หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 359 โรงฆ่าสัตว์อาบโลหิต
เกอซีเริ่มลดร่างลงเพื่อเหยียบคืนสู่เรือนเบี้ย หากทว่ายิ่งเข้าสู่ระยะใกล้สีหน้าของนางกลับยิ่งแปรเปลี่ยน
เดิมที่เรือนเบี้ยถูกซุกซ่อนภายใต้ม่านอาคม หากทว่ายามนี้สายอาคมทั้งมวลพลันเลือนสลายสายลมพัดโชยกลิ่นคาวของโลหิตเข้มข้นจากภายในตัวเรือน
เกอซีเริ่มหวั่นใจ ร่างของนางปรากฏขึ้นที่หน้าเรือนเบี้ยในทันที
กลิ่นคาวโลหิตหนาแน่นพลันจู่โจมเข้าใส่ปลายจมูกหญิงสาว โลหิตสาดกระจายทั่วพื้นประหนึ่งดอกบัวบานกลางผืนปฐพีนัยน์ตาทั้งคู่ของเกอซีแดงก่ําในบัดดล
ร่างของนางเซถลาคล้ายแทบไม่อาจหยัดร่างยืนอยู่ได้
เพียงเมื่อครู่ นางยังจินตนาการถึงภาพแห่งความอบอุ่นสมัครสมานรักใคร่ และความสงบสุขภายในเรือนแห่งนี้ หากทว่ายามนี้ภาพทั้งหมดทั้งมวลในหัวพลันพลิกผันกลับกลายเป็นภาพฉากอันน่าสะพรึงกลัว ซากศพชโลมโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วราว ลานฆ่าสัตว์
ภายในเรือนข้าวของกระจัดกระจาย เกลื่อนไปด้วยซากศพด้านข้างตัวเรือน คือร่างของสาวใช้เสี่ยวซื้อกับผู้ฝึกยุทธขั้นต่ําของสกุลน่าหลานที่นางเคยควบคุม
ซากศพทั้งหมดล้วนเบิกตากว้างค้างด้วยความตื่นตระหนกหวาดผวา พวกเขาย่อมไม่อาจนอนตายตาหลับ เพราะความคับแค้นที่คั่งค้างภายในใจ
กลางเรือนเบี้ยร่างของแม่นมเฉินถูกโยนทิ้งบนแผ่นพื้นที่เย็นเยียบอย่างไม่ไยดี
นัยน์ตาทั้งคู่ของนางเบิกกว้างดังเช่นคนอื่น ๆ กลางแผ่นอกปรากฏรูโพลง อวัยวะภายในทั้งหมดถูกแหวะกระจายลงบนพื้นทั้งยังถูกฝ่าเท้าคนเหยียบย่ําจนเละ
หยาดน้ําตาโลหิตแห่งความคับแค้นไหลออกจากเบ้าตาทั้งสองของแม่นมเฉิน ประหนึ่งนางร้องเรียกหาคุณหนูของนางจนสุดเสียงกระทั่งถึงวาระสุดท้ายบนปากประตูแห่งความตาย
หากแต่ลมหายใจของนางถูกตัดขาดไปนานแล้ว สัญญาณแห่งชีวิตขาดสูญแม้เกอซีจะมีวิชาแพทย์สูงส่งยิ่งไปกว่านี้ ทว่าย่อมไม่ อาจชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน
หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาแม่นมเฉิน นางย่อกายลงด้านข้างช่วยปิดดวงตาที่ยังคงเอ่อล้นไปด้วยความคับแค้นใจ นางกล่าวด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา “แม่นมเกอซีกลับมาแล้ว”
“อภัยให้ข้าด้วยเถิด เกอซีมาช้าเกินไป”
ประกายวูบหนึ่งวาบผ่านดวงตาของนาง หากทว่ามันกลับพลิกผันกลายเป็นความเย็นชาประหนึ่งพญามัจจุราชผู้หมายปลิดวิญญาณผู้คนน้ําเสียงแผ่วเบาของนางกระจ่างใสไพเราะน่าฟัง หาก ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยอายเย็นยะเยือกที่ทําให้ผู้คนต่างขนลุกขนพอง “แม่นม ท่านวางใจเถิด ข้าจะทําให้ผู้ที่ทําร้ายท่านได้รับการตอบแทนที่สาสมนับหมื่นเท่าล้านเท่า”
