ตอนที่ 279 จับมัดไว้ข้างกาย
เกอซีผลักร่างของหนานกงยวออกทั้งดวงหน้าแดงก่ําน้ําเสียงขัดข้อง “นี่เจ้าแตะจับอะไรกันหนักหนา ? จอมลามก ! ข้าไม่เป็นไร เพียงอยากขึ้นไปสํารวจดูยอดผาเท่านั้น เมื่อครู่ข้ายังพบหมาป่าปีศาจดําถึงสองตัวด้วยซ้ํา”
หมาป่าปีศาจดําคือปีศาจอสูรขั้นสาม แม้พลังเวทของมันจะไม่สูงส่งอย่างร้ายกาจ หากทว่าพวกมันชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงหากได้เห็นแม้เพียงหนึ่ง ย่อมหมายความว่าแท้จริงจํานวนของพวกมันย่อมมีมากนับสิบ
แม้พลังฝีมือในยามนี้ของเกอชีจะสูงส่งเพียงพอสามารถรับมือพวกมันได้
“เหตุใดเจ้าไม่เรียกข้า ?”
นางถลึงตาจ้องเขาด้วยความงุนงง เพียงเมื่อครู่ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างรุนแรงปรากฏชัดอยู่บนใบหน้าของ เขาทว่ายามนี้ทั้งหมดทั้งมวลพลันสลายคลายกลายเป็น ความเกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด… นี่เขาเป็นพวกอารมณ์ แปรปรวนกระนั้นหรือ ?
“พวกมันล้วนเป็นแค่เพียงปีศาจอสูรขั้นสามเท่านั้นข้าย่อมจัดการได้อย่างไม่คณามือ”
กล่าวจบ นางกลับหลังหันไปหาปากถ้ําคล้ายจะกลับเข้าสู่ด้านในเหยียดฝ่าเท้าออกไปได้แค่เพียงสองก้าวก็กลับถูกอีกฝ่ายกระชากกลับไปหา
เกอซีพยายามดิ้นรนให้หลุดรอด หากทว่าความแข็งแกร่งของหนานกงยี่ฟื้นคืนสู่สภาพดังเดิม เช่นนั้นมีหรือที่นางจะต่อกรกับเขาได้
เพียงอึดใจ ฝ่ามือของชายหนุ่มก็รวบรัดข้อมือทั้งสองของเกอซีไพล่กลับไปทางด้านหลัง ขณะที่อีกมือของเขาโอบกระ ชับรอบเอวอ่อนบางกดรั้งร่างนางเข้าแนบชิดแผ่นอกอย่าง มั่นคง “คราหน้า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นจงอย่าทิ้งข้าไว้เช่นนี้อีกได้ยินไหม ?”
เกอซีออกแรงกระชากตนให้หลุดจากพันธนาการของอีก ฝ่ายอย่างเต็มที่ทว่าที่สุดกลับกลายถูกกดเรือนกายให้ยิ่งแนบสนิทไปกับร่างของอีกฝ่ายถึงระดับที่ไร้สิ้นช่องว่างระหว่างกันไปโดยดุษฎี
“หนานกงย! ถ้าจะกระทําถึงเพียงนี้ก็หาเชือกมามัดข้าไว้เสียเลยสิ !”
ที่กล่าวไปเนื่องเพราะความฉุนเฉียวสุดฤทธิ์ หากทว่าอีกฝ่ายกลับนัยน์ตาเป็นประกายมันวาวขึ้นทันที “เยี่ยม !”
ติดตามมานั้นคือ เส้นไหมทองคําที่หนาขนาดประมาณเท่าข้อนิ้วที่ใจกลางฝ่ามือชายหนุ่ม ทั้งยังมิทันให้เกอซีตระ หนักได้ว่ากําลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งใดฝ่ามือของเขาก็อ้อมไปด้านหลังอีกฝ่าย
อาวุธเวทระดับสูงชิ้นนี้มีนามเรียกขานว่า เส้นไหมทองคําซึ่งแม้กระทั้งกระบี่เหินเวหาย่อมไม่อาจตัดขาด ทั้งไม่อาจใช้ ทั้งน้ําและไฟในการทําลายล้างมันให้พินาศ หากนางถูกเส้นไหมทองมัดไว้จริง มีหรือที่จะหาหนทางหลีกหนีไปได้ ?
หญิงสาวยิ่งดิ้นรนหลีกหนีอย่างเต็มกําลัง “หนานกงยวนี่เจ้ากําลังล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ ?”
