ตอนที่ 243 บรรลุสู่พลังปราณขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจี
หากทว่าในวันนี้ เมื่อต้องได้รับความล้มเหลวจากการรับตําแหน่งผู้สืบทอดวังจื่อจิน ความเคียด แค้นชิงชังที่นางมีต่อเกอซีกลับกลายพุ่งทะยานขึ้นจนถึงที่สุด ทั้งต้านต้าน ทั้งมังกรทองตัวจิ๋ว ทั้งวาจาจาบจ้วงล่วงเกินของโจวเหยียนอัน ทุกสิ่งประดังท่วมท้น ให้นางได้สิ้นเหตุผล ไม่อาจคงสภาพรักษาภาพลักษณ์อันสูง ส่งประดุจเทพธิดาของตนไว้ได้อีกต่อไป
พลังฝีมือของโจวเหยียนอันย่อมไม่อาจเทียบได้กับเพิ่งเหลียนยิ่ง เช่นนั้น เพียงประมือกันไม่กี่กระบวนท่า ผู้ดูแลโรงโอสถจึงต้องเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำด้วยสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล ต้านต้านผู้ยืนดูอยู่อีกด้านรีบกระโจนเข้าใส่ เพื่อหมายเบี่ยงเบนความสนใจจากหญิงสาว เปิดทางหลบหลีกให้แก่โจวเหยียนอัน หากทว่ากลับถูกอีกฝ่ายเตะใส่อย่าง เต็มกําลังกระทั่งตัวกลม ๆ นั้นกระเด็นไปกระแทกใส่อ้อมแขนของเกอซีเข้าอย่างจัง ที่สุดเจ้าตัวน้อยถึงกับกระอักโลหิตออกมาคําโต
ปลายกระบี่ยาวที่ลุกโชติช่วงไปด้วยเปลวเพลิงของเพิ่งเหลียน ยิ่งฟาดฟันใส่โจวเหยื่นอัน เสียงดัง “เปรี้ยง” ป้ายยันต์อาคมป้องภัยในมือของเขาพลันแตกย่อยยับลงเป็นเสี่ยงๆ บุรุษใหญ่ร่างซวนเซถลาถอยก่อนจะทรุดร่วงลงไปกองอยู่ กับพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือด
แผ่นยันต์ชิ้นนี้คือของวิเศษที่นายน้อยของเขามอบไว้ให้ สมบัติชิ้นนี้ย่อมสามารถช่วยปกป้องผู้ครอบครองมันจากแรง พลังโจมตีอันหนักหน่วงแม้จะมาจากบรรดายอดฝีมือระดับ ปฐพี่สะท้านสะเทือนก็ตาม ที่โจวเหยียนอันสามารถตั้งรับกระบวนท่าการจู่โจมจากเพิ่งเหลียนยิ่งมาได้โดยตลอดล้วนเพราะอาศัยป้ายยันต์ป้องภัยชิ้นนี้
ยามนี้เมื่อแผ่นป้ายยันต์แตกสลายลงแล้ว ทั้งพลังภายใน กายของบุรุษใหญ่ล้วนถูกขับออกใช้จนแห้งเหือดกระทั่งแทบสิ้น เขาย่อมไม่อาจฝืนรับแรงโจมตีจากอีกฝ่ายได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว
สีหน้าที่เย็นชาโหดเหี้ยมปรากฏชัดบนใบหน้าของหญิงสาว ไม่ว่าจะเป็นโจวเหยียนอัน เจ้าสัตว์เวทตัวน้อยทั้งสอง หรือกระทั่งเกอซี นางล้วนไม่มีทางยอมให้พวกมัน หลงเหลือรอดชีวิตแม้เพียงผู้เดียว มันผู้ใดกล้าฉีกหน้านางให้ได้รับความอับอาย มันผู้นั้นล้วนต้องชดใช้ให้หนักหนาเป็นร้อยเท่าพันเท่า พวกมันล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้ได้ ตายดี !
หากทว่า ในช่วงที่เพิ่งเหลียนยิ่งยังคงหมกมุ่นอยู่กับความ เคียดแค้นชิงชัง โจวเหยียนอันมีเพียงจิตใจจดจ่อจับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสิ้นหวัง หาได้มีผู้ใดไหนเลยทันสังเกตเห็น สิ่งที่เกิดปรากฏขึ้นกับเกอซีในยามนี้ เกอซีผู้อยู่ในท่าขัดสมาธิอย่างนิ่งสงบมาเนิ่นนานพอควรเริ่มปรากฏแสงสีเงินยวงบางเบาแผ่ซ่านกระจายออกมาตลอดทั่วทั้งเรือนกาย
ต้านต้านเงยหัวกลม ๆ น้อย ๆ ขึ้นมองผู้เป็นนาย ด้วยนัยน์ตาที่แวววาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาท่ามกลางความฉงนสนเท่ห์ “ท่านแม่ !”
ประกายแสงสีเงินยวงค่อย ๆ กระจ่างสว่างเจิดจ้าขึ้นทีละน้อย คลื่นพลังภายในกายของเกอซีค่อยๆ ลุกโชนเพิ่มกําลัง แรงหนักหน่วงขึ้นที่ละลําดับ ขุมพลังหย่อมน้อยเริ่มเคลื่อนหมุนวนรอบจุดตันเถียน มันกําลังดูดซับคลื่นพลังน้อยใหญ่ ทั้งหมดทั้งมวลภายในวังจือจินเข้ามาสู่ร่างของหญิงสาวที่ละน้อย ๆ
พลังปราณภายในพลุ่งพล่านเลื่อนระดับจากขั้นพลัง ปราณสูงสุดแห่งขั้นปฐมภูมิโลกันตร์เข้าสู่พลังปราณปฐมภูมิ โลกันตร์อย่างสมบูรณ์แบบเต็มกําลังก่อนจะพุ่งทะลวงผ่าน บรรลุสู่พลังปราณขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจี ทั้งยังดําเนินสืบต่ออย่างไม่หยุดยั้งกระทั้งขุมพลังสามารถผลักผ่านตนเองเข้าสู่ ระดับที่ 2 แห่งพลังปราณขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจี เมื่อนั้นเกอซีจึงหยุดยั้งการโคจรกระแสพลัง
เป็นที่ทราบกันดีว่า ระดับพลังปราณในแถบทวีปหมีหลัว ถูกจัดสรรไว้ 9 ขั้นดังนี้
ขั้นที่ 1. กําลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มระดับเมล็ดพันธุ์…
ขั้นที่ 2. ปฐมภูมิโลกันตร์
ขั้นที่ 3. พลิกผันอเวจี
ขั้นที่ 4. ปฐพีสะท้านสะเทือน
ขั้นที่ 5. ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ
ขั้นที่ 6. เปิดม่านฟ้าดิน
ขั้นที่ 7. ทะลวงสิ้นโลกสาม
ขั้นที่ 8. ก้าวข้ามสูญญภพ
ขั้นที่ 9. สยบทั่วจักรวาล
ทั้งแต่ละขั้นล้วนประกอบไปด้วยพลังปราณ 10 ระดับ
เมื่อผู้ฝึกยุทธเพาะบ่มพลังปราณในกายของตนถึงระดับขั้นใดการจะก้าวล่วงบรรลุสู่พลังปราณลําดับขั้นต่อไป ล้วนยากเย็น ทั้งยิ่งเมื่อพลังปราณถึงขอบเขตระดับขั้นที่สูง ส่งยิ่งขึ้นเท่าไร การจะบรรลุขอบเขตพลังปราณเข้าสู่ขั้นสูง ยิ่งกว่าล้วนเป็นความยากเย็นประดุจไขว่คว้าทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์
การที่ผู้ฝึกยุทธโดยทั่วไปหมายจะทะลวงระดับพลังปราณจากขั้นที่ 2 ปฐมภูมิโลกันตร์ สู่ขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจีดังที่เกอซีกระทําอยู่นี้ คนผู้นั้นล้วนต้องอาศัยเวลาอย่างน้อยเนิ่นนานหลายสิบปี กระทั่งผู้ฝึกยุทธที่ล้วนนับได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นเหนือผู้ใดจําต้องอาศัยเวลาในการบ่มเพาะ พลังปราณเนิ่นนาน 5-6 ปีเป็นอย่างต่ำ หากกลับไม่คาดคิดเลยว่า ช่วงเวลาเพียงขวบเดือนสั้นๆเช่นนี้ เกอซีกลับสามารถขับพลังปราณในกายให้บรรลุถึงระดับที่ 2 แห่งพลังปราณ ขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจี โดยไม่ต้องอาศัยพื้นฐานการฝึกฝนพลังปราณที่หนักหน่วงใด ๆ
หากความรวดเร็วในการบรรลุขั้นพลังปราณเช่นนี้ถูกเผย แพร่ออกไปสู่ผู้คนทั้งหลายใต้หล้า ตลอดทั่วทั้งทวีปหมีหลัว แห่งนี้ล้วนต้องโกลาหลสั่นสะเทือนอย่างแน่แท้
ประกายแสงสีเงินยวงเดือนสลายคลายลง คล้ายที่สุดขุมพลังทั้งหมดล้วนถูกสูบเคลื่อนเข้าสู่ร่างของเกอซีอย่างสมบูรณ์ ปลายขนตายาวของหนุ่มน้อยสั่นไหว เล็กน้อยก่อนดวงตาทั้งคู่จะค่อยๆถูกขยับเผย ออกจากกันทั้งที่ร่างของเขายังคงอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ
แม้ภาพฉากที่ปรากฏขึ้นในยามนี้จะงดงามอย่างน่าตื่นตะลึง หากทว่าทุกสิ่งเกิดปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตานอกไปเสียจากต้านต้านแล้ว ทั้งเพิ่งเหลียนยิ่ง และโจวเหยียนอันล้วนไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่กําลังเกิดปรากฏในยามนี้
โจวเหยียนอันปิดตาส่งเสียงพึมพําด้วยความสิ้นหวังเมื่อปลายกระบี่ยาวที่ลุกโชนด้ามนั้นกําลังใสตรงพุ่งเข้าหาเขาอีกครา “นายน้อย…..”
ความเจ็บปวดเสียดแทงกลับไม่ปรากฏดังที่คาด หากแต่กลายเป็นความรู้สึกถึงบางสิ่งที่โอบรัดรอบเอวร่างของเขาลอยเคลื่อนขึ้นกลางอากาศผ่านพ้นปลายกระบี่ เพลิงของอีกฝ่ายไปได้อย่างฉิวเฉียด
แทบจะเสี้ยววินาทีเดียวกันนั้นเอง ตลอดทั่วทั้งวังจื่อจินพลันปรากฏลําแสงสุกสว่างพร่างตาเป็นประกายสีเงิน ยวงสลับแถบแสงสีม่วงระเบิดปะทุแตกกระจายประดุจดวง ดารานับล้านที่เผยตนประดับแสงท่ามกลางรัตติกาลอันมีดมิด ความสุกสกาวสว่างไสวนั้นเจิดจ้ากระทั่งแทบไม่อาจเปิดเปลือกตาขึ้นแหงนจ้องมองด้านบน
***จบตอน บรรลุสู่พลังปราณขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจี***