ตอนที่ 254 รบกวนคุณชายซีแล้ว
เกอซีหาได้โกรธเกรี้ยวในความไร้ยางอายของเฟิ่งเหลียนอิ่งไม่ ทั้งก็มิได้เกรี้ยวกราดต่อความไร้หัวใจของหนานกงยวี่ หากทว่านางกําลังโกรธตนเองที่เตะขาสะดุดหินถึง สองครั้งสองครา
ทั้งที่รู้ตนตระหนักชัดแก่ใจว่าความรัก และคํามั่นสัญญาใด ๆ ล้วนมิอาจปักใจเชื่อถือ ทว่าไยนางจึงยังให้ค่าความสําคัญกระทําตนเหมือนคนโง่เง่า
รู้ทั้งรู้มิควรใจอ่อน รู้ทั้งรู้ไม่อาจเชื่อใจ ทว่าเหตุใดกลับยังปล่อยให้ผู้อื่นคืบคลานเข้ามาครอบครองพื้นที่ใจทีละเล็กที่ละน้อยเช่นนี้อีก ?
เกอซี เอ๋ยเกอซี ที่สุดแล้ว เจ้าคาดหวังสิ่งใดกัน ? ยังคิดหวังให้หนานกงยวี่ละทิ้งหวานใจในวัยเยาว์เพื่อหันมาหาเจ้ากระนั้นหรือ ? คิดหรือว่าอย่างเจ้าจะมีคุณสมบัติเพียงพอให้ เขาหันไปปะทะกับหวานใจวัยเยาว์ของตนได้ ?
ฮ่าฮ่าฮ่า ฝันไปเถิด !
เมื่อยามนี้นางตื่นจากฝันเริ่มเรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง แล้วหากคิดรีบถอนตัวเสียแต่เนิ่น ๆ ย่อมไม่สายเกินไปมิใช่หรือ ?
ฝ่ามือของนางกําแน่น ไม่รู้สึกกระทั่งปลายเล็บที่จิกลงในอุ้งมือ
ฉับพลัน น้ำเสียงล้ำลึกสะดุดหูของบุรุษผู้หนึ่งพลันก้อง เข้ามา “จุ๊ จุ๊ จุ๊ เห็นที่ครานี้พวกเราจะแย่แน่แล้ว นี่มันองค์ราชันมัจจุราช รวมถึงชิงหลงอารักขาส่วนตัว ยังอีกทั้งเนียจินเฉินศิษย์ใหญ่แห่งสํานักหลิวหลี แต่ละคนล้วนมีพลังยุทธไม่น้อยกว่าขั้นสี่ ปฐพีสะท้านสะเทือนทั้งสิ้น ส่วนท่านอ๋องราชันมัจจุราชผู้นั้นนับว่าแข็งแกร่งที่สุด ไม่มีผู้ใดสามารถหยั่งรู้ความล้ําลึกในพลังฝีมือของชายผู้นี้ได้ สถานการณ์ยามนี้ของพวกเรานับได้ว่าย่ำแย่เสียแล้ว… ”
เกอซีเหลือบมองบุรุษผู้สวมใส่อาภรณ์สีแดงสดที่ยืนข้างกาย แม้ชายผู้นี้จะเอ่ยปากกล่าวถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย หากทว่าบนสีหน้ากลับผ่อนคลายไร้ร่องรอยแห่งควา มกังวลใด
ทว่าเมื่อครู่เขาปลุกเร้าคลื่นพลังของตนอย่างหนักหน่วงเพื่อรับกระบี่ของหนานกงยวี่ และในยามนี้โลหิตสีแดงเข้มเริ่มหยาดหยดลงจากมุมปากบางที่เริ่มซีดจางลงทีละ น้อย
เกอซีรีบยื่นมือออกคว้าข้อมืออีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า พลางเร่งเร้าถ่ายพลังเทปราณของตนลงสู่เส้นชีพจรของอีกฝ่าย
กู้หลิวเฟิ่งงุนงงปฏิกิริยาตอบกลับส่งให้เขาสะบัดมือออกในทันที หากทว่าเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกําลังตรวจอาการบาดเจ็บของตนอยู่ ดวงหน้านั้นกลับเผยความฉงนใจออกมา “เจ้าก็คือหมอน้อยยอดอัจฉริยะที่เหยียนอันกล่าวถึงกระนั้นหรือ ?”
ยังมิทันที่หญิงสาวจะตอบคํา โจวเหยียนอันก็รีบรับคําในทันที “ นายน้อย เป็นเขาผู้นี้ขอรับ ท่านผู้นี้ก็คือท่านหมออัจฉริยะซีเย่ว ฝีมือการรักษาของคนผู้นี้ถึงระดับที่เรียก ได้ว่าสมบูรณ์แบบ ! กระทั่งทายาทผู้สืบทอดสกุลโอวหยางผู้พิการแรมปีด้วยอาการเส้นชีพจรปราณฉีกขาดท่านผู้นี้ยังสามารถเยียวยารักษากระทั่งคืนสู่ภาวะปกติได้ นายน้อยโปรดเชื่อคําข้า”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ กู้หลิวเพิ่งก็ชักมือกลับไม่ยอมให้เกอ ซีตรวจชีพจรของตนต่อ
ส่วนเกอซีก็หาได้บีบบังคับเขาไม่ กลับกัน นางเพียงเอ่ย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา “หากเจ้าอยากให้พลังปราณใน กายหลั่งไหลออกจนแห้งเหือดด้วยฤทธิ์กระบี่ก็แล้วไปเถิด ข้าจะได้ไม่ต้องฝังเข็มทั้งสามจุดคือชีพจรปราณปอด ชีพจรปราณหัวไหล่ และชีพจรปราณหลังให้แก่เจ้า”
กู้หลิวเฟิ่งอึ้งงงงันในหัวพลันว่างเปล่าสายตาของเขาจ้องเกอซีค้างไม่กระพริบก่อนจะปล่อยเสียงหัวร่อลั่น “เช่นนั้น คงต้องรบกวนคุณชายซีแล้ว”
สิ้นคํากล่าว ชายหนุ่มหาได้มีความลังเลแม้เพียงน้อย เขากระชากเสื้อออกเผยให้เห็นแผงกล้ามเนื้อเส้นเอ็นที่งดงามของร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่า
เกอซีเข้าไปยืนทางด้านหลัง ค่อย ๆ สอดแทรกเข็มเงินในมือลงสู่จุดฝังเข็มที่ละจุด
เพียงพริบตาร่างของนางก็เคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่เบื้องหน้า กู้หลิวเฟิ่ง เมื่อเข็มเงินแท่งสุดท้ายถูกปักลงบนเส้นชีพจรปราณปอด พลังปราณที่ไหลถ่ายเทออกจึงค่อย ๆ ลดการรั่วริน
การขยับเคลื่อนกายของเกอซีค่อยเป็นค่อยไปอย่างเชื่องช้ายิ่งนัก เข็มเงินแท่งบางที่โปร่งใสในมือถูกหมุนบิดไปมาอย่างเบามือ พร้อมกันนั้นคือขุมพลังอันสะอาดบริสุทธิ์ที่ไหล เอิบอาบซึมซาบไปทั่วชั้นบรรยากาศทีละน้อย
ยามนี้ กู้หลิวเฟิ่งอยู่ในท่าขัดสมาธิบนผืนหญ้า ขณะที่เกอซีโน้มร่างลงเหนือร่างของเขาเล็กน้อยในมือหมุนเข็มเงินด้วย สมาธิที่ตั้งมั่นบนท่วงท่าอันงามสง่า
ประกายแสงที่สาดส่องตามธรรมชาติภายใต้อาณาจักรกําบังแห่งนี้จับต้องใบหน้าละเอียดงามของหนุ่มน้อยขับ เน้นเรียวจมูกเป็นสันริมฝีปากนุ่มสีชมพูระเรื่อให้ยิ่งเปล่งปลั่งปลายขนตาหนางอนงามที่กระพือประดุจด้ามพัดยิ่งส่งให้ดวงหน้านั้นโดดเด่นดึงดูดสายตา
หนุ่มน้อยโน้มใบหน้าของตนลงเล็กน้อย สองคิ้วเรียวงามได้รูปจิกเข้าหากันนิดหน่อย จากตําแหน่งที่กู้หลิวเฟิ่งนั่งอยู่ ย่อมสามารถเห็นปลายคางเรียวงามของหนุ่มน้อย ลําคอ เรียวระหงที่ละเอียดบาง เนื้อผิวเนียนละเอียดผุดผ่องที่แผ่เลยลามไปถึงลาดไหล่ทั้งสองเมื่อชุดคลุมของหนุ่มน้อยขยับบิดเผยให้เห็นเนื้อผิวที่ละเอียดเนียน
***จบตอน รบกวนคุณชายซีแล้ว*-*-*