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าล้อเล่นไหมเล่า ?” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างใบหูนางด้วยน้ําเสียงแหบพร่า “ผู้ใดใช้ให้เจ้าไม่ยอมอยู่ในโอวาทเช่นนี้ ผู้ใดใช้ให้เจ้าเอาแต่คอยวิ่งหนีข้าร่ําไปเช่นนี้หากต้องคอยเฝ้าห่วงพะวงในความปลอดภัยของเจ้า เช่นนั้น จับเจ้ามัดไว้กับข้ามิสู้ดีกว่าหรือ”
อายเย็นประดุจน้ําแข็งของเส้นไหมทองคําที่รัดรอบข้อมือแผ่ซ่านออกให้หญิงสาวได้รับรู้ ความกระวนกระวายภายในใจยิ่งร้อนรุ่ม แม้นางจะพยายามขับเปล่งพลังปราณภายในออกขัดขืนกระนั้นก็ยังไม่อาจหลุดรอดอุ้งมือของหนานกง ยวไปได้
“ซีเอ๋อ ข้าย่อมช่วยเจ้าปลดเส้นไหมนี้ได้ ขอเพียงเจ้ายอมรับปากว่าเจ้าจะคอยรั้งอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลาเท่านั้น”
มีหรือที่เกอชีจะกล้าต่อฝีปากกับบุรุษบ้าระห่ําเช่นนี้ 2 ผู้ฉลาดย่อมรู้จักสู้เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบเช่นนั้นหญิงสาวจึงรีบผงกศีรษะรับอย่างไม่ลังเล “ก็ได้ ! กลัวแล้วก็ได้รับคําก็ได้พอใจหรือยัง ? ครานี้ก็รีบปล่อยข้าไปเสียที
แค่เพียงเท่านี้ อีกฝ่าย ก็พึงพอใจพร้อมยอมปลดปล่อยมือของนางให้คืนสู่อิสระดังเดิมเกอซีรีบกระโดดโหยงถอยหลังใบหน้าของนางยัง บ่งบอกความระแวง ทั้งยังระแวดระวังสายตาถลึงจ้องเขาก่อนจะหันกายมุ่งกลับเข้าถ้ํา
แววตาที่งดงามเด็ดเดี่ยวคู่นั้นเปล่งประกายงดงามประดุจแม่เสือสาวตัวน้อยยิ่งเห็น ก็ยิ่งพาจิตใจให้สั่นไหวชายหนุ่มเหยียดท่อนแขนออกรั้งร่างของนางเข้ามาหาอีกครา
ฉับพลันร่างของหญิงสาวก็เคลื่อนถอยกลับไปอย่างไม่อาจ ควบคุมครั้นเมื่อรู้สึกตัวอีกคราเกอซีจึงเพิ่งรู้ว่านางคืนกลับเข้าสู่อ้อมอกของหนานกงยีอีกรอบแล้ว
เขาก้มลงจุมพิตริมฝีปากแดงระเรื่อสดใสนั้นด้วยความรักความเสน่หาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าเขาจะยอมผละจากริมฝีปากของนางน้ําเสียงนุ่มนวลบางเบาประหนึ่งสายลมที่พริ้ว ผ่านผิวน้ําดังขึ้น “ซีเอ๋อข้าอยากทําเช่นนี้มานานแล้ว”
เกอซียกมือขึ้นปาดเช็ดริมฝีปากที่ถูกจูบจนระบมไปหมดด้วยท่าที่ดุดันทั้งยังอดมิได้ที่จะจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทีถึงทิ้งยังดีที่นางไม่คิดยั่วโทสะเจ้าหนุ่มคลั่งกวนประ สาทผู้นี้ หญิงสาวสะบัดกายกลับเข้าถ้ําไป
ครั้นเมื่อเก็บทุกสิ่งที่นําออกใช้กลับไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงเร่งเดินขึ้นสู่ยอดผาเมื่อวานเกอซีคือผู้แบกร่างหนานกงยี่ปินขึ้นผาทว่าครานี้กลับเป็นหนานกงยี่ที่ตระกองโอบเอวอีกฝ่ายหอบทะยานขึ้นสู่ยอดผาด้วยช่วงเวลาเพียงอึดใจท่ามกลางเสียงบ่นประท้วงไม่หยุดปากจากคนร่างบาง
***จบตอนจับมัดไว้ข้างกาย***