เมี่ยเจวี๋ยดันแว่นตาแล้วมองโจวจิ้งที่ยืนอยู่กลางห้องฝ่ายปกครอง
“ต่อให้ส่งแค่กระดาษเปล่าหรือไม่ตั้งใจเรียนยังไง ก็ไม่เคยโกงข้อสอบ มาวันนี้กลับหาทางออกแบบไร้ยางอาย น่าผิดหวังจริงๆ!”
คำพูดของเมี่ยเจวี๋ยเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ เจ็บแสบจนคนที่ได้ฟังต้องอับอายแทบมุดดิน
หน้าห้องฝ่ายปกครองมีคนมายืนมุงเต็มไปหมด แม้ครูประจำชั้นจะไล่นักเรียนของตัวเองกลับแล้วก็ตาม คาดไม่ถึงว่าความโกรธแค้นที่พวกเขามีต่อการสอบได้ที่สามของโจวจิ้งจะเลวร้ายขนาดนี้
“ทั้งห้องมีแต่คนสอบได้คะแนนท้ายๆ แล้วจะให้ไปลอกใคร ครูลองเทียบคะแนนสอบของพวกนั้นดู มีใครได้มากกว่าหนูไหม?” โจวจิ้งเริ่มเหลืออดกับเรื่องไร้เหตุผลแล้ว
“เธอใช้มือถือได้” เมี่ยเจวี๋ยตอบอย่างรวดเร็ว
“ก่อนเข้าห้องสอบต้องโดนตรวจกระเป๋าทุกคน แล้วหนูจะเอามือถือเข้าไปได้ยังไงคะ?”
“ต้องมีหลุดกันบ้างแหละ!” เมี่ยเจวี๋ยยังคงไม่ลดละ
โจวจิ้งถึงกับหัวร้อน “สรุปครูจะเอายังไง?”
“ก็แค่ยอมรับว่าโกงข้อสอบ คะแนนจะได้เป็นโมฆะ ดีแค่ไหนแล้วที่โดนหักคะแนนความประพฤติแต่ไม่โดนไล่ออกน่ะ!”
“ยอมให้คะแนนสอบเป็นโมฆะ แล้วยังต้องถูกหักคะแนนความประพฤติทั้งๆ ที่ทำข้อสอบได้อีก มันจะเกินไปแล้วนะครู! มาหาว่าโกงข้อสอบ มีหลักฐานไหม?” โจวจิ้งเริ่มหมดความอดทน
“แล้วเธอมีหลักฐานว่าไม่ได้ลอกข้อสอบไหมล่ะ?” เมี่ยเจวี๋ยหัวเราะ
หน้าห้องฝ่ายปกครอง มั่วลี่สะกิดเจ้าเขียว “ทำไมเจ๊ถึงโกงข้อสอบล่ะ?”
เจ้าเขียวถอนหายใจพลางตอบ “ระบบอาจจะผิดพลาดก็ได้”
“พูดเป็นเล่น ถูกเรียกเข้าห้องฝ่ายปกครอง ไม่น่าใช่ปัญหาของระบบแล้ว”
นักเรียนที่สอดแนมอยู่ด้านนอกตื่นเต้นกับความจริงที่จะถูกเปิดเผยมาก แม้โจวจิ้งจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่มีใครยอมเชื่อ
จากคนที่ไม่ตั้งใจเรียนนานกว่าสามปี ส่งกระดาษเปล่าทุกครั้งที่สอบ จู่ๆ ก็เปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ ขนาดเด็กยวู่เต๋อที่ขยันอ่านหนังสือทุกวัน ยังพัฒนาฝีมือได้ไม่เท่าเธอ
“หนูไม่ยอม!” โจวจิ้งยืนกรานปฏิเสธ
ถ้าเธอไม่ยอมซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้? กล้องวงจรปิดก็ไม่มี หลักฐานก็ไม่มี จะข่มขู่เคี่ยวเข็ญเอาโคมไฟส่องเอากระบองฟาดรึยังไง!
โจวจิ้งเริ่มชินกับการเป็นหัวโจกของโรงเรียนแล้ว โดยเฉพาะกิริยาท่าทางที่คล้ายเจ้าของร่างเดิมเข้าไปทุกที
เมี่ยเจวี๋ยหัวเราะ “รู้อยู่แล้วว่าจะต้องพูดแบบนี้ วันนี้ท่านผู้อำนวยการกลับมาพอดี ให้เขาจัดการต่อแล้วกัน” เธอจ้องหน้าโจวจิ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย “ผู้ปกครองของเธอทราบเรื่องแล้ว สักพักคงมาถึง”
เรียกผู้ปกครองงั้นเหรอ?
โจวจิ้งเลี่ยงที่จะเจอกับครอบครัวเพราะกลัวตัวตนถูกเปิดเผย แต่กลับโดนสถานการณ์ตรงหน้าบังคับ
“วันนี้ยังวุ่นวายไม่พอหรือไง!” เธอพึมพำอย่างหัวเสีย
แววตาสิ้นหวังของเธออยู่ในสายตาของเมี่ยเจวี๋ยตลอด จึงถูกเย้ยหยันว่า “รอให้ผู้ปกครองมาถึง จะได้เห็นดีกัน!”
“เรียกผู้ปกครองเลยเหรอ?” มั่วลี่ที่แอบฟังอยู่ข้างหน้าต่างถึงกับตะลึง
หลินเกาและเถาม่านไม่ได้เบียดเสียดร่วมกับฝูงชนที่หน้าห้องฝ่ายปกครอง เพียงยืนอยู่ห่างๆ เท่านั้น แต่พอได้ยินคำนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
“เรื่องนี้ดูท่าจะแก้ยากแล้ว” เจ้าผอมกระซิบบอกหยวนคังฉี “ต่อให้โจวจิ้งรับผิดแล้วถูกหักคะแนนความประพฤติ แต่คนอีโก้สูงอย่างเธอคงรับไม่ได้และลาออกแน่นอน”
หยวนคังฉีเริ่มเครียด ส่วนเฮ่อซวินก็เอาแต่จ้องประตูห้องฝ่ายปกครองตาไม่กะพริบ
“ผู้อำนวยการกลับมาแล้ว!” นักเรียนคนหนึ่งตะโกนบอก ก่อนที่ทุกคนจะพากันหลบฉากเพื่อเปิดทางให้ผู้มาใหม่เดิน
ขณะที่โจวจิ้งและเมี่ยเจวี๋ยอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปี ร่างกายอวบอ้วนลงพุง หัวล้านตรงกลาง หน้าตาเป็นมิตรก็เดินเข้ามา
“กลับมาแล้วเหรอคะ?” เมี่่ยเจวี๋ยรีบซ่อนใบหน้าดุร้ายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “เรื่องที่เกิดขึ้น…” เธอปรายตามองโจวจิ้งที่ยืนอึ้งอยู่
เพราะหน้าตาแสนธรรมดาค่อนไปทางขี้เหร่ของผู้อำนวยการ ทำให้เธอเลิกคิดว่าเมี่ยเจวี๋ยหลงรักอีกฝ่าย ถ้าไม่ใช่จะเขินอายขนาดนี้ทำไม
ครูคนอื่นๆ พากันลุกขึ้นทำความเคารพผู้อำนวยการ
“ช่วงนี้เหนื่อยไหมครับ” เขาถาม
“ไม่เหนื่อยค่ะ” เมี่ยเจวี๋ยตอบ
“ผมทราบเรื่องของนักเรียนคนนี้แล้ว” เขาหันมองโจวจิ้ง
ที่เหนือความคาดหมายก็คือ เขาไม่โกรธหรือดุด่าเธอ ซ้ำยังพูดอย่างใจเย็น “เรื่องแบบนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียด จะใส่ร้ายใครไม่ได้…”
พูดยังไม่ทันจบดี เสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้นที่ด้านนอก
เมื่อผู้อำนวยการไม่เข้าข้าง เมี่ยเจวี๋ยก็ถลึงตาใส่โจวจิ้งที่ยังคงทำหน้างง
“พ่อของเธอมาแล้ว” ผู้อำนวยการส่งยิ้มให้ “คุยกันด้วยเหตุผลน่าจะดีกว่า”
พ่อของโจวจิ้งไม่เคยโผล่มาที่โรงเรียน ทุกครั้งที่มีประชุมผู้ปกครองก็จะติดธุระตลอด จึงไม่รู้ว่าคนในโรงเรียนได้ข่าวว่าเขาเป็นเศรษฐีจากไหน
รถฮัมเมอร์ป้ายแดงขับเข้ามาจอดที่หน้าตึกเรียน ตามด้วยบอดี้การ์ดสี่คนในชุดสีดำ สวมแว่นตาดำ ลงมาเปิดประตูให้
ชายวัยกลางคนก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้า ท่วงท่าของเขาทำโจวจิ้งหัวใจแทบวาย
มั่วลี่เคยเล่าว่าบ้านของเธอรวยมาก แต่ไม่ได้บอกว่าทำอาชีพอะไร ถ้าเกิดคุณพ่อท่านนี้รู้ว่าลูกสาวของเขาไม่ใช่ตัวจริง เธออาจถูกเก็บก็ได้
หัวใจของโจวจิ้งเต้นรัวผิดจังหวะ นักเรียนที่ยืนมุงพากันแหวกทางให้คุณพ่อในตำนานเดินผ่าน กว้างกว่าตอนแหวกทางให้ผู้อำนวยการเสียอีก
แน่นอนว่าความนักเลงในตัวโจวจิ้ง สืบทอดผ่านทางสายเลือดนี่เอง
พอถึงหน้าห้องฝ่ายปกครอง บอดี้การ์ดสี่คนนั้นก็แยกออกเป็นสองแถว เปิดทางให้ชายร่างสูงใหญ่เดินเข้าประตูไป
ชุดสูทของเขาดูแพงมาก เมื่อถอดแว่นดำออก โจวจิ้งก็ถึงกับตาสว่าง
แม้ในโรงเรียนจะมีหนุ่มหล่อไม่น้อย แต่โจวจิ้งไม่ใช่สาวสิบแปดที่จะตกหลุมรักใครง่ายๆ ยกเว้นเฮ่อซวินที่ค่อนข้างดูดีมีระดับ แต่ยังขาดเสน่ห์อยู่มาก
เธอชอบผู้ชายแก่กว่าที่ประสบความสำเร็จและมีความเป็นผู้นำสูง แต่พวกนั้นมักจะอ้วนลงพุงแล้ว
แม้จะอยู่ในวัยกลางคน แต่เขาดูแลตัวเองดีมาก ผมดกดำโครงหน้าได้สัดส่วน หุ่นฟิตเปรี๊ยะ ดวงตาเป็นประกาย คิ้วหนาเรียงสวย เปี่ยมไปด้วยความเป็นชายที่หนักแน่นมั่นคง การแต่งกายสะอาดสะอ้านหรูหรามีระดับต่างจากผู้อำนวยการที่ยืนอยู่ด้านข้างราวฟ้ากับเหว
“ลูกสาวผมก่อเรื่องอะไรอีก?” เขาถามพลางเหลือบมองโจวจิ้ง
“ช่วยเล่าให้คุณพ่อฟังอย่างละเอียดทีนะ” ผู้อำนวยการบอกเมี่ยเจวี๋ยที่เขินจนหน้าแดงก่ำ
“คือว่า… เธอโกงข้อสอบค่ะ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำ!” โจวจิ้งตะคอกกลับ
“โกงข้อสอบ?” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ขอโทษนะครับ ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ก็ผิดพลาดทางเทคนิคบางอย่าง”
คำพูดของเขาหนักแน่นจนทุกคนที่ฟังรู้สึกประหลาดใจ
โจวจิ้งซาบซึ้งกับคำพูดของอีกฝ่ายมาก แม้ความสัมพันธ์ของเจ้าของร่างกับครอบครัวจะไม่สู้ดี แต่คุณพ่อแสนรวยคนนี้กลับเชื่อใจลูกสาวของเขา
“ตั้งแต่ประถมสี่ แค่จะให้ส่งกระดาษเปล่าที่เขียนชื่อตัวเองบนหัวข้อสอบยังยากเลย ลูกผมคงไม่ขยันถึงขนาดโกงข้อสอบหรอกครับ”
โจวจิ้งเริ่มรู้สึกว่า เฮ่อซวินน่าจะเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อเธอมากกว่า เพราะสำนวนการพูดเหมือนกันเป๊ะ
“พวกคุณลองเช็คดูว่าผิดพลาดตรงไหน ลูกสาวผมไม่มีทางโกงข้อสอบแน่นอน!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“คุณพ่อคงไม่รู้ว่าโจวจิ้งสอบได้ที่เท่าไหร่”
“เท่าไหร่ครับ?”
“ที่สาม… สูงกว่าเถาม่านอีกนะคะ” เมี่ยเจวี๋ยตอบ
ประโยคนี้ทำพ่อของเธอหน้าถอดสี ไม่รู้ว่าตกใจกับลำดับของโจวจิ้งหรือตกใจที่เถาม่านแพ้กันแน่
ทำไมครูต้องพูดถึงเถาม่าน หรือพวกเขาจะรู้จักกัน? โจวจิ้งเริ่มเอะใจ
พอเห็นอีกฝ่ายถูกพ่อแท้ๆ ทำหน้าดุใส่ เมี่ยเจวี๋ยก็ถือโอกาสยุแยงตะแคงรั่ว
“การสอบแบ่งห้องไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ทุกคนที่ด้านนอกมุ่งมั่นกับเรื่องนี้มาก โรงเรียนจำเป็นต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายค่ะ”
คำพูดของเธอมีเหตุผลจนพ่อของโจวจิ้งเถียงไม่ออก ได้แต่มองหน้าลูกสาวด้วยความลำบากใจ
โจวจิ้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องจบไม่สวย แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานว่าเธอโกง ก็คงต้องสู้ให้ถึงที่สุด
“ครูกำลังจะบอกว่า เพราะหนูโกงทำให้บางคนเข้าห้องกิฟต์ไม่ได้งั้นเหรอ? ยวู่เต๋อสอนให้นักเรียนโทษคนอื่น ดูถูกความสามารถของคนอื่น แต่ไม่คิดจะเอาเวลาไปพัฒนาตัวเอง เด็กห้องบ๊วยคือเด็กโง่ ถ้าสอบได้คะแนนดีแปลว่าโกงข้อสอบเท่านั้น ระบบการศึกษาบ้าบออะไรเนี่ย!”
เธอพูดเสียงดังฟังชัดท่ามกลางความเงียบสงบของคนทั้งในห้องและนอกห้อง
แม้จะเป็นคำพูดที่ตรงและมีเหตุผล แต่พอออกจากปากของโจวจิ้งก็ดูน่าสมเพชอย่างบอกไม่ถูก
“อยากได้หลักฐานว่าหนูไม่ได้ลอกใช่ไหม งั้นครูก็ออกโจทย์ใหม่มาเลย จะนั่งทำหน้าเสาธงคนเดียวให้ดู จะได้เลิกใส่ร้ายกันสักที!”
“OMG เจ๊ผีเข้าแน่ๆ เลย!” มั่วลี่เบิกตากว้าง
หยวนคังฉีกลั้นหัวเราะแล้วใช้ข้อศอกสะกิดเฮ่อซวิน “นายว่าเธอจะทำได้ไหม?”
เฮ่อซวินยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะทำหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม