หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 357 รอวันข้าคืนกลับ
หนานกงยวี่แปลกประหลาดใจ หากทว่าเพียงเขาเพ่งพินิจธำมรงค์เวทซึ่งอยู่ในมือ ประกายตาของชายหนุ่มพลันแสดงอาการแห่งความแตกตื่นใจ
ภายในธํามรงค์วงนี้ล้วนอัดแน่นไปด้วยอาวุธเวท ยังอีกทั้งผลไม้วิเศษซึ่งล้วนยากจะประเมินราคา กัดกินผลวิเศษเหล่านี้แม้เพียงคําคนผู้นั้นย่อมสามารถฟื้นฟูพละกําลังได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ยังอีกทั้งเม็ดโอสถผลท้อสวรรค์ปทุมมาศ ซึ่งก็คือโอสถเสริมทักษะการต่อสู้ระดับเทพเซียน ในแดนดินทวีปหมีหลัวแห่งนี้ เพียงหนึ่งเม็ดโอสถ เทพสวรรค์ชนิดนี้จักสามารถประมาณค่าเทียบเท่านครน้อยหนึ่งนคร หากทว่าเกอซีกลับหยิบยื่นมอบให้เขาถึงยี่สิบเม็ด !
ยังมีอาวุธเวทวิเศษอีกกองใหญ่ ซึ่งหนึ่งในอาวุธเวทกองนั้น คือกระบี่เหินเวหาสีม่วงเล่มหนึ่ง
สีหน้าของเขาแสดงถึงความซาบซึ้งใจอย่างยิ่งยวด เพียงกระบี่เหินเวหาเล่มนั้นปรากฏขึ้นในฝ่ามือ มันพลันปลดปล่อยเสียงบทสวดมนตราแห่งราชสํานักดังกึกก้อง
“นี่คือ…”
ริมฝีปากของเกอซียกแย้ม “สิ่งนี้หาใช่กระบี่ผนึกมังกรเล่มจริงไม่ หากทว่าคือกระบี่เทียมอันกําเนิดแต่กระบี่ผนึกมังกรเล่มจริงพลังคุณสมบัติของมันล้วนลอกเลียนได้เท่าเทียมกระบี่จริงถึงห้าในสิบส่วน ด้วยพลังฝีมือของข้าในยามนี้ย่อมไม่อาจใช้กระบี่เล่มนี้ เช่นนั้นการมอบให้แก่เจ้าย่อมเป็นสิ่งที่เหมาะสมยิ่งไปกว่า”
กระบี่ผนึกมังกรเทียมเล่มนี้ เดิมที่ถูกเก็บรักษาในอาณาจักรทะเลทรายแห่งความอ้างว้าง เกอซีสังเกตเห็นพลังอํานาจอันไร้ขีดจํากัดของมัน เหล่าสัตว์เวทอสูรทั้งหลายต่างไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้มันในรอบรัศมีสิบลี้ เช่นนั้นนางจึงคว้าของวิเศษชิ้นนี้ออกมา
หากแต่เมื่อนางชักกระบี่ผนึกมังกรเทียมเล่มนี้ออก ใบหน้าของเกอซีกลับต้องหม่นมัวเมื่อพบว่า นางมิอาจใช้กระบี่เล่มนี้ได้ โธ่ ! นางมิอาจใช้กระบี่ผนึกมังกรเล่มจริง กระทั่งยามนี้เพียงกระบี่เทียม นางก็ยังมิอาจใช้คงทําได้เพียงนั่งมองทอดอาลัย มันน่าเจ็บใจเสียจริง !
เห็นที่สิ่งสําคัญอย่างยิ่งยวดในยามนี้ ก็คือการพัฒนาพลังฝีมือให้รุดหน้า
หนานกงยี่จับจ้องกระบี่ด้ามยาวในมือ นัยน์ตาทั้งคู่ของชายหนุ่มแวววาวด้วยหยาดน้ำ
เกอซีจ้องหน้าหนานกงยี่ผู้ดูคล้ายกําลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความที่มที่อโง่งม หญิงสาวเข้าใจว่าหนานกงยวคงไม่ชื่นชอบกระบี่ผนึกมังกรเทียมเล่มนี้ดังที่นางคาดคิด ทว่ายังมิทันจะเอ่ยกล่าวถ้อยคําใด หนานกงยี่กลับเหยียดยื่นฝ่ามือออกรั้งร่างของนางเข้าไว้ในอ้อมแขน เขาโอบกอดกระชับนางแน่นคล้ายปรารถนาจะหลอมรวมเลือดเนื้อโลหิตของเขาและนางให้เป็นหนึ่งเดียว
“ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ข้าต้องต่อสู้แต่เพียงลําพังมาโดยตลอด นับแต่จําความได้ ครั้นเมื่อเติบใหญ่ ข้ายังคงต้องป้องวายุต้านเมฆฝนให้ผู้อื่น เจ้าคือคนเพียงผู้เดียวที่ข้าหมายปกป้องที่สุดในชีวิต ทว่าเจ้ากลับเป็นเพียงผู้เดียวที่ข้ามิอาจพิทักษ์ไว้ภายใต้ปีกของข้าเช่นกัน”
“ซีเอ๋อ จงรอข้ากลับมา ! เจ้ามิอาจปล่อยใจให้หลงชอบบุรุษใด ทั้งมิอาจเพ่งมองชายใด และย่อมมิอาจปล่อยให้ตนเองได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน…”
ช่วงน้ำคําแรกของเขาทําให้หญิงสาวต้องอมยิ้มวาบหวามประทับใจ หากทว่าช่วงประโยคตอนท้าย กลับทําให้อีกฝ่ายอดค้อนสายตาส่งให้มิได้ เกอซีผลักหนานกงยวออกห่าง “เจ้าเลิกบังคับข้า ห้ามทําโน่น ห้ามทํานี่ เสียที่จะได้หรือไม่ ?”
หากทว่าในครานี้ ชายหนุ่มกลับมิได้โต้ตอบ เขาจับจ้องนางด้วยสายตาอันล้ำลึกประหนึ่งจะสลักภาพของนางไว้ให้ลึกสุดหัวใจ ก่อนจะหมุนกายผละจากไป
ชิงหลงและหวูอรีบติดตามผู้เป็นนายไปในทันที ทั้งคู่เร่งฝีเท้าติดตาม คงเห็นเพียงผู้เป็นนายขุมกรามกัดแน่นพยายามฝืนระงับความรู้สึกของตนอย่างยิ่งยวด
นายท่านไม่เผยต่อพระชายาว่าภารกิจที่พวกเขามุ่งหมายกระทําในครานี้ คือการลงมือจัดการตระกูลเฟิง ทั้งการกระทําในครานี้ล้วนรวดเร็วกว่าแผนเดิมที่พวกเขาวางไว้แต่แรก
ตระกูลเพิ่งหาได้มีสํานักหลิวหลีซึ่งดํารงอยู่มาเนิ่นนานนับสหัสวรรษคอยหนุนหลังแต่เพียงแห่งเดียว หากแต่ยังมีผู้ทรงอิทธิพลที่น่ากลัวคอยหนุนหลังอีกด้วย
ย่อมสามารถกล่าวได้ว่าการเปิดศึกประจันหน้ากับตระกูลเพิ่งในครานี้ ตําหนักราชันมัจจุราชไม่อาจถึงความสําเร็จได้โดยง่าย
หากทว่านายท่านไม่อาจรั้งรอวันบุกทลายตระกูลเพิ่งได้อีกต่อไป นายท่านหมายกําจัดเพิ่งเหลียนยิ่งและเฟงอวิ่นนิ่ง สองวายร้ายผู้นําภัยอันตรายมาสู่พระชายา ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านดูจะไม่อาจทนรอรับพระชายาขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเข้าสู่ตําหนักราชันมัจจุราชได้อีกแล้ว
ครั้นเห็นพวกหนานกงยี่เดินจากไปต่อหน้าต่อตาเช่นนั้น เกอซี พลันรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างสุดจะพรรณนา
ทว่าหญิงสาวกลับรีบขจัดความทุกข์โศกออกจากใจอย่างรวดเร็ว นางหันหลัง เดินกลับมาหากู้หลิวเพิ่ง โจวเหยียนอัน และกู้อี้ตาว
หากแต่ยามนี้กู้หลิวเพิ่งคล้ายกําลังใจลอย ความคิดของเขาคล้ายกําลังวนเวียนอยู่กับภาพเหตุการณ์ความหวานชื่นน่าประทับใจระหว่างหนานกงยวี่และเกอซี
ใบหน้าของเกอซีนั้นละเอียดอ่อนงดงาม ปลายขนตางอนงามที่กระเพื่อมน้อย ๆ ดวงตากระจ่างใสราวหมู่ดวงดารา ไรฟันขาวสะอาจดุจดังไข่มุข หากจะเทียบเปรียบกับสตรีในผืนภาพของน่าหลานเยี่ยนหมิง ย่อมสามารถกล่าวได้ว่าเกอซึ่งดงามสูงส่งมากกว่าอยู่บางส่วน