบทวนอีกสักครากระนั้นหรือ ?”
เมื่อคำกล่าวทั้งหลายสิ้นสุดลง ความมาดมั่นของเฟิ่งเหลียนอิ่งกลับยิ่งเปล่งฉาย เชื่อมั่นเหลือเกินว่า แม้นหากผู้ใดยังมีสมองสมบูรณ์พร้อมก็ย่อมตระหนักดีว่าทางเลือกอันเหมาะสมควรยิ่งนั้นคือสิ่งใด
พลังฝีมือของซีเยว่เจ้าหนุ่มหน้าเหม็นนั่นต่ำเตี้ยเหลือประมาณ ทั้งสถานภาพของคนผู้นั้นก็ต่ำต้อย นอกไปเสียจากความโชคดีที่สามารถตะเกียกตะกายผ่านการทดสอบทั้งสามครามาได้แล้ว คนผู้นี้ยังจะมีสิ่งใดที่เรียกได้ว่าเป็นข้อดีอีกกระนั้นหรือ ?
หากทว่าทุกสิ่งกลับไม่เป็นไปดังที่หญิงสาวคาดคิดไว้ เพียงได้ยินน้ำคำกล่าว ประกายความเย็นเยียบพลันเผยผ่านแววตาที่เฉียบคมทิ่มแทงประดุจปลายกระบี่ของท่านเจ้าวัง ฉับพลันคลื่นพลังอันกดดันเย็นยะเยือกประดุจธารน้ำแข็งพุ่งระเบิดท่วมท้นร่างจิตประทับนั้น “คล้ายว่าข้าคงหลงลืมบอกกล่าวเจ้าไป ข้านั้นก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับชิงชา สิ่งที่ข้ารังเกียจเป็นที่ยิ่งนั้นคือยามเมื่อมีผู้กระทำการขู่กรรโชกข้า ฝีมือของเจ้านั้นต่ำต้อยเลวทราม เจ้าพ่ายแพ้ในการประชันแข่งขันถึงกระนั้น เจ้ากลับยังกล้ามาเอ่ยวาจาสามหาวไร้สาระที่นี่ ! เจ้ามันประเมินตนสูงส่งเกินไปเสียแล้ว !”
“เพื่อเห็นแก่หน้าอาจารย์เจ้า ในวันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หากทว่ายามนี้ ข้าต้องการให้เจ้าออกไปจากสถานที่รับช่วงการสืบทอดนี้ในทันที ! จงอย่าโผล่มาให้ข้าเห็นหน้าอีก !”
เพียงถ้อยวาจานั้นสิ้นสุดลง เฟิ่งเหลียนอิ่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบไปตลอดทั่วทั้งเรือนกาย เพียงพริบตาความรู้สึกทังหมดทั้งมวลพลันจมดิ่งลึกลงสู่ห้วงแห่งความมืดมิด
ร่างของนางค่อย ๆ เลือนลางจางไปทีละน้อย ปล่อยทิ้งเกอซี และท่านเจ้าวังจื่อจินไว้ภายในสถานที่รับช่วงสืบทอดอันเปล่าโล่งแห่งนั้น
จากนั้นร่างของท่านเจ้าวังค่อย ๆ เลื่อนลอยขึ้นภายในใจกลางสถานที่อันว่างโล่ง น้ำเสียงทุ้มต่ำล้ำลึกสะท้อนก้องประดุจสุ้มเสียงนั้นดังก้องไกลมาจากขอบฟ้าอันแสนไกล
“สาวน้อย เจ้าพร้อมรับการสืบทอดแล้วหรือไม่ ?”
เกอซีผงกศีรษะ สิ่งที่เผยแสดงในยามนี้บ่งบอกถึงความเคารพนับถือต่อผู้อยู่เบื้องหน้าอย่างลึกซึ้ง “ขอขอบคุณน้ำใจของท่านอาวุโสที่มอบของขวัญอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้แก่ข้า !”
