กลิ่นฉุนรุนแรงที่ออกมาจากโอสถถ้วยนี้คือ กลิ่นหวานหอมที่ได้มาจากจิงจูฉ่ายแดง กลิ่นอมเปรี้ยวจากต้นหญ้าหมื่นคันศร ยังอีกกลิ่นหอมหวานบริสุทธิ์ที่สกัดจากผลไม้สด…… จุ๊ จุ๊ จุ๊ ทั้งหมดนี้นับว่าสูงราคายิ่งกว่ายาบำรุงโสมผสมบัวหิมะมากนัก ครานี้ฮูหยินน่าหลานสู้อุตส่าห์ยอมสิ้นเปลืองทุนรอนที่สะสมไว้ด้วยความยากลำบากของตนถึงเพียงนี้เชียว ?
เพียงทว่าตัวยาที่นางถือไว้ในมือนี้จะส่งผลให้เกอซีต้องสูญเสียการควบคุมตนเองทำให้ตกอยู่ในสภาพเลอะเลือนงุนงง
หญิงสาวแย้มยิ้ม ภายใต้การจับจ้องอย่างจดจ่อของฮูหยินน่าหลาน นางยกถ้วยยาขึ้นดื่มหมดเพียงอึกเดียว
“ดี !” รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจปรากฏขึ้นบนดวงหน้าของฮูหยินน่าหลาน ทว่าในแววตายังคงแฝงความลวงล่อ “ต่อไป ข้าจะสั่งเด็กให้นำยาบำรุงไปให้เจ้าทุกวันในยามเดียวกันนี้ เกอซีเจ้าต้องดื่มให้หมดนะ !”
รอจนเจ้าดื่มให้ครบถ้วนเจ็ดวันแล้วเจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิดให้แก่ข้าอย่างสมบูรณ์แบบ ! ถึงตอนนั้น ข้าจะให้เจ้าได้พบกับชีวิตที่ต้องอยู่อย่างไร้ชีวิต ต้องตายทว่ายังมีลมหายใจ
การได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนใหญ่แห่งน่าหลานย่อมหมายถึงความหรูหราฟุ่มเฟือย ชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายยิ่งกว่าการอยู่ในเรือนหลังน้อยอย่างมิอาจเปรียบกันได้ ได้ลิ้มรสสำรับชั้นเลิศ อยู่ท่ามกลางอาภรณ์ชุดไหมผืนผ้าอีกหลายพับที่งดงาม พรั่งพร้อมด้วยสาวใช้ผู้หมดจดเจริญตาคอยดูแลเอาใจใส่
ทว่าใบหน้าของแม่นมเฉินกลับแลดูร้อนรนวุ่นวายใจ ยิ่งเมื่อได้เห็นซือลู่บ่าวคนสนิทของฮูหยินจับจ้องเกอซีดื่มยำบำรุงเขม็งอย่างไม่วางตาก่อนจะผละจากไป นางจึงแอบกระซิบ “คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดฮูหยินต้องสั่งให้คนมาส่งยาบำรุงให้คุณหนูทุกวันด้วย ? ทั้งยังกำชับให้คุณหนูดื่มให้หมด”
หลังจากหลีกออกไปจากห้องแล้ว ซือลู่มิอาจข่มสีหน้าเก็บรอยยิ้มแห่งความยินดีไว้ได้อีกต่อไป
เกอซีเยาะหยันขึ้นเบา ๆ “แม่นมเฉินวางใจเถิด จากนี้ไปจะไม่มีผู้ใดนำยาบำรุงมาให้ข้าอีก ไม่นานละครชุดใหญ่ก็จะเริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว”
ถึงกระนั้นแม่นมเฉินก็ยังไม่อาจคลายใจ ใบหน้าของนางกลับยิ่งย่นยุ่งกว่าแต่ก่อน หญิงชราเหวี่ยงมือขึ้นตบใส่ฝ่ามือตนอย่างแรง “ทั้งหมดนี้ต้องโทษแม่เฒ่าเบาปัญญาเยี่ยงข้าที่ไม่รู้จักคิดการให้รอบคอบ คอยยุให้คุณหนูกลับมายังเรือนใหญ่ ผู้ใดจะคาดคิดว่าที่พวกเขาเชิญคุณหนูกลับมาก็เพื่อจะบีบบังคับให้คุณหนูเป็นตัวตายตัวแทนของคุณหนูรองเช่นนี้ คุณหนู ข้าเสียใจจริง ๆ ข้าทำให้ฮูหยินผู้อยู่บนสวรค์ต้องผิดหวัง……”
