หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 343 ฐานะแท้จริง
เกอซีเคยอ่านวิธีใช้ผลเทพมังกรในบทบันทึกสรรพชีวิต นางรีบรวบรวมพลังปราณเพลิงอันบริสุทธิ์สกัดน้ําออกมาจากผลเทพมังกร หยดน้ําไหลหยดลงมุมปากของมังกรทองตัวจิ๋ว
เพียงเท่านั้น ร่างน้อย ๆ ของมังกรทองศักดิ์สิทธิ์พลันเปล่งประ ายเรืองรองสีทองอร่ามเกล็ดที่เคยหม่นมัวทั่วร่างเริ่มสะท้อนทอประกายแวววาว
มังกรทองตัวน้อยพยายามฝืนเปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งที่มันได้เห็นคือร่างอันคุ้นตา ร่างที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของพรรณไม้และยอดหญ้า แม้ร่างนั้นจะบอบบางอ่อนแอ หากทว่ามังกรทองร่างน้อยกลับรู้สึกได้ว่าร่างที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้คือผู้ที่ เขาสามารถวางใจ และเชื่อใจได้อย่างแท้จริง
นี่ล้วนคือความจริงอันน่าฉงน เขาคือมังกรทองศักดิ์สิทธิ์ผู้น่าเกรงขาม หากทว่ายามนี้เขากลับนอนรอรับความช่วยเหลือจากหญิงมนุษย์ที่อ่อนแอผู้หนึ่ง
ความรู้สึกภายในยังคงหนักอึ้ง มังกรทองศักดิ์สิทธิ์รับข่มเปลือก ตาของตนลงอีกคราในทันทีปลายหางของเขาขดม้วนพันสะบัดไป มารอบข้อมือของเกอซื้อย่างหลงลืมตัว
หญิงสาวถอนใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อมั่นใจแล้วว่าอาการบาด เจ็บของมังกรทองตัวน้อยได้รับการรักษาให้ทุเลาลงได้ในที่สุด นางส่งสายตามองตามปลายฝ่ามือที่กําผลเทพมังกรบีบคั้นมันกระทั่งหยดน้ํา และพลังจิตวิญญาณทั้งหมดที่แฝงไว้ล้วนแห้งเหือดไม่เหลือให้บีบเค้นได้อีกต่อไป
สิ่งที่หลงเหลือทิ้งไว้คงมีเพียงชิ้นเนื้อผลรวมถึงเมล็ด เกอซีคิดหย่อนเมล็ดผลเทพมังกรไว้ในมิติเวทอาจบางทีมันสามารถเติบโตออกผลได้อีกมิใช่หรือ ?
เกอซีเริ่มคิดจินตนาการไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหว่านเมล็ดผลเทพมังกรไว้ในผืนธรณีศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล จากนั้นก็หันมาหยดทิพย์ธาราใสร่างของมังกรทองตัวน้อยเพิ่มเติมก่อนจะออกมาจากมิติเวท
ครั้นเมื่อนางเผยอเปลือกตาขึ้น จึงรับรู้ได้ถึงบุรุษหนุ่มผู้นั่งอยู่เคียงข้าง
ทั้งดวงหน้าของนางแดง… เมื่อพบว่าตนแอบอิงซบร่างอยู่กับหนานกงยวี่ กระทั่งศีรษะของตนยังพาดซุกลงไปถึงแผ่นท้องของเขา
นาง…นางเพียงหยิบยืมไหล่ของเขาหนุนพิงเท่านั้นมิใช่หรือ ?
