ตอนที่ 255 ดึงลิ้นเจ้าออกมา
ท่อนแขนที่เรียวงามอ่อนละเอียดของหนุ่มน้อยเกอซีที่งดงามประดุจแท่งหยกที่หลักเสลาได้รูปนั้นร่ายรําโบยบินอยู่ เหนือเนื้อหนังอันเปลือยเปล่าของกู้หลิวเฟิ่ง หลายครั้งที่สัมผัสอันเย็นยะเยือกของหนุ่มน้อยตกต้องสร้างความสั่นไหวให้เขารู้สึกสะท้านขึ้นทุกครา
กู้หลิวเฟิ่งรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันอัดแน่นจนล้นอก ชายหนุ่มก้มหน้าลง คลื่นพลังที่มั่นคงภายในกายโหมกระพือเข้าสู่ร่างอย่างฉับพลัน ริมฝีปากที่เคยซีดขาวพลันแดงระเรื่อกลับคืนดังเก่า
แม้สีหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ หากทว่าภายในใจยังคงส่งเสียงสะท้านอย่างต่อเนื่อง : หมอน้อยยอดอัจฉริยะผู้มีนามว่าซีเยว่ผู้นี้จะหน้าตาดีเกินไปแล้ว!
เพียงก้มลงตรวจเส้นชีพจรของเฟิ่งเหลียนอิ่ง หนานกงยวี่ ก็รู้ได้ทันทีว่านางได้รับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อย หาได้สาหัสรุนแรงดังที่นางแสดงออกมาไม่
ชายหนุ่มลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นหม่นมัวพลางก้าวตรงหาเกอซี หากเพียงขยับชายเสื้อคลุมกลับถูกเฟิ่งเหลี่ยนอิ่งเหนี่ยวรั้งไว้อีกครา “ ท่านพี่ยวี่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งกลืนกินโอสถธาตุแร่แดงลงไปเพื่อประมือกับกู้หลิวเฟิ่ง ต่อไปข้าย่อมไม่อาจบรรลุพลังปราณขั้นสูงได้โดยง่าย ท่านพี่ยวี่ ท่านจะรังเกียจข้าหรือไม่ ?”
แม้เอ่ยกล่าวออกมาเช่นนี้ ชายหนุ่มยังคงไร้การตอบสนอง ทว่ากลับเป็นเนียจินเฉิน บุรุษผู้สวมใส่อาภรณ์สีม่วงที่มีใบหน้าแปรเปลี่ยนไปด้วยความคับแค้นระคนหมองหม่น “น้องหญิงเหลียนอิ่ง ท่านอาจารย์ก็กล่าวแล้วมิใช่หรือว่าหากมิใช่ ช่วงวิกฤติอย่างใหญ่หลวง เจ้าไม่สมควรกลืนกินเม็ดโอสถธาตุแร่แดง ? พรสวรรค์ในตัวเจ้านับว่าหาตัวจับได้ยากยิ่ง การกลืนกินโอสถธาตุแร่แดงย่อมขัดขวางความก้าวหน้าในพลังยุทธของเจ้านับช่วงหลายปี 1”
สีหน้าของผู้รับฟังทั้งเศร้าสร้อยทั้งสลด นางช้อนดวงตางามขึ้นมองหนานกงยวี่พลางส่งเสียงสะอื้น “ข้าเพียงผู้เดียวลําพัง ทว่าอีกฝ่ายมีกันถึงสาม ! หากไม่ใช้โอสถธาตุแร่แดง เข้าช่วยมิรู้ว่าจะสามารถรั้งรอกระทั่งพวกท่านและพี่ยวี่มาช่วยได้หรือไม่ หากไม่ได้โอสถธาตุแร่แดงในครานี้ข้าคงไม่ อาจเหนี่ยวรั้งเวลาได้ถึงยามนี้ ข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงรุมรังแกข้าเช่นนี้”
“มันจะมากไปแล้ว !”เนียจินเฉินคํารามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เมื่อพวกมันกล้ารุมทําร้ายเจ้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จะทําให้ไอ้สารเลวพวกนั้นต้องชดใช้คืนกลับเป็นพันเท่าทวี ! น้องหญิงเหลียนอิ่ง เจ้ารอข้าตรงนี้ก่อนข้าจะไปล้างแค้นให้เจ้าเดี๋ยวนี้ !”
