พอถูกโจวจิ้งยัดลูกอมรสนมให้เพราะกลัวอีกฝั่งจะไหวตัวทัน เฮ่อซวินก็หลุดขำออกมา
“อย่าร้องเลยนะ ออกไปข้างนอกกันเถอะ” หลินเกาปลอบพลางซับน้ำตาให้เด็กสาวในอ้อมกอด
หากเนื้อเรื่องไม่ถูกสปอยมาก่อน นี่จะเป็นละครฉากที่สวยงามมาก ไม่น้ำเน่าเหมือนในตอนนี้ เมื่อถูกปลอบด้วยความอ่อนโยนเด็กสาวก็ไม่พูดอะไรต่อและเดินตามหลินเกาออกไปอย่างว่าง่าย พอพวกเขาคล้อยหลังไป โจวจิ้งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอยอมรับว่าอีคิวของหลินเกาสูงมาก ขนาดคบกับเถาม่านอยู่ยังมีผู้หญิงมาสารภาพรัก นอกจากจะไม่ปฏิเสธ เขายังให้ความหวังกลับไปอีก ทั้งยังดูแลความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ ฝีมือของเขานับว่าไม่ธรรมดา
“จะปล่อยได้ยัง?” เฮ่อซวินโพล่งขึ้น
โจวจิ้งก็มองมือของตัวเองที่กำลังขยำเสื้อของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบปล่อย
เฮ่อซวินมองหน้าเธอด้วยความระอา แล้วลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร
“เดี๋ยวก่อน!”
“อะไรอีก?” เขาถูกเธอคุกคามจนเริ่มปลง
“ได้ข่าวว่าเธอเป็นตัวท็อปของยวู่เต๋อ ไม่สอบได้ที่หนึ่งก็ที่สองจริงไหม?” โจวจิ้งเลิกคิ้วถาม
“ต้องการอะไร พูดมาตรงๆ”
“ติวหนังสือให้ฉันหน่อย”
“ไม่มีทาง!”
“ทำไมล่ะ ฉันจ้างก็ได้นะ” โจวจิ้งเสนอทั้งที่รู้ดีว่าเฮ่อซวินคงไม่ยอมรับ
จากที่เคยให้เธอยืมเงิน เขาคือผู้ชายใจดีและน่ารักคนหนึ่งซึ่งต่างจากภาพลักษณ์ภายนอกที่แสนเย็นชามาก
“เธอคิดจะแกล้งฉันใช่ไหม?” เฮ่อซวินถามโดยไม่หวังคำตอบ “วิธีนี้เรียกร้องความสนใจจากหลินเกาไม่ได้หรอกนะ!”
“เกี่ยวอะไรกับหลินเกา?” โจวจิ้งมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ “แล้วถ้าฉันบอกว่าอยากกลับตัวกลับใจ เธอจะเชื่อไหม?”
“ไม่เชื่อ!”
“ถ้าไม่อยากติวให้ งั้นขอยืมสมุดจดไปอ่านเองได้ไหม?”
“ไม่ได้!”
“ทำไม?”
เธอเข้าใจเรื่องที่เฮ่อซวินถูกตราหน้าว่ามนุษยสัมพันธ์แย่ แต่ไม่คิดว่าจะใจร้ายขนาดนี้
“อยากได้ก็ไปหาหยวนคังฉีสิ เขาเป็นคนน้ำใจงาม น่าจะยอมให้ยืม!” พูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่ถูกโจวจิ้งรั้งไว้อีกครั้ง
“ไม่ยืม!”
“ทำไม?” ถึงตาเฮ่อซวินตั้งคำถามบ้าง
หยวนคังฉีคะแนนดีไล่เลี่ยกับเขา ไม่มีเหตุผลที่เธอจะปฏิเสธ ส่วนข่าวลือที่ว่าโจวจิ้งเปลี่ยนใจจากหลินเกามาชอบตัวเอง เขาก็ไม่เคยเชื่อ อาจเพราะเห็นความพยายามในการตามจีบของโจวจิ้งมาตลอดสิบปี จึงเป็นการยากที่เธอจะเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น
โจวจิ้งอธิบายอย่างหนักแน่น “ฉันต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง!”
