ตอนที่ 269 พร้อมผจญสุ่มเสี่ยงด้วยชีวิต
เอ๋ ? เกอซีชะงักอึ้ง “มันเกี่ยวอะไรกับข้า ?”
หนานกงยวีรังรางเข้ามาใกล้ เขาหัวเราะร่วน “มันย่อมเหมือนที่ข้าช่วยปัดเจ้าพวกแมลงหวี่แมลงวันรอบกายเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าย่อมต้องรับผิดชอบในการขับไล่บรรดาสาวๆรอบกายข้าเช่นกัน”
ใบหน้าของนางว่างเปล่าไปชั่วขณะ ขณะยังคงจับจ้องดวงหน้าหล่อเหลาเฉียบขาดของอีกฝ่ายที่ค่อยๆแอบคืบคลานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงหน้าที่หล่อคมล่มสลายใต้หล้าพลันขยายใหญ่โตอยู่เบื้องหน้าสายตา ใบหน้านั้นเอิบอาบไปด้วยความอ่อนโยน และอายแห่งรัก รอยยิ้มอันตราตรึงประดับอยู่ที่มุมปาก ภาพที่ปรากฏเฉิดฉายประดุจดวงตะวันที่สาดแสงแรงกล้าแผดเผานัยน์ตาผู้คนให้พร่าเลือน
“ซีเอ๋อเจ้าสมควรตระหนักว่าบรรดาสตรีตลอดทั่วทั้งอาณาจักจินหลิงล้วนเรียงคิวเป็นแนวยาวจรดเมืองอวี้หยางเพียงปรารถนาได้อภิเษกสมรสกับเปิ่นหวาง* แม้เปิ่นหวาง จะมิได้ยุ่งเกี่ยวกับพวกนาง ทว่าเจ้าในฐานะพระชายาของ เปิ่นหวางย่อมมีหน้าที่ขับไล่สตรีพวกนั้น เจ้าไม่เห็นพ้องกระนั้นหรือ ?”
*เปิ่นหวาง คือคําเรียกแทนตนของท่านอ๋อง
ลมหายใจอุ่นที่รดรินระไล้ซอกคอ ประกายตาร้อนแรงที่แผดเผาแทบมอดไหม้ส่งให้หญิงสาวประดุจทั่วร่างถูกสูบกลืนลงไปในดวงตาคู่นั้น
แม้ภายในใจยังคงปั่นป่วนว้าวุ่น ทว่านางยังพยายามฝืนดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา สีหน้าตึงเครียดจริงจังถูกปั้นแต่งขึ้น “เจ้าเลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ความรักที่มอบให้แก่ผู้มิได้มีใจ มีหรือจะได้รับรักตอบแทน ! ผู้ใดอยากช่วยเจ้าขับไล่ไสส่งสตรีเหล่านั้นกัน! หากเจ้าไม่คอยมาเกาะแกะข้า ถึงให้เจ้าจมหมู่แมลงวันตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า !”
คล้ายเขายังอยากต่อคํา ทว่ากลับถูกนางใช้พลังอัดใส่ฝ่ามือผลักออกอย่างแรงกระทั่งกระแทกพื้น
หญิงสาวคว้าถ้วยโอสถขึ้นจากพื้นพลางกล่าวด้วยน้ําเสียงกระฟัดกระเฟียด “เอาล่ะ อยากดื่มโอสถเองหรือไม่? หากไม่ ข้าจะเททิ้งให้หมดเสียดีไหม”
เขาสังเกตเห็นว่ายามเมื่อน้ําเสียง และสีหน้าของนางเกรี้ยวกราดขึ้น นัยน์ตาที่แฝงความเศร้าเสียใจนั้นก็ลดทอนลงไปเช่นกัน ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะรีบคว้าโอสถในมือนางยกขึ้นกระดกดื่มอย่างว่าง่าย
เมื่อดื่มโอสถเข้าไปแล้ว หนานกงยีจึงหันสํารวจบริเวณโดยรอบ เขาพบว่า ณ ที่นี้ไม่มีรอยแยกแตกของมิติที่อาจมองเห็นได้ ความวิตกกังวลกลับแฝงเข้ามาในใจ
“ซีเอ๋อ เห็นที่เราจะอยู่ระหว่างรอยแยกแห่งอาณาจักรกําบัง สถานที่แห่งนี้คงอยู่มานานปีเมื่อเกิดการกระชากอย่างแรงของขุมพลังมหาศาล มันจึงแยกขาดออกมาจากอาณาจักรกําบัง”
