หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 353 เสื่อมเสียชื่อเสียง
นัยน์ตาคู่งามแวววาวไปด้วยหยาดน้ํา นางบอบบางประดุจดอกบัวขาวที่ทําให้เหล่ายอดฝีมือผู้เป็นบุรุษทั้งหลายเริ่มใจอ่อนเวทนานาง
ทว่ายอดฝีมือสตรีเพศย่อมไม่เหลือความเห็นใจพวกนางยืนมองด้วยสายตาเย็นชาเย้ยหยัน
“ไร้ยางอายสิ้นดี ! เห็นได้ชัดว่านางจงใจยั่วยวนบุรุษ ชิชะกลับมาแสร้งทํานั่งบีบน้ําตาร้องขอความเห็นใจผู้คน !”
“นั่นสิ นี่หากข้าเป็นนาง ข้าคงละอายแก่ใจจนไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้ใดแล้ว ! ไม่คิดเลยว่านางจะยังมาปั้นหน้าเศร้าร้องขอความเมตตาเช่นนี้”
“อะไรนะ ? เทพธิดาบัวเยือกแข็งกระนั้นรี 2 ที่ข้าเห็นเป็นเพียงแม่ดอกบัวขาวพราวเสน่ห์กําลังปั่นหัวยั่วยวนบุรุษ”
เพิ่งเหลียนยิ่งเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนกําลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงไร
เดิมที่นางเพียงจะแสร้งทําอ่อนนอกปั้นสีหน้าไร้พิษภัยด้วยหมายจะเรียกร้องความเห็นใจ ทว่ายามนี้เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าสตรีทั้งหลาย ใบหน้าของนางพลันกระตุก แววตาที่ฉายประกายแห่งความอับอาย พลันแปรเปลี่ยนเป็นเกลียดชังในทันที
ที่สุด ผู้ใดกันที่กล้าคิดร้ายตระกูลเฟิง ? ผู้ใดทําให้เพิ่งเหลียนยิ่งกระทําตนราวกับผู้ไร้ปัญญาเช่นนี้ ?
สิ่งที่นางทุ่มเทอย่างยากลําบากสร้างภาพอันสูงส่งสง่างามให้แก่ตนเองมาโดยตลอดสองสามปีที่ผ่านมานี้ ชะตาสมรสอันงดงามของนาง….กลับถูกทําลายสิ้นไม่เหลือ เพียงช่วงเวลาไม่ กี่วันนี้ !
ไม่ ! ไม่ว่าผู้ที่ทําให้นางต้องถึงความอัปยศในวันนี้จะเป็นผู้ใดนางก็จะโยนความผิดทุกสิ่งไปที่ซีเยว่ สารเลวผู้นั้น !
ไม่มีวันที่นางจะยอมปล่อยมันผู้นั้นไป ! ต้องมีวันที่นางจะทําให้มันได้ตายอย่างไร้ดินกลบหน้า
ภายใต้สายตาแห่งความรังเกียจเดียดฉันท์ ดูแคลน ชิงชังร่างที่ แทบจะเปลือยเปล่าพลันประดุจถูกหนามแหลมเข้าที่มแทงกระทั่งพรุนทั่วแผ่นหลัง
โชคร้ายที่พลังในกายของนางถูกใช้กระทั่งไม่เหลือเช่นนั้นนางจึงไม่อาจค
ว้าผืนอาภรณ์ขึ้นมาได้แม้เพียงชิ้น นัยน์ตาทั้งสองของนางพลันแดง…
ทันใดนั้นเอง อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนหนึ่งพลันโอบคลุมเรือนร่างของนาง
ครั้นเมื่อเพิ่งเหลียนยิ่งหันกลับมาหาจึงประสานเข้ากับแววตาแห่งความห่วงใยอย่างลึกซึ้งของเนียจินเฉิน “น้องหญิงเหลียนยิ่งมิเป็นไรใช่หรือไม่ ? อสูรเวทก่อนหน้าทําร้ายเจ้าที่ใดบ้างหรือไม่ ?”
นางหันมามองด้วยสายตางุนงง ครั้นเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ทั้งคู่ตกอยู่ภายใต้วงล้อมฝูงอสูร นึกถึงการกระทําที่นางกระชากเนียจินเฉินมาบังกาย ความรู้สึกละอายแก่ใจพลันผุดขึ้นอย่างมิรู้ตัว
เนียนจินเฉินคล้ายไม่ทันสังเกตเห็นอารมณ์ความรู้สึกของนางเขาเพียงเปรยขึ้นเบา ๆ “หากน้องหญิงเหลียนยิ่งไม่รังเกียจก็จงใช้อาภรณ์ของข้านี้เถิด”
เพิ่งเหลียนยิ่งยามนี้ตื่นผวาอับอาย ทว่าเพียงเมื่อนางช้อนดวงหน้าขึ้นเห็นแววตาอ่อนโยนที่จ้องมองมาด้วยความหลงใหลเช่นนั้นหญิงสาวพลันผุดลุกขึ้นด้วยท่าที่หยิ่งผยองโอหังดังเดิม
เนียจินเฉินก็แค่สุนัขข้างกายที่ไม่ว่านางจะเขี่ยทิ้งสักกี่คราเหยียดหยามสักกี่หน คนผู้นี้ย่อมไม่มีทางทรยศนาง
แม้นางจะมิได้ใส่ใจสุนัขผู้ซื่อสัตย์ตัวนี้เท่าใดนักทว่ามันยังคอยป่วนเบี้ยนพันแข้งพันขาทําให้นางยิ่งหยิ่งผยองในตน
เพิ่งเหลียนยิ่งผู้หยิ่งผยองมีหรือจะทันสังเกตเห็นเนียจินเฉินซีงก้มหน้าปิดบังสายตาเย็นชาที่วาบผ่านม่านนัยน์ตา
เพียงหญิงสาวสวมใส่อาภรณ์ของเนียจินเฉินเรียบร้อย นางพลันยกยิ้มอย่างเย็นชา “ไปกันได้ ! พวกเราต้องรีบกลับไปตระกูลเพิ่งเพื่อสนทนาในเรื่องนี้ก่อนเป็นอันดับแรก
พวกเขาต้องรีบกลับไปรายงานเรื่องนี้แก่อาวุโสตระกูลเพิ่งให้เร็วที่สุด
ส่วนหญิงโง่เพิ่งเหลียนยิ่งผู้ต้องเสียหน้าในวันนี้นั้น…เพิ่งอวินนิ่งได้ตระเตรียมแผนกําจัดสวะไร้ค่าผู้นี้ไว้เรียบร้อยแล้ว !
ทันทีที่เพิ่งเหลียนยิ่ง และเพิ่งอวิ่นจึงเตรียมจะผละไปจากที่นั้นกลุ่มคนที่ไม่กล้าส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อหน้าตระกูลเพิ่งผู้ยิ่งใหญ่พลันเริ่มส่งเสียงกันขรม
เรื่องราวของเทพธิดาบัวเยือกแข็ง คุณหนูแห่งตระกูลเพิ่งแพร่สะพัดจากปากสู่ปากอย่างรวดเร็ว ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเหลียนยิ่งเผยเรือนร่างของตนเองในสถานที่ชุมชน ทันทีที่ทุกคนก้าวพ้นจากอาณาจักรกําบังถูกนําออกบรรยายเล่าขานอย่างไม่หยุดปาก
เพียงข้ามคืน ข่าวใหม่ที่น่าตื่นตานี้กลับกลายเป็นข่าวซุ บซิบนินทาที่มีผู้เอ่ยถึงหนาหู เทียบได้กับข่าวการปรากฏแห่งเขตแดนมังกรในอาณาจักรกําบังบนถนนใหญ่สายกว้าง หรือกระทั่งตามตรอกซอกซอยทั่วเมืองเหยียนจิงล้วนมิมีผู้ใดไม่รับรู้ข่าวสารนี้
***จบตอนเสื่อมเสียชื่อเสียง***