เฮ่อซวินถึงกับหยุดเดินเพื่อฟังเหตุผลของอีกฝ่าย
“ถึงหยวนคังฉีจะเรียนดี แต่คะแนนวิทย์ของเธอเพอร์เฟกต์กว่า”
ตอนที่เฝิงเอี้ยนอธิบายเรื่องสอบแบ่งห้องให้ฟัง โจวจิ้งได้ถามเกี่ยวกับคะแนนสอบของพวกเขาด้วย
เฝิงเอี้ยนเล่าทุกอย่างโดยละเอียด แม้ทั้งคู่จะคะแนนสูสีกัน แต่คะแนนวิทยาศาสตร์ของเฮ่อซวินนั้นดีกว่า เพราะสอบได้เต็มทุกครั้ง
อุปสรรคอันสูงสุดของเด็กสายศิลป์ที่จำต้องเปลี่ยนมาเรียนสายวิทย์คือการสอบวัดระดับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์
มันคือจุดด้อยที่เด่นที่สุดของเธอ ขณะที่เฮ่อซวินทำได้อย่างยอดเยี่ยม และต่อให้คะแนนรวมของหยวนคังฉีจะออกมาดี แต่ก็ยังสู้เฮ่อซวินไม่ได้
ด้วยนิสัยชอบเอาชนะ การได้ที่สองคือความพ่ายแพ้ที่เธอยอมรับไม่ได้
เมื่อถูกยกเหตุผลนี้มาพูด เฮ่อซวินก็ได้แต่จ้องใบหน้าขาวสะอาดของสาวผมทองตรงหน้า
ร่างเล็กเพรียวบางของเธออยู่ต่ำกว่าหัวไหล่ของเขา แต่กลับยืนหลังตรงเหมือนไม่กลัวอะไร
“ติวให้ฉันได้ไหม?” โจวจิ้งทำเสียงออดอ้อน
“ไม่ได้!” เฮ่อซวินยังคงใจแข็ง
“ขี้งก! ฉันไม่ได้จะเอาสมุดไปฉีกเล่นสักหน่อย แค่ขอยืมเอง!” เธอบ่นกับตัวเอง ขณะเอามือขยี้หัวอย่างหงุดหงิด
แผ่นหลังกว้างของเฮ่อซวินดูอบอุ่น ยิ่งถูกแดดในฤดูร้อนส่องกระทบ ก็ยิ่งโดดเด่นชวนหลงใหล
โจวจิ้งส่ายหน้าพลางบ่นในใจ—เป็นคนดีก็จริง แต่อารมณ์ร้ายไม่เบา!
เมื่อกลับถึงหอ เฮ่อซวินไม่นอนกลางวันเหมือนเคย
ปกติเขาจะงีบเพื่อคาบบ่ายจะได้ไม่เพลียมาก เพราะสิ่งที่เด็กวัยนี้ต้องการก็คือการนอน
เฮ่อซวินนั่งเล่นมือถือไปเรื่อยๆ ส่วนลูกอมรสนมที่ได้จากโจวจิ้งก็ถูกโยนไว้บนโต๊ะ
การที่เขาปฏิเสธอาจเป็นเรื่องสมเหตุสมผล แต่กลับทำให้รู้สึกผิดจนถึงตอนนี้
สมุดจดสองเล่มยังคงวางอยู่บนโต๊ะ เขาไม่เข้าใจว่าโจวจิ้งจะเอาไปทำไม เพราะต่อให้กลับตัวกลับใจ เธอก็อ่านไม่เข้าหัวอยู่ดี
แม้ใจจะไม่อยากช่วย แต่เฮ่อซวินกลับเก็บสมุดสองเล่มนั้นลงกระเป๋าไป
ขณะเจ้าอ้วนและเจ้าผอมกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง หยวนคังฉีที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำก็คว้าหนังสือแล้วเตรียมตัวออกจากห้อง
“ร้อนขนาดนี้จะออกไปไหน? นั่งติวในหอก็ได้” เจ้าผอมทัก
“มีคนอยากยืมสมุดจดของฉัน” หยวนคังฉีโบกสมุดในมือ
“โจวจิ้ง?” เฮ่อซวินถาม
“รู้ได้ไง?” หยวนคังฉีขมวดคิ้ว
“เธอจะเอาสมุดไปทำอะไร? หรือว่า… จะเอาไปเผา!” เจ้าผอมทำหน้าตกใจ “รู้ว่าเฮียหยวนใจดี แต่ถ้าสมุดจดโดนเผาตอนอยู่มัธยมหกแล้วต้องมานั่งจดใหม่ก็ฉิบหายพอดี!”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอก อาจแค่อยากกลับตัวกลับใจน่ะ”หยวนคังฉีลูบคางครุ่นคิดแล้วหันไปทางเฮ่อซวิน “จะไปด้วยกันไหม?”
เฮ่อซวินที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่ส่ายหน้า
“งั้นฉันไปก่อน เจอกันที่ห้องเรียน”
พออีกฝ่ายออกจากห้องไป เจ้าอ้วนและเจ้าผอมก็มองตากันแล้ววิเคราะห์เรื่องที่โจวจิ้งยืมสมุดจดของหยวนคังฉี แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าเธอต้องเอามันไปทำมิดีมิร้ายแน่นอน
เฮ่อซวินก้มดูหน้าจอมือถือที่พิมพ์ข้อความค้างไว้ “ออกมาเอาสิ”
ผู้รับปลายทางคือโจวจิ้ง แต่ไม่ทันจะได้กดส่ง เขาก็ลบข้อความทิ้งแล้วควักสมุดสองเล่มออกจากกระเป๋าด้วยความรู้สึกผิดหวัง