หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 280 ข่าวค่าลือ
ณ ยอดผาที่สูงชันคือเนินเขาเขียวขจีกว้างไกลสุดตา ไม่ไกลออกไปนักคือซากร่างไร้วิญญาณของหมาป่าปีศาจดํากว่าสิบตัวที่นอนเกลื่อนกลาดแผ่กลิ่นอายคาวโลหิตคลุ้ง
เกอซียังพอเหลือเวลากวาดเก็บซากร่างเจ้าปีศาจอสูรจํานวนมากเช่นนี้กลับไว้ในมิติธาตุ เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มรีบหยิบยื่นมือออกช่วย เขาชักกระบี่ออกช่วยนั่นซากร่างเหล่านั้นให้เป็นชิ้น เสียดายยิ่งนักที่เพียงปลายกระบี่กดลงไป ร่างของหมาป่าปีศาจดําก็ปนนี้กลายเป็นเศษฝุ่น ยอดวัตถุดิบที่พร้อมแปรสภาพเป็นสํารับจานโอชะกลับกลายไร้คาในทันที
เกอซีหันมาทําตาขวางใส่ ขณะที่หนานกงยวี่ยกมือขึ้นถูจมูกไปมาแก้เก้อด้วยความขัดเขินทําอะไรไม่ถูก อีกฝ่ายหันหลังให้ทว่ากลับอดหัวเราะขันออกมาเบาๆมิได้
ไม่คิดเลยว่าองค์ราชันมัจจุราชผู้เกรียงไกรจะเก้อเขินเป็นกับเขาด้วย
ทั้งไม่น่าเชื่อ ทั้งน่าแปลก…ทว่ากลับน่ารักยิ่ง!
ขณะที่เกอซีจัดการชําแหละร่างของหมาป่าปีศาจดําเสร็จสิ้น และกําลังจะชวนหนานกงยวี่ออกเดินทางต่อ ฉับพลัน สายตาของนางกลับสะดุดบางสิ่งซึ่งกําลังเคลื่อนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่ไกลห่างออกไป
ครู่ถัดมา เงาร่างคนกลุ่มหนึ่งก็เหยียดฝ่าเท้าจรดลงตรงหน้า
ก่อนที่เกอซีจะประจักษ์ชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ใด บุรุษในอาภรณ์สีดําสนิทผู้หนึ่งก็ย่างฝ่าเท้าก้าวยาวตรงเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าหนานกงยวี่พร้อมประสานมือคารวะ “นายท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าคนทั้งคู่คือ ชิงหลง !
และแน่นอนว่าไม่เพียงเฉพาะแต่ชิงหลง หากทว่ายังปรากฏอารักขาจากตําหนักราชันมัจจุราชผู้ติดตามมาอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งโดยส่วนใหญ่ พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือซึ่งมีพลังปราณไม่ต่ํากว่าขั้นที่สาม พลิกผันอเวจีทั้งสิ้น
เพียงสิ่งที่ทําให้เกอชีประหลาดใจเป็นที่ยิ่งนั้นคือ ทั้งกู้หลิวเพิ่ง และโจวเหยียนอันต่างก็อยู่ในที่นี้เช่นกัน
ทันทีที่พบหน้า กู้หลิวเพิ่งก็ขยับกายเข้ามาหาพร้อมเอ่ยปากถามไถ่ “เยว่เอ๋อน้อย* เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
*เยว่ คือชื่อนางเอก ซีเยว่เอ๋อ เป็นการเรียกด้วยความสนิทสนม
ยังไม่ทันตอบคํา บางสิ่งพลันรัดแน่นรอบวงแขน ครั้นเพียงเมื่อรับรู้ได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น นางก็ถูกหนานกงยวี่ลากไปซ่อนไว้หลังร่างกํายําของเขาเสียแล้ว
ใบหน้าที่ขุ่นมัว สายตาเชือดเฉือนแฝงความร้ายกาจคู่นั้น จับจ้องอยู่ที่กู้หลิวเพิ่งอย่างไม่ลดละ “คุณชายกู้คิดหรือว่าเมื่อนางอยู่ข้างกายข้าแล้วจะเกิดเหตุใดขึ้นได้?”
