หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 330 เหตุใด ?
ขอบตาทั้งสองของกู้หลิวเฟิงแดงระเรื่อ ทั้งยังแวววาวยามเมื่อเขาหันมาจับจ้องเกอซี สุ่มเสียงของเขาแหบพร่า “ซีเยว่ ข้าไม่รู้จะขอบใจเจ้าเช่นไร ทว่าเบื้องหน้าต่อไป หากเจ้าปรารถนาสิ่งใด ข้า! กู้หลิวเฟิง! พร้อมจะเผชิญภัยอันตราย โดยไม่ลังเลใจไม่ปริปากบ่นเพื่อเจ้า”
“ไร้สาระ! ก่อนหน้านี้เจ้าก็ช่วยข้ามาแล้วมิใช่หรือ ?” เกอซีโยนขวดโอสถใบหนึ่งให้เขาพร้อมคํากล่าวที่เปล่งออกมาด้วยน้ําเสียงเฉยชา “โปรยโอสถนี้ใส่ปากแผลจะช่วยรักษาอาการให้ทุเลารวดเร็วยิ่งขึ้น เพียงบาดแผลพวกนั้นค่อนข้างผิดแปลกจากปกติทั่วไป สภาพแผลจึงจําต้องอาศัยเวลากว่าขวบเดือนจึงจะเลือนหายสนิทเป็นปกติ”
ความนัยที่แฝงอยู่ในถ้อยคําของนางล้วนสามารถเข้าใจได้ ว่านางไม่ขอรับคําสัญญาที่กู้หลิวเฟิงจะใช้ชีวิตตนทดแทนคุณที่เกอซีช่วยรักษาชีวิตของกู้อี้ตาว หญิงสาวเพียงแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่นางกระทําลงไปล้วนเพียงเพื่อชดเชยสิ่งที่นางติดค้างกับกู้หลิวเฟิงเท่านั้น
ยังอีกทั้งถ้อยคําที่ว่า “พวกเราเป็นสหายกันมิใช่หรือ ?” ของกู้หลิวเฟิงที่กล่าวไว้ก่อนหน้านั้นยังคงดังก้องอยู่ในใจของนาง
สหายกระนั้นหรือ…อืม ….นางยังไม่ค่อยเข้าถึงความหมายของถ้อยคํานี้สักเท่าใดนัก
รอยยิ้มของกู้หลิวเฟิงเบ่งบานเผยผ่านถึงดวงตา ที่สุดเขาจึงกลับคืนสู่ท่าทีเฉื่อยเนื้อยไร้ความอาทรดังเดิมได้ด้วยความคลายใจ ชายหนุ่มรับขวดโอสถด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเพียงอ่อนบาง “ไม่คิดฝันเลยว่าการช่วยชีวิตเจ้าไว้จะกลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตข้า!”
รอบกายของเกอซี และกู้หลิวเฟิงอบอวลไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นแห่งความห่วยใยเอื้ออาทร หากทว่าหนานกงยวี่ผู้จับจ้องอยู่ด้านข้างกลับมีใบหน้าที่มืดหม่นหมองมัว
ครั้นชายหนุ่มหวนนึกถึงใบหน้าที่เย็นชาราวพร้อมจะตัดสายสัมพันธ์ของเกอซี เมื่อครั้งที่ทั้งคู่อยู่ในวังจือจิน เขาก็ยิ่งนึกหวั่นกระทั่งไม่กล้าทําอะไรทุ่มบ่ามลงไป
ชิงหลงสังเกตเห็นสีหน้ามืดครึมของนายท่าน เช่นนั้นเขาจึงก้าวขึ้นมาพลางกระแอมเบาในลําคอ “คุณชายซี ทักษะทางการแพทย์ของท่านอัศจรรย์สุดเปรียบปาน หากทว่าพวกเรายังมีหลายสิ่งที่เป็นข้อกังขา ส่วนประกอบโอสถของท่านกับเฟิ่งเหลียนอิ่งล้วนคือตัวยาเดียวกัน ทว่าเหตุใดกู้อี้ตาวจึงรอดปลอดภัย ขณะที่ฉางกวนรุ่ยกลับต้องกลายเป็นบ่อโลหิต ?”
“อ้า ถูกต้อง ๆ เจ้ากล่าวได้ถูกแล้ว !” หวูอวี้รีบขยับเข้ามาร่วมสมทบด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความตื่นเต้นอย่างเหลือ แสนยามเมื่อเขากล่าว “ยังมี หากผู้ใดกลืนกินพฤษาเวทในสวนสมุนไพรแห่งนั้น คนผู้นั้นจะไม่ต้องพิษร้ายกระนั้นหรือ ? เหตุใดกู้อี้ตาวจึงสามารถกลืนกินมันได้โดยไร้ภาวะผิดปกติใดเล่า?”