ทว่ายังไม่ทันสิ้นสุดคํากล่าว น้ำเสียงที่เย็นชาบนดวงหน้าที่มืดมัวของหนานกงยวี่กลับแทรกขึ้น “หุบปาก !”
เนียจินเฉินอึ้งตะลึงงันหน้าตาเลิ่กลั่กสับสนไม่รู้จะทําเช่นไรอยู่ครู่ใหญ่
สายตาที่เย็นยะเยียบของหนานกงยวี่กวาดมองมาที่เขา ก่อนจะแค่นเสียงเน้นออกมาทีละคํา “หากเจ้าใช้คําว่าสารเลวอีกครั้ง ข้าจะดึงลิ้นเจ้าออกมา !”
อากาศในอาณาจักรกําบังนั้นอบอุ่น หากแต่เนียจินเฉินกลับเย็นวาบจนตัวสั่น
สายตาที่หนานกงยี่จับจ้องเขาในยามนี้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก คล้ายดั่งว่าหากเนียจินเฉินยังกล้าพล่ามต่อ อีกฝ่ายก็พร้อมจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้น ๆ ในทันที
ยามนี้ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเฟิ่งเหลียนอิ่งกลับบิดเบี้ยว แรงริษยาอันเข้มข้นประสมความชิงชังอย่างเหลือแสนฉายประกายผ่านดวงตาคู่นั้น
หนานกงยวี่ควักขวดโอสถใบหนึ่งออกจากอกเสื้อพลางโยนส่งให้เนียจินเฉิน “ให้เหลียนยิ่งกลืนโอสถนี้ โคจรพลังปราณปกป้องเส้นชีพจรปราณให้นางผ่านไปครึ่งชั่วยาม*อาการบาดเจ็บของนางจะทุเลา”
*ครึ่งชั่วยามคือ หนึ่งชั่วโมง
ความสุขใจฉายวาบผ่านแววตาของเนียจินเฉิน หากเขาต้องโคจรพลังปราณคุ้มกันเส้นชีพจรปราณให้นางย่อมหมายความว่า เขากับน้องหญิงเหลียนยิ่งจะมีโอกาสชิดใกล้ !
เนียจินเฉินอยู่ในฐานะศิษย์อาวุโสผู้นําสํานักหลิวหลีด้วยวัยยังหนุ่มแน่น คนผู้นี้สามารถบรรลุถึงขอบเขตพลังปราณระดับสูงสุดแห่งขั้นที่สี่ ปฐพีสะท้านสะเทือน ย่อมกล่าวได้ว่าคนผู้นี้นับเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถพัฒนาพลังฝีมือ ได้อย่างไร้ขอบเขต สตรีทั่วแถบทวีปหมีหลัวล้วนชื่นชมในตัวบุรุษผู้นี้ พวกนางล้วนพร้อมยินดีเป็นสตรีของเขา
เพียงทว่าภายในใจของเนียจินเฉินถูกดูดดึงไว้ด้วยศิษย์น้องเฟิ่งเหลียนอิ่งของเขาผู้นี้จนไม่เหลือที่ว่างให้สตรีอื่นใด คํากล่าวทุกคําของนางเขาเชื่อถือว่าล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ทั้งตัวเขาก็ไม่เคยประพฤติกระด้างกระเดื่องกับนาง
เมื่อยามนี้หนานกงยวี่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดกับเทพธิดาของตน มีหรือที่เขาจะไม่ยินดี ?
เนียจินเฉินเทเม็ดโอสถป้อนให้เฟิ่งเหลียนอิ่ง ทว่ากลับถูกปัดออกอย่างไม่ไยดี
สายตาของหญิงสาวยังคงจับจ้องอยู่กับหนานกงยวี่ผู้ผละจากนางไปอย่างไม่ไยดีไร้ความลังเล ภายในใจของเฟิ่งเหลียอิ่งยามนี้ท่วมท้นไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังอย่างเหลือแสน
***จบตอน ดึงลิ้นเจ้าออกมา***