เกอซีเด้งโหยง นางรีบดันร่างของตนออกจากอ้อมกอดของ หนานกงยวี่ ยังได้ยินเสียงของเขาตัดพ้อละห้อย “ซีเอ๋อ เหตุใดเจ้าไม่งีบหลับอีกสักนิดเล่า ? ไหล่ของเป็นหวางยังคงพร้อมรองรับเจ้าเสมอ”
หญิงสาวกัดฟันกรอด พร้อมยกมือขึ้นเตรียมประเคนลูกตบให้ ชายหนุมสักฉาด ทว่าฉับพลันนั้นเอง ร่างหนึ่งที่เริ่มโชยกลิ่นเน่าคลั่ง พลันวิ่งพรวดพราดออกมาจากกลุ่มผู้คนบุรุษผู้นั้นวิ่งทะเล่อทะล่า เข้ามาหาเกอซีด้วยสายตามุ่งมั่น
อารักขาประจําตําหนักราชันมัจจุราชตรงเข้ากั้นขวางคนผู้นั้น โดยไม่รั้งรอคําสั่งจากหนานกงยวี่
หากทว่าชายผู้นั้นกลับไม่ปล่อยให้ผู้ใดหยุดยั้งเขา คนผู้นั้นร่ําร้อง โอดครวญกระทั่งสุ่มเสียงแหบแห้ง “ซีเยว่ ข้ารู้ฐานะที่แท้จริงของเจ้า เข้ารู้ว่าเจ้าคือผู้ใด หากเจ้ายอมช่วยเหลือข้า ข้าจะยอมบอกฐานะที่แท้จริงของเจ้า !”
คิ้วทั้งสองของหนานกงยวจิกเข้าหากัน เสียงร้องตะโกนโหวกเหวกของชายผู้นั้นดึงดูดความสนใจของเหล่ายอดฝีมือที่รายล้อมอยู่รอบบริเวณ หนานกงยี่สร้างม่านปราการกําบังกั้นขวางมิให้ ผู้ใดสามารถได้ยินบทสนทนาที่กําลังจะเกิดขึ้น
เขาส่งสายตามองชายผู้มีใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยคราบโลหิตกระทั่งไม่มีผู้ใดสามารถจดจําใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ น้ําเสียงที่เย็นชาของหนานกงยวดังขึ้น “เจ้าคือผู้ใด ? หากเจ้าต้องการโอสถถอนพิษเหตุใดไม่นําสมบัติออกมาแลกเปลี่ยน ? ”
ร่างของชายผู้นั้นสั่นเทา เมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาของหนานกงย – น้ําเสียงของเขาสั่นเครือ “ท่านอ๋องราชันมัจจุราช โปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย ผู้น้อยผู้น้อยคืออาวุโสแห่งตระกูลน่าหลานน่าหลานเยี่ยนหมิง !
เพียงได้ฟังคําตอบ ปลายคิ้วเข้มทั้งสองของเขาพลันเลิกสูง ทั้งเขา และเกอซีต่างหันมาสบตากันโดยไม่เอ่ยถ้อยคําใด
เกอซีหน้าถอดสีเล็กน้อย เมื่อยามนี้โฉมหน้าของนางล้วนแตกต่างจากโฉมหน้ายามเมื่อนางคือน่าหลานเกอซี แม้คนผู้นี้จะเป็นคนจากตระกูลน่าหลานก็ไม่สมควรจดจํานางได้
ทว่าน่าหลานเยี่ยนหมิงผู้นี้กลับจํานางได้กระนั้นหรือ ?
น่าหลานเยี่ยนหมิงหาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของทั้ง เกอซี และหนานกงยวไม่ เขาสูดลมหายใจเฮือก “ข้าได้นําสิ่งของ เข้าแลกเปลี่ยนยาถอนพิษ ทว่าล้วนไม่เพียงพอจะขจัดพิษในร่างของข้า”
“โอสถถอนพิษไม่อาจสลายพิษในร่างของเจ้าได้กระนั้นหรือ ?” หัวคิ้วทั้งสองของเกอซียกสูง “ก่อนหน้าเจ้าไปทําสิ่งใดมา ? ”
นัยน์ตาของน่าหลานเยี่ยนหมิงสะท้อนขึ้นวาบหนึ่ง ทว่าเมื่อชีวิตถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายมีหรือที่เขาจะยังกล้าปกปิดความจริง อาวุโสตระกูลน่าหลานจึงรีบบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในทันที
***จบตอน ฐานะแท้จริง***