ยามนี้ทุกสายตาต่างเคลื่อนมาจดจ่ออยู่กับผู้ที่กําลังสนทนาโต้ตอบกันอย่างออกรสกลุ่มนี้
กู้อี้ตาวคล้ายมีพละกําลังแข็งแรง บาดแผลทั่วร่างเริ่มทุเลา ไร้สินร่องรอยแห่งพิษต่อมโลหิตที่ดําคล้ําร้ายกาจ เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายในที่นั้นล้วนตื่นตระหนกประหลาดใจ กระทั่งลูกนัยน์ตาแถบถลนหลุดกระเด็นออกจากเบ้า
เด็กหนุ่มผู้มีพลังฝีมือเพียงขั้นปฐมภูมิโลกันตร์กลับมีความสามารถเยียวยารักษาพิษโรคร้ายได้จริงกระนั้นหรือ!
เทพธิดาบัวเยือกแข็งผู้ที่พวกเขาล้วนฝากความหวังไว้ ผู้ที่กล่าวโอ้อวดด้วยความมั่นใจ ที่สุดกลับลงเอยด้วยความล้มเหลวอย่างหมดท่า ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าผลลงเอยจะกลับตาลปัตรอย่างเหนือความคาดหมายเช่นนี้!
ชั่วขณะเดียวกันนั้นเอง เฟิ่งเหลียนอิ่งกลับดูคล้ายกําลังเสียสติเมื่อได้เห็นเกอซีทําการรักษาพิษร้ายให้แก่กู้อี้ตาว กระทั่งแทบคืนสู่ภาวะปกติ
นางไม่เชื่อว่าทักษะทางการแพทย์ของตนจะต่ําต้อยกว่าเด็กเหลือขอผู้นั้น
“เป็นไปไม่ได้ ! เป็นไปไม่ได้ !!! การวินิจฉัยโรคของข้าต้องไม่ผิดพลาด! ข้าคือแพทย์ผู้มีทักษะการรักษาระดับห้า ทั้งยังเป็นศิษย์สายตรงของท่านปรมาจารย์แห่งขุนเขาพันพิษ ! ข้าจะพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าเด็กนั้นได้อย่างไร!”
“มอบโอสถมา ! ข้าจะหาผู้ทดลองโอสถอีกครา ! ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้!”
เสียงร้องตะคอกราวกับผู้ป่วยพิการทางจิตที่กําลังออกอาการคลุ้มคลั่งดังสะท้อนไปทั่วม่านหมอกร้อยพฤกษ์สมุนไพร เมื่อทุกผู้คนหันมาเห็นโฉมหน้าอันแสนร้ายกาจของเฟิ่งเหลียนอิ่ง พวกเขาต่างไม่เหลือความรู้สึกใด นอกไปเสียจากความนึกรังเกียจชิงชัง
สตรีผู้ได้รับกิตติศัพท์ขนานนามว่าเทพธิดาบัวเยือกแข็งผู้นี้แท้จริงกลับงี่เง่าไร้สมองมิได้สูงส่งสง่างามดังคําล่ําลือเล่าอ้าง นางหาได้มีทักษะทางการแพทย์ที่สูงส่งยอดเยี่ยมแต่อย่างใด
ที่น่าขายหน้ายิ่งไปกว่านั้นคือ กระทั่งยามนี้ เมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการรักษาของนางล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า หากทว่านางกลับยืนกรานจะกรอกโอสถใส่ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายโดยไม่คํานึงถึงชีวิตผู้คน คนเยี่ยงนี้มันไร้ยางอาย ชั่วช้าสิ้นดี !!
ทันทีที่เฟิ่งเหลียนอิงกําลังจะออกไปคว้าตัวผู้เคราะห์ร้ายมาลองยา ฝ่ามือที่เหี้ยมเกรียมของใครบางคนกลับกระแทกเข้าใส่ใบหน้าของนาง กระทั่งหญิงสาวผู้กําลังคลุ้มคลั่ง ซวนเซร่วงลงไปกับพื้น
ครั้นเมื่อเฟิ่งเหลียนอิ่งช้อนสายตาขึ้นมอง จึงพบกับสายตาที่เย็นชาแฝงอายสังหารของเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง “เจ้าจะทําเรื่ องน่าขายหน้าไปถึงเมื่อใด ?”
***จบตอน เหตุใด ?*-*-*