ตอนที่ 260 ยั้งมือ
แม้กู้หลิวเฟิงจะกล่าวว่าเขาพอจะมีหนทางหลีกหนี ทว่าตราบเท่าที่หนานกงยวี่ยังคอยติดตามไล่ล่า พวกเขาย่อมถูกนางลากเข้ามาพัวพันอย่างเลี่ยงไม่ได้
และหากเป็นเช่นนั้น นางย่อมสมควรจัดการเรื่องนี้กับหนานกงยวี่แต่เพียงผู้เดียว
และแม้หากเขาอยากสังหารนาง เพื่อน้องหญิงเหลียนอิ่งอันเป็นที่รักจริง ย่อมสิ้นสุดลงด้วยการสังหารคนเพียงผู้เดียวก็เพียงเท่านั้นเอง !
รอยยิ้มอย่างบ้าระห่ำเผยขึ้นบนดวงหน้าของกู้หลิวเฟิง ยามเมื่อน้ำเสียงใสกระจ่างของเขาเอื้อนเอ่ย “จะไม่เกี่ยวกับพวกเราได้อย่างไร ? เมื่อวันนี้ข้าถูกใจเจ้า ข้าย่อมถือเสมือนเจ้าเป็นสหายของข้า กู้หลิวเฟิงผู้นี้ เมื่อพวกเราคือสหาย ย่อมเป็นธรรมดาที่เรื่องของเจ้านับเป็นเรื่องของข้าด้วยเช่นกัน จะให้ข้าทิ้งเจ้าไว้เพียงผู้เดียวลําพังได้อย่างไร ?”
ทันทีที่กล่าวจบเขาก็สืบฝ่าเท้าก้าวเข้ามาขวางทัศนวิสัยของเกอซีก่อนจะเปล่งเสียงที่แหบห้าวออกไป “ราชันมัจจุราชผู้ทรงเกียรติ ท่านคิดลงมือกับเด็กหนุ่มอ่อนแอผู้มีพลังฝีมือต่ำเตี้ยกว่าท่านหลายขุมกระนั้นหรือ ? หากเรื่องนี้แพร่สะพัดไป ท่านไม่เกรงว่าตนจะต้องกลายเป็นที่ขบขันของผู้คนทั่วหล้ากระนั้นหรือ ?”
แนวสายตาของหนานกงยวี่จรดลงที่ผู้เปล่งวาจา สายตาที่เย็นชาเกรี้ยวกราดคู่นั้นทําให้กู้หลิวเฟิงตึงเกร็งไปทั้งแผ่นหลังได้ในทันที
“เจ้าคิดว่าอย่างเจ้าจะขวางข้าได้กระนั้นหรือ ?”
ขณะเอ่ยคํา ฝามือขวาของหนานกงยวี่ก็ยกสูงขึ้น ขุมพลังสายหนึ่งที่ไม่อาจแลเห็นกวาดพุ่งเข้าหากู้หลิวเฟิง
กู้หลิวเฟิงแปรเปลี่ยนในทันที ชายหนุ่มรีบโคจรพลังปราณในกายชักอาวุธขึ้นต่อสู้
หากทว่า เพียงชั่วอึดใจ ตลอดทั่วทั้งร่างกระทั่งพลังปราณในกายประหนึ่งถูกกักกั้นไว้ด้วยบางสิ่ง ดั่งปรากฏขุมพลังอันน่าเกรงขามกําลังโอบล้อมรอบกายกระทั่งเขาไม่อาจใช้พลังปราณในกายได้เลย
สิ่งอันน่าสะพรึงกลัวเหนืออื่นใดนั้นคือ ร่างของเขาถูกฉุดดึงให้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่อาจควบคุม คล้ายมีฝามือที่ไม่อาจแลเห็นกําลังสั่งการร่างกายเขา ทั้งยังกระชากดึงตัวเขาเข้าไปหาหนานกงยวอย่างไม่รอช้า
แค่เพียงครู่ ฝ่ามือของหนานกงยวี่ก็ขย้ำอยู่บนลําคอของกู้หลิวเฟิงเสียแล้ว
สีหน้าท่าทางของหนานกงยวี่นิ่งสงบอย่างเหลือแสนเมื่อเทียบกับเมื่อครู่นี้ เพียงทว่าพายุร้ายที่ก่อตัวอยู่ในแววตานั้นประหนึ่งพร้อมจะบดขยี้สวรรค์ทลายผืนปฐพลงทุกเมื่อ
หยาดเหงื่อเย็นไหลซึมผ่านหน้าผากของกู้หลิวเฟิง ยามนี้เองที่เขากระจ่างชัดว่าบุรุษผู้อยู่เบื้องหน้าหมายมุ่งจะทําลายเขาอย่างแท้จริง
“เจ้า เหตุใดเจ้าทําตัวใกล้ชิดนาง ?! เหตุใดเจ้าโผล่แทรกเข้ามาในระหว่างซีเอ๋อกับข้า ? ใต้หล้านี้ มันผู้ใดหวังละเมอเพ้อคิดช่วงชิงนางไปจากข้า มันผู้นั้นจะต้องตายเท่านั้น
กู้หลิวเฟิงงุนงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาของเขาส่อแสดงความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
ความหมายที่ซุกซ่อนภายใต้คํากล่าวของท่านอ๋องราชันมัจจุราชคือสิ่งใด ? เขาไม่ได้คิดล้างแค้นให้เทพธิดาบัวเผือกแข็งผู้ใจดําอํามหิตนั้นล่ะหรือ ?
