หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 339 เริ่มดําเนินตามแผน
เกอซีพลิกแผ่นป้ายที่อยู่ในมือกลับไปกลับมา นางกวาดสายตามองสิ่งที่อยู่ในมือ นี่คือป้ายสัญลักษณ์ เพื่อเข้า-ออกตระกูลเฟิ่ง ทั้งดูคล้ายจะเป็นป้ายตระกูลระดับสูง ที่แม้กระทั่งเหล่าศิษย์ชั้นเอกแห่งสํานักล้วนไม่อาจกั้นขวางได้เช่นกัน
ไม่เลว ! นางสามารถบุกเข้าตระกูลเฟิง ลงมือสังหารผู้คนช่วงชิงทรัพย์ล้ําค่า อา ! นับเป็นภารกิจที่ขาดเสียมิได้อย่างแท้จริง
เกอซีเก็บป้ายคําสั่งกลับเข้าไปในมิติเวทของตนด้วยสีหน้าแช่มชื่น เพียงหนานกงยวได้เห็นเช่นนั้น สีหน้าของเขากลับยิ่งน่าหวั่นผวา
เขารั้งร่างของนางเข้าสู่อ้อมแขน กวาดตามองนางด้วยสายตาที่เย็นชา “ซีเอ๋อ หากเจ้ากล้าทิ้งข้าไปซบอ้อมอกบุรุษอื่น ข้าก็ จะข้าจะ…”
“จะทําไม ?” นางเลิกคิ้วเอ่ยถาม ทั้งยังส่งสายตาสนุกสนานหน้าระรื่น “จะสังหารข้าหรือไร ?”
ลมหายใจของหนานกงยวพลันสะดุดกึก สตรีผู้อยู่ในอ้อมแขนของเขานี้ ทั้งเจ้าเล่ห์แสนกลทั้งงดงามหาใดเปรียบ และนั่นยิ่งทําให้เขาทั้งรักทั้งนึกชิงชังนาง ทั้งยิ่งปรารถนาจะคว้านางมาร่วมหอเสียในยามนี้ เขาจะได้กักนางไว้แต่เพียงผู้เดียว มิให้ผู้ใดหน้าไหนมีโอกาสมาเกี้ยวนางได้เช่นนี้อีก
หากทว่าสํานึกส่วนเหตุผลของเขายังคงพร่ําบอกตนว่า “ซีเยาผิดแผกจากสตรีอื่น เขาไม่อาจกักนางไว้ชั่วชีวิต ไม่อาจหักปีกของนาง นางมีโลกของตนเอง มีวิถีที่ล้วนอัศจรรย์
เกอซีมิรู้จะหัวเราะหรือร่ําไห้ดี เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยามยามข่มห้ามอารมณ์ของตนอย่างหนัก หากว่าสีหน้าท่าทางกลับคล้ายพร้อมจะปะทุระเบิดได้ทุกเมื่อเช่นนี้ “แม้นข้าปรารถนาอ้อมแขนของบุรุษอื่น ข้าก็จะไม่เลือกเพิ่งอวิ่นจึงเจ้าคนจิตวิปริตนั่น พอใจหรือไม่? เจ้าทําราวกับข้าเป็นพวกสมองกลวงที่วิ่งแร่เข้าหาพวกบ้าอํานาจกระนั้น !”
กล่าวจบนางก็ผละจากไปโดยไม่ใส่ใจเขาอีก เมื่อยามนี้นางจําต้องให้ความสนใจกับการค้าของตน สมบัติที่เหลือทั้งหมด ซึ่งหวูอวี้รวบรวมไว้จึงถูกเปิดออกตรวจดูอย่างต่อเนื่อง
หนานกงยวมองตามเกอซีผู้เดินห่างออกไป หากทว่าเขายังคงไม่เคลื่อนไหวอยู่นาน เมื่อสายตาของเขายังคงเขม็งจ้องอยู่ที่เฟิ่งอวิ๋นจิ่ง และกลุ่มผู้ติดตามซึ่งกําลังละจากที่นั่นไปเช่นกัน
ชิงหลงก้าวเข้ามาด้านข้าง เขากระซิบเพียงแผ่วเบา “นายท่าน”
แผงขนตาของชายหนุ่มกดต่ําลงเล็กน้อย เพื่อซุกซ่อนความขุ่นมัวในอารมณ์ก่อนจะรวบรวมน้ําเสียงเปล่งออกไปเนิบช้าเบาบาง “แจ้งกู่ซินให้เตรียมดําเนินการ”
ชิงหลงตื่นตระหนก สีหน้าของเขากลับทรยศต่อความรู้สึกในยามนี้ “นายท่าน !?”
การตัดสินใจในครานี้เกี่ยวพันถึงตําหนักราชันมัจจุราช ทั้งยังเกี่ยวข้องกับอนาคตของนายท่าน การที่นายท่านหุนหันตัดสินใจ เนื่องเพราะเรื่องของเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง หรือด้วยเหตุแห่งพระชายากันแน่
แม้ชิงหลงอยากจะไถ่ถาม ทว่าเมื่อต้องประสบกับใบหน้าที่ห่างเหินเย็นชาของหนานกงยวี่ ทุกถ้อยคําเหล่านั้นจึงถูกกลืนกลับลงลําคอไป
ไม่ว่าด้วยเหตุใด คําสั่งของนายท่าน คือประกาศิตที่พวกเขาต้องกระทํา มีเพียงต้องปฏิบัติตามเท่านั้น !
ช่วงขณะเดียวกันนั้นเอง ทั้งหวูอวี้ และกู้หลิวเฟิ่งต่างเก็บรวบรวมสมบัติล้ําค่ามาได้มากมาย
อีกด้านเกอซีก็กําลังตรวจสอบกองสมบัติที่ละชิ้น ก่อนจะโยนเข้าไปเก็บในมิติเวท เพียงคิดว่านางกําลังจะได้หินผลึกมากมายจากสมบัติกองโตเหล่านี้ จิตใจของนางก็ยิ่งพองฟู
เพียงราตรีเดียว นางก็จะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทอง ช่างสุขสดชื่นเสียนี่กระไร
“ท่านหมอซียอดอัจฉริยะ” ฉับพลันสุ่มเสียงที่แหบพร่าของบุรุษผู้หนึ่งพลันดังขึ้นเหนือศีรษะของนาง
หญิงสาวแหงนเงยใบหน้าขึ้นจึงได้พบกับบุรุษวัยกลางคนผู้มีวัยราวสามสิบปี แม้พลังฝีมือของคนผู้นี้จะมิได้สูงส่งเท่าใดนัก หากทว่าร่างของเขาหาได้บอบช้ํา หรือต้องพิษโลหิตหลั่งสําราญไม่
ผิวหนังชายผู้นี้หยาบกระด้าง บนฝ่ามือที่หยาบกร้านล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น นัยน์ตาทั้งคู่หม่นมัว คล้ายถูกอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้นทุกข์โศก ทั้งยังหลั่งล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
ครั้นเมื่อชายวัยกลางคนมองสบตาเกอซี เขากลับแทบไม่กล่าวถ้อยคําใด คนผู้นั้นยื่นส่งกล่องใบหนึ่งให้นาง “ได้ยินว่าท่านหมอซียอดอัจฉริยะกําลังตามหาผลเทพมังกรซึ่งอยู่ในอาณาจักรผลาญสวรรค์ ข้าบังเอิญได้สิ่งนี้มาจากอาณาจักรผลาญสวรรค์ หวังว่าท่านจะไม่หมางเมินสมบัติชิ้นนี้”
***จบตอน เริ่มดําเนินตามแผน***