ชายหนุ่มคว้ากระบี่ดําในมือขึ้นลากเส้นขีดเป็นสี่เหลี่ยม แนวยาวถึง 50 จ้างตลอดทั้งสี่ด้าน
*1 จ้างคือ 2 เมตร : 50 จ้างคือ 100 เมตร
“เจ้านกยักษ์ตนนั้นคือสัตว์อสูรขั้นหกซึ่งนับเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง เมื่อเจ้านกยักษ์ปลดปล่อยกลิ่นกายออกมากลบสร้างอาณาเขต แม้นหากสัตว์อสูรทั้งหลายจะเฉียดผ่าน พวกมันย่อมไม่กล้ากล้ํากรายเข้าใกล้ซีเอ๋อ ในช่วงที่ข้ากําลังโคจรพลังอยู่นี้ เจ้าอย่าได้ออกจากบริเวณนี้เป็นอันขาด”
แม้ยังมีหลายสิ่งที่ชายหนุ่มอยากเอ่ยกล่าว ทว่าเขากลับเก็บกลั้นมันไว้
ภายในเขตแดนผนึกมังกรยังคงแฝงด้วยอันตรายที่ซ่อนเร้นรอบด้าน ซึ่งย่อมคล้ายกับเจ้านกยักษ์สัตว์อสูรซ7jงมีพลังมหาศาล
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่กล้าล่วงเข้ามาในเขตซ่อนเร้นแดนผนึกมังกรย่อมนับได้ว่าคนผู้นั้นกล้าเสี่ยงชีวิตพร้อมผจญอันตราย
แม้หนานกงยวี่จะเป็นคนหยิ่งทะนงสักเพียงไร บุรุษผู้นี้กลับไม่ใช่คนอวดดี แม้เขาสามารถปกป้องตนเองให้พ้นภัยได้ ทว่าย่อมไม่อาจยืนยันได้ว่าตนจะสามารถพาเกอซีหลุดรอดออกไปได้อย่างปลอดภัย
และนี่คือเหตุผลที่เขาไม่ต้องการให้นางรู้เรื่องของเขตแดนผนึกมังกรมากนัก
แม้ยามนี้ ในธํามรงค์มิติของหนานกงยวีจะมากมายไปด้วยเม็ดโอสถ และของมีค่านับไม่ถ้วน ทว่าสมบัติทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มพลังความสามารถยามเมื่อต้องประมือกับผู้ฝึกยุทธขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ ,พลิกผันอเวจี และปฐพีสะท้านสะเทือน สมบัติทุกชิ้นทั้งหมดนั้นเขาเที่ยวควานหาไปทั่วทั้งอาณาจักรกําบัง เพียงเพื่อจะมอบมันให้แก่เกอซีทันที่ที่เขากลับออกไป
ผู้หญิงของเขาหนานกงยวี่คือคนเพียงผู้เดียวที่เขาพร้อมต้องการพิทักษ์รักษา เขาควานหาของขวัญทั้งหมดนี้เพื่อมอบให้นาง เพียงเพื่อต้องการเห็นรอยยิ้มแห่งความชื่นบานของนางเท่านั้น
และหากเกอซี่ยินยอมพร้อมใจ เขาย่อมยินดีติดตามนางเข้ามาในอาณาจักรกําบังส่วนอื่นที่สร้างไว้เพื่อผู้ฝึกยุทธขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ ขึ้นพลิกผันอเวจี และขั้นปฐพีสะท้าน สะเทือน เพื่อช่วยฝึกฝนพลังยุทธของนางให้รุดหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น หากทว่ายามนี้ และตอนนี้ การหลุดเข้าสู่เขตแดนผนึกมังกรแห่งนี้ มิต่างอันใดกับการพาตนมาตาย!
หากแต่ย่อมสายเกินไปเสียแล้วที่จะเอ่ยกล่าวถึงเรื่องนั้น หนานกงยีจึงหยุดถ้อยวาจาทั้งหมดไว้
เมื่อเกอซีหลุดเข้ามาในที่นี้ แม้จะอย่างไร เขาก็จะทุ่มเทพร้อมสูญสิ้นทุกสิ่ง ขอเพียงสามารถปกป้องนางให้พ้นภัยอันตรายไร้รอยขีดข่วนได้เท่านั้นก็พอ
***จบตอน พร้อมผจญสุ่มเสี่ยงด้วยชีวิต ***