“แม่นม ถึงธารเหลือง*เมื่อใด ท่านจงค่อย ๆ เดินให้ช้าท่านจะได้เห็นร่างไร้ศีรษะของเจ้าคนพวกนั้นจงอยู่รอดูสีหน้าตื่นผวาในวาระสุดท้ายของพวกมัน”
*ธารเหลือง เป็นความเชื่อว่าเมื่อคนตาย และถูกฝังลงดินดวงวิญญาณจะเคลื่อนไหลไปตามกระแสของธารใต้ดินที่เรียกว่าธารเหลือง
ภายหลังจากได้กล่าวถ้อยคําไม่กี่ประโยคนั้นแล้ว เกอซีจึงค่อยๆนําอวัยวะภายในของแม่นมเฉินที่ละชิ้นที่ละส่วนเก็บกลับเข้าไปในท้องของนางอีกครา ก่อนจะใช้แท่งเข็มเงินเย็บอย่างบรรจงฝ่ามือของนางขยับพริ้วอย่างรวดเร็วราวการร่ายรํา ฝีเข็มบนแผ่ นท้องที่ถูกเปิดออกแนบสนิทปราณีตเสมือนดังไม่เคยได้รับความเสียหายใดมาก่อน
สีหน้าของหนุ่มน้อยผู้งามสง่า เผยถึงความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัดมุมปากทั้งสองของนางขยับยกด้วยอาการเยาะหยัน
นางหย่อนกายลงนั่งบนแผ่นพื้น ท่ามกลางกองโลหิต และซากศพที่เกลื่อนกลาด สองมือชโลมด้วยคราบโลหิต ปลายนิ้วเรียวงามงหนึ่งถูกสลักเสลาขึ้นจากหยกเนื้อดีกุมแทงเข็มขยับเคลื่อนพริ้วประหนึ่งบทร่ายรําที่ชวนฝัน
นางประหนึ่งปีศาจที่ผุดขึ้นจากขุมนรก งดงาม เจิดจรัสหากทว่ากลับน่าสยองพองขน กระทั่งผู้ใดได้พบเห็นล้วนต้องขนลุกชูชัน
อู่ซินผู้ได้รับคําสั่งจากนายท่านให้เร่งเดินทางมายังเรือนเบี้ยครั้นเมื่อได้เห็นภาพฉากเบื้องหน้าที่ปรากฏ กระทั่งตัวเขาผู้มีจิตใจเย็นชาได้ประสบพบเห็นเหตุการณ์น้อยใหญ่มาทั่วหล้ายังอดสูดหายใจเฮือกด้วยความประหวั่นมิได้
เดิมที่อู่ซินมิได้ชอบใจเกอซี แม้เกอซีจะเคยช่วยชีวิตนายท่านของเขาไว้ ทว่านั่นเป็นเพราะเกอซีได้รับบาดเจ็บนายท่านจึงต้องลําบากไปด้วยยิ่งไปกว่านั้นนายท่านยังต้องสูญเสียแก่นโลหิตของตนเพื่อช่วยชีวิตนางไว้
เหนืออื่นใดก็คือ นายท่านผู้เคยมีจิตใจเย็นชาน่าเกรงขามไม่เคยปรากฏความอ่อนแอให้ผู้ใดเห็น
ทว่ายามนี้เพียงเพราะเกอซีปรากฏกาย นายท่านกลับกลายเริ่มอ่อนแอแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ผู้ประกอบด้วยห้วงอารมณ์ทั้งสี่”
*ห้วงอารมณ์ทั้งสี่ของมนุษย์ คือ รัก ชัง สุข เศร้า
ยังอีกทั้งสตรีผู้มีนามว่าน่าหลานเกอซีผู้นี้งดงามบอบบางน่าทะนุถนอมอย่างมิอาจยั้งใจกระทั่งเป็นเหตุให้นายท่านต้องคอยพะวักพะวงห่วงใยหมายปกป้องดูแลนางอยู่เสมอ
***จบตอน โรงฆ่าสัตว์อาบโลหิต***