เกอซีมิรู้จะกล่าวปลอบใจเฃ่นไร นางเพียงยกยิ้มอย่างเย้ยเหยียดออกมาพร้อมคำกล่าว “ใช้แผนกระจอกเยี่ยงนี้หมายว่าจะสามารถผลักข้าลงเปลวเพลิงได้……ฮูหยินน่าหลาน เจ้าประเมินข้าต่ำไปเสียแล้ว แม่นมเฉินอย่าลืมสิว่าข้าคือเกอซีผู้คืบคลานขึ้นมาจากปากทางอเวจี”
น้ำเสียงนั้นไร้ซึ่งความนุ่มนวลอ่อนโยนหากแต่กลับกลายเป็นความน่าพิศวงกระทั่งแม่นมเฉินยังรู้สึกคลายใจ
ยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางที่เย็นชาไร้หัวใจของคุณหนู บ่าวผู้ชรากลับยิ่งรู้สึกว่า ผ่านไปแค่เพียงขวบเดือนเท่านั้น คุณหนูก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก นางกลายเป็นนายหญิงที่ทุกคนในเรือนน้อยล้วนยอมสิโรราบ
หากวิญญาณของฮูหยินที่สถิตอยู่บนสรวงสวรรค์ได้เห็นคุณหนูในยามนี้คงจะต้องยินดีปรีดาอย่างยิ่งเป็นแน่ !
เป็นดั่งที่เกอซีคาดคิดจริง หลังจากได้รับยาบำรุงชุดนี้ติดต่อกันนานครบเจ็ดวัน ฮูหยินน่าหลานคาดว่าเกอซีจะไร้พิษสงใด ถึงตอนนั้นนางจะจัดแจงนัดหมายพบปะกับบิดาสกุลจู และบุตรชายอีกครา
ตระกูลจูนับเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง และมั่งคั่งตระกูลหนึ่งในอาณาจักรจินหลิง ฮูหยินของจูอวี้ฉวินนายท่านแห่งสกุลจู ก็มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงโดดเด่น อีกทั้งจูเยราเยร่าน้องสาวคนเล็กของจูอวี้ฉวินคือผู้ที่เข้าถวายงานในวังกระทั่งยามนี้ยังได้ดำรงตำแหน่งพระชายา จูเยราเยร่าคือพระมารดาขององค์ชายหกผู้เป็นพระโอรสองค์โปรดในองค์พระจักรพรรดิ์ เพียงเส้นสายในราชสกุล ตระกูลจูก็สามารถเทียบเคียงได้กับสี่ตระกูลใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลแห่งเยียนจิงแล้ว
ทว่าโชคร้ายยิ่งนักที่นายท่านแห่งสกุลจูกลับให้กำเนิดบุตรชายผู้โง่เขลาร่างอวบอ้วนที่ทั้งอ่อนแอและอัปลักษณ์ยิ่งนัก เขามักไปเที่ยวเริงสำราญตามหอเริงรมย์ทั้งยังฉุดคร่าบุตรสาวจากสกุลต่ำสร้างเรื่องน่าอับอายไม่เว้นแต่ละวัน แม้จะยังไม่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนหากแต่กลับมีอนุมากมายเต็มเรือนถึงเจ็ดแปดนาง
ความเป็นผู้โง่เขลาราวกับคนไร้การศึกษารูปร่างประดุจสุกรเยี่ยงนี้ จะมีคุณหนูสกุลผู้ดีนางใดต้องการจะออกเรือนด้วยกันเล่า ? เห็นจะมีแค่เพียงสาวน้อยจากสกุลไร้ชื่อเสียงที่นายท่านแห่งสกุลจูเหยียดหยามเท่านั้นที่พอจะยอมออกเรือนด้วย และนี่คือเหตุที่ทำให้จูจงป้ายังคงมิได้ตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝามาจนถึงกระทั่งทุกวันนี้
***จบตอน ละครเวทีฉากใหญ่***