บนดวงหน้าของท่านเจ้าวังเผยแสดงร่องรอยแห่งการแย้มยิ้มด้วยรู้สึกพอใจ ก่อนเพียงครู่ถัดมา ร่างของตัวเขา และชิงชาจะระเบิดออกเป็นแสงสีขาวสว่างที่จ้าตาไม่อาจเพ่งมอง
ประกายแสงสีขาวแตกกระจัดกระจายไปตลอดทั่วทุกทิศทางดูคล้ายดอกไม้ไฟที่ระเบิดอยู่ในระยะที่ไกลหาก ลำแสงทั้งหมดทั้งมวลนั้นพุ่งตรงรวมเข้าหาร่างของเกอซีทะลวงลึกผ่านเนื้อร่างซึมซาบลงสู่กระแสจิต
หญิงสาวส่งเสียงร้องครางอยู่ในลำคอ เมื่อรับรู้ได้ถึงขุมพลังแปลกประหลาดที่ไหลพลุ่งพล่านภายในกายอย่างท่วมท้นไม่หยุดหย่อน คลื่นพลังสายนั้นโคจรไปตลอดถ้วนทั่วภายในกายก่อนจะบรรจบรวมไหลเวียนรอบจุดตันเถียน
ภายในห้วงจิต เรื่องราว ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงไหลท่วมทะลักปรากฏขึ้นภายในตลอดรวมไปถึงน้ำเสียงจากท่านเจ้าวังจื่อจิน
“สาวน้อย ภายในอาณาจักรกำบังแห่งนี้ ทั้งชิงชา และตัวข้าล้วนเป็นเพียงเศษเสี้ยวแห่งสัมผัสทางจิตวิญญาณ คงอยู่ได้ด้วยเพียงสัมผัสแห่งจิตวิญญาณเท่านั้น เจ้าจงไขกุญแจศักดิ์สิทธิ์ จดจำการรับช่วงสืบทอดหม่าฮ่าซึ่งคือเคล็ดวิชาของข้าให้ขึ้นใจ”
“ตราบเมื่อเจ้าได้รับการถ่ายทอดเพื่อรับช่วงสืบต่อหม่าฮ่าแล้ว วังจื่อจินแห่งนี้จะสูญสลาย ตัวเจ้าจะกลับกลายเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรกำบังคนใหม่ในทันที เพียงทว่าหากเจ้าหมายใจจะควบคุมทุกสิ่งอันเป็นไปภายใต้อาณาจักรกำบังแห่งนี้ เจ้ายังมีสิ่งอันพึงกระทำอีกหลายประการ…..”
สองคิ้วของเกอซีขมวดมุ่น ท่านเจ้าวังจื่อจินกล่าวว่านางจะกลับกลายเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรกำบังแห่งนี้ หากแต่เขากลับมิได้บอกกล่าวหนทางในการควบคุมความเป็นไปทั้งหลายภายใต้อาณาจักรกำบังใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นย่อมหมายความว่านางจำต้องขุดคุ้ยค้นหาทำความเข้าใจในทุกหย่อมหญ้าภายใต้อาณาจักรกำบังแห่งนี้ด้วยตนเองกระนั้นหรือ ?
ยามนี้ ตลอดทั่วทั้งอาณาจักรกำบังหลั่งล้นไปด้วยยอดฝีมือซึ่งมีพลังปราณไม่ต่ำกว่าระดับปฐพีสะท้านสะเทือนทั้งสิ้น ยังมี สถานที่แต่ละแห่งล้วนมีปราการป้องกันอย่างหนาแน่นทั้งเต็มไปด้วยภัยอันตรายอันสุ่มเสี่ยง ทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนเพียงพอให้หญิงสาวรู้สึกมึนงงอื้ออึงอยู่ในหัว ด้วยพลังฝีมือในยามนี้ หากนางหมายจะศึกษาคนคว้าทั่วผืนดินอาณาจักรกำบังอาจพบความยากเย็นเสียยิ่งกว่าแสวงหาหนทางตะกายขึ้นสู่ท้องนภาด้วยซ้ำ
***จบตอน สัมผัสแห่งจิตวิญญาณ***