ผู้รับฟังนิ่งอึ้งในหัวพลันว่างเปล่า ติดตามมมานั้นคือรอยยิ้มแฝงความนัยพร้อมคํากล่าวอย่างเกียจคร้าน “ไยท่านอ๋องราชันมัจจุราชจะต้องเก็บเรื่องเช่นนี้ มาคิดเล็กคิดน้อย ก่อนหน้าพวกท่านทั้งสองดูจะขัดแย้งกัน เช่นนั้นไหนเลยข้าจะรู้ว่าท่านกับเยว่เอ๋อน้อยล้วนเป็นมิตรสหาย เมื่อลมเปลี่ยนทิศ อาจนําทางสู่มิตรภาพ เมื่อท่านอ๋อง ราชันมัจจุราชมิได้คิดร้ายต่อเยว่เอ๋อน้อย เช่นนั้นเราสมควรร่วมมือเดินร่วมทางกันได้”
ถ้อยคําชี้แจงกระจ่างชัดเหล่านั้น กลับไม่อาจทําให้สีหน้าของท่านอ๋องหนุ่มเลือดร้อนดีขึ้นมาได้ หากทว่ากลับกัน เมื่อทั่วหน้าของเขากลับหมองคล้ําหนักยิ่งกว่าเก่า
“หุบปาก! ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าเรียกนางว่าเยว่เอ๋อน้อย? ผู้ใดอยากร่วมมือกับเจ้า? จงอยู่ให้ห่างๆซีเอ๋อของข้าไว้!”
กู้หลิวเพิ่งจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยสีหน้าดูแคลน พร้อมกันนั้น เขาผายมือออกเอ่ยกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ “เจ้ายังเรียกว่าซีเอ๋อได้ เหตุใดข้าจะเรียกว่าเยว่เอ๋อน้อยบ้างไม่ได้เล่า ? เยว่เอ๋อน้อย พูดอะไรบ้างสิ ข้าพูดถูกใช่ไหม ?”
หนานกงยวี่ชักกระบี่เหินเวหาออกจากฝัก สีหน้าในยามนี้ มืดมนประดุจพายุเมฆทมิฬ“รนหาที่ตาย….!!
คล้ายกู้หลิวเพิ่งจะตระหนกตกใจอยู่บ้าง ฝ่าเท้าของเขากระถอดถอยกลับสามก้าว หากทว่านัยน์ตาสีดอกท้อยังคงเรื่อยเฉื่อยไม่ใส่ใจ ทั้งกลับดูคล้ายรู้สึกสนุกสนานที่ได้เย้าแหย่อีกฝ่าย “ย่อมได้ ย่อมได้ ต่อไปข้าจะเรียกว่าซีเยว่ เท่านี้พอใจแล้วใช่ไหม ?”
รวบรัดตัดความจบ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบปลายคางผ่านสายตามองระหว่างหนานกงยวี่ และเกอซี หลังผ่านท่าทีประดุจกําลังเพ่งพินิจด้วยกําลังฌานอยู่ครู่ใหญ่ คํากล่าวคล้ายจะแฝงความนัยบางอย่างพลันดังขึ้น “ความรู้สึกที่องค์ราชันมัจจุราชมีต่อเยว่เอ๋อน้อยแค่กซีเยว่ อาจทําให้ผู้คนทั้งหลายจินตนาการเลยเถิดไปกันใหญ่ เพียงทว่า เหตุใดพวกชาวบ้านจึงร่ําลือถึงเรื่องอื้อฉาวระหว่างท่านกับเทพธิดา บัวเยือกแข็งผู้นั้นเล่า? ท่านอ๋องราชันมัจจุราชเป็นผู้มีใจโลเลเช่นนี้ เห็นจะไม่เหมาะควรสักเท่าไร!”
ผู้ได้ฟังนิ่งอึ้ง “ข่าวลืออะไร ?”
“ย่อมต้องเป็นข่าวลือเรื่องการอภิเษกสมรสของท่านอยู่แล้ว !” นัยน์ตาเปี่ยมเสน่ห์ประดุจดอกท้อที่เบ่งบานเบิกกว้าง แม้ใบหน้าที่แท้จริงจะถูกปกปิดไว้ภายใต้หน้ากาก หากทว่าย่อมมอาจปกปิดความงามสง่าในทุกท่วงท่าแห่งบุรุษผู้นี้ได้ “ทุกผู้คนต่างรู้กันทั่วว่า ตําหนักราชันมัจจุราชกับสํานักหลิวหลีซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สําหนักใหญ่แห่งหมีหลัวได้สร้างสายสัมพันธ์ต่อกันด้วยพิธีอภิเษกสมรส และคนผู้นั้นย่อมต้องคือ องค์ราชันมัจจุราช และเทพธิดาบัวเยือกแข็ง ผู้นํารุ่นเยาว์แห่งสํานักหลิวหลี พวกเจ้าทั้งคู่ล้วนสนิทสนมชอบพอกันมานาน ทั้งยังมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันอย่างไม่เปิดเผยมาโดยตลอด และทันทีที่เทพธิดาบัวเยือกแข็งสามารถบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณได้ พันธสัญญาสมานสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าทั้งสองจะถูกจัดให้สมบูรณ์ในทันที ท่านอ๋องราชันมัจจุราช เรื่องนี้ผู้คนทั่วทั้งเมืองเหยียนจิงล้วนล่วงรู้กันทั่ว อย่าบอกนะว่าท่านกลับไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้ ?!”
***จบตอน ข่าวคําลือ***