ฝ่ามือที่จิกลงบนคอหอยของกู้หลิวเฟิงกดแน่นขึ้นในทันใด คลื่นพลังที่กดดันขนาดมหึมาอันศุกรุ่นไปด้วยอายสังหารระเบิดออกจากร่างของหนานกงยวี่ประหนึ่งเพียงเสี้ยววินาที กู้หลิวเฟิงจะได้เผชิญกับความตายอันแสนร้ายกาจ
“อย่า ! นายน้อย !”
“หนานกงยวี่ ยั้งมือก่อน !”
ทั้งสองเสียงก้องดังขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าของโจวเหยียนอันในยามนี้อัดแน่นไปด้วยความตื่นกลัว และสิ้นหวัง
เกอซีรวบรวมพลังสร้างกระบี่น้ำแข็งพุ่งเข้าใส่หนานกงยวี่และกู้หลิวเฟิงโดยไม่ต้องยั้งหยุดคิด
ไม่ว่าจะอย่างไร นางจะไม่ยอมให้กู้หลิวเฟิงพลอยติดร่างแหไปด้วย ทั้งจะไม่ยอมให้เขาต้องมาจบชีวิตในอาณาจักรกําบังแห่งนี้เพื่อนางอย่างแน่นอน
นาง! เกอซี ! ไม่ชอบติดค้างผู้ใดอย่างที่สุด ยิ่งมิต้องกล่าวถึงหนี้ชีวิต
กระบี่น้ำแข็งพุ่งใส่หนานกงยว มันทิ่มแทงตรงเข้าสู่ตําแห น่งเฉียดหัวใจอย่างร้ายกาจ กระทั่งเขายังรู้สึกเย็นเยียบไปถึง ขั้วกระดูก
หนานกงยวหันกลับเบี่ยงหลบแนวกระบี่ ดวงตาทั้งคู่ยังคงจับจ้องนางเขม็ง น้ำเสียงแหบพร่าหม่นมัวเย็นยะเยือกประดุจแท่งน้ำแข็งนั้นอัดล้นไปด้วยความเหลือเชื่อเจ็บปวดหัวใจ ยามเมื่อมันก้องกังวานเมื่อถามไถ่อีกฝ่าย “เจ้าชักกระบี่ลงมือกับข้า…เพื่อบุรุษอื่นจริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
เกอซีประหนึ่งถูกดูดกลืนด้วยความเจ็บปวด และคลื่นพายุที่คุกรุ่นอยู่ในแววตาของหนานกงยวี่ สิ่งที่หญิงสาวได้เห็นผ่านแววตาคู่นั้นกลับทําให้ภายในใจรวดร้าวอึดอัด
“ซีเอ๋อ ตอบข้า ! เจ้าคิดลงมือกับข้าเพื่อบุรุษอื่นกระนั้นหรือ ?!!”
ใบหน้าของเกอซีซีดเผือด ฝ่ามือที่กุมด้ามกระบี่คลายออก ทว่าเมื่อได้เห็นรอยยิ้มแฝงลับลมคมในของเฟิงเหลียนอิ่งที่อยู่ด้านข้าง กับทั้งใบหน้าที่เริ่มคล้ำบวมเล็กน้อยของกู้หลิวเฟิง สีหน้าของหญิงสาวพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว “ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ ? เฟิงเหลียนอิ่งถูกข้าทําร้าย หากเจ้าอยากล้างแค้นให้นาง ย่อมมิได้เกี่ยวพันถึงกู้หลิวเฟิง”
***จบตอน ยั้งมือ***