ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน – ตอนที่ 117 หยุดยั้ง

นอกจากเรื่องนี้ อวี้ถังก็นึกไม่ออกอีกแล้วว่ากู้ฉ่างมาหลินอันเพราะเหตุใด

แต่ว่า ไฉนกู้ฉ่างถึงมาไถ่ถามเรื่องหลี่ตวนจากเผยเยี่ยนได้ล่ะ?

ชาติก่อนก็ไม่เคยได้ยินว่าสกุลเผยและสกุลกู้จะมีความสัมพันธ์อะไรมาก่อน

บางทีอาจเป็นเพราะชาติก่อนสกุลหลี่และสกุลกู้เกี่ยวดองกัน เทียบกับสกุลเผยแล้ว สกุลกู้จึงสนิมสนมกับสกุลหลี่มากกว่า?

อวี้ถังมองไปยังเผยเยี่ยน

แววตาที่อยากรู้อยากเห็น ระยับวับวาวอยู่ตรงหน้า ทำให้เผยเยี่ยนไม่อาจมองข้ามได้จริงๆ

เขาทั้งขบขันทั้งโมโห “เขามาถามข้ามีอันใดไม่ถูกกัน? หรือข้าดูน่าเชื่อถือน้อยกว่าหลี่ตวนอย่างนั้นรึ?”

ประเด็นหลักอยู่ที่ว่าพวกเจ้าทั้งสองต่างก็เป็นจิ้นซื่อสองป้ายน่ะสิ?

คนในแวดวงบัณฑิตล้วนรู้เรื่องนี้ดี

อวี้ถังไม่ได้เอ่ยอันใด

อวี้เหวินละล่ำละลักเอ่ย “คุณชายใหญ่กู้มาไถ่ถามอะไรบ้างรึ?”

ผู้ที่เป็นบัณฑิตมีฐานะสูงส่ง หากกู้ซีเผยความไม่พอใจต่ออวี้ถัง ถึงกระทั่งแสร้งตำหนินางต่อหน้าผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ เกรงว่าชื่อเสียงของอวี้ถังก็คงมลายหายสิ้นแล้ว

ความกังวลของเขาไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว

เผยเยี่ยนทอดสายตามองอวี้ถัง

อวี้ถังคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้

ชาติก่อน สาวใช้สินเดิมของกู้ซีพวกนั้นสรรเสริญเยินยอคุณชายใหญ่ของสกุลกู้ต่อหน้านางไม่น้อย นางก็ทำเพียงรับฟังเท่านั้น ชาตินี้ นางมีความคิดเป็นของตัวเอง แม้คิดว่าคำพูดของสาวใช้สินเดิมกู้ซีย่อมเกินจริงไปบ้าง แต่ดูจากการกระทำในชาติที่แล้วของกู้ฉ่าง เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน อยากจะทิ้งชื่อเสียงจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เช่นนั้นเขาย่อมเห็นความสำคัญของชื่อเสียง ไม่อาจทำเรื่องเล็กๆ ให้เสียการใหญ่ เพื่อทำลายนางกลับหลงเหลือชื่อเสียงด้านฝีปากคมคายเป็นภาพจำให้แก่ผู้คนได้หรอก

นึกไม่ถึงว่า คุณหนูอวี้จะมั่นใจในตัวเจาหยางไม่น้อย

นางไม่รู้จักกู้เจาหยางเสียหน่อย!

หรือนางเคยสืบเรื่องกู้เจาหยางมาก่อน?

นางไม่รู้เสียแล้วว่าใต้หล้าแห่งนี้มีผู้ที่เสแสร้งอยู่ในคราบนักบุญมากกว่าวีรบุรุษ?

เมื่อคิดเช่นนั้น ในใจของเขาก็รู้สึกแปลกประหลาด ทั้งไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในชั่วพริบตา จึงเล่าเรื่องกู้เจาหยางให้อวี้ถังฟังอย่างรู้แล้วรู้รอดไป “กู้เจาหยางซาบซึ้งใจไม่น้อยที่คนของสกุลอวี้เล่าเรื่องหลี่ตวนให้สกุลกู้ทราบ แต่เขาคิดว่าวิธีของคุณหนูอวี้ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง…แม้หลี่ตวนจะมีข้อผิดพลาด แต่สุภาพบุรุษไม่พูดลับหลังผู้อื่น พวกเจ้าเล่าเรื่องให้สกุลกู้อย่างไม่ปิดบังเช่นนี้ ทำให้นายท่านสองสกุลกู้ปะทุโทสะจนล้มหมอนนอนเสื่ออยู่หลายวัน”

อวี้ถังเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

บิดาของกู้ซีใส่ใจนางถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

ชาติก่อน กู้ฉ่างเดินเส้นทางข้าราชการอย่างราบรื่น ได้เป็นขุนนางใหญ่ นายท่านสองสกุลกู้เป็นห่วงกู้ซีก็เพราะกังวลเรื่องหน้าตาเท่านั้น ชาตินี้กู้ซียังไม่มีอำนาจ เหตุใดนายท่านสองสกุลกู้จึงโมโหจนล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเรื่องงานแต่งของกู้ซีได้?

กู้ฉ่างพูดเช่นนี้ เพื่อแก้ต่างการกระทำของตัวเอง? หรือคิดว่านางทำเกินไปอยู่จริงๆ อยากทำลายภาพลักษณ์นางในสายตาเผยเยี่ยน? หรือคิดจะเผยแพร่เรื่องนี้ผ่านเผยเยี่ยนออกไปอย่างนั้นรึ?

ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบใด อวี้ถังล้วนผิดหวังกับกู้ฉ่างเล็กน้อย

กลับเป็นอวี้เหวิน ได้ฟังแล้วก็เคร่งเครียดไม่น้อย เร่งเอ่ยถามเผยเยี่ยน “คุณชายใหญ่สกุลกู้พูดเช่นนี้จริงๆ รึ?”

เผยเยี่ยนมองอวี้เหวินอย่างเยือกเย็นไปที

อวี้เหวินลูบจมูกอย่างขุ่นเคือง

เผยเยี่ยนไม่ได้ปั้นคำพูดกู้ฉ่างเกินจริงแม้แต่น้อย และที่กู้ฉ่างพูดเช่นนี้ ก็เพราะอยากบ่นต่อหน้าเขาเสียหน่อยเท่านั้น ยามที่กู้ฉ่างพูดเรื่องคุณหนูอวี้ เขาก็กล่าวแก้ต่างให้สกุลอวี้ไม่น้อยเช่นกัน

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะนำเรื่องราวทั้งหมดบอกกล่าวกับอวี้เหวินและอวี้ถัง “ยามนี้คุณหนูกู้ไม่พอใจกับงานแต่งครั้งนี้อย่างยิ่ง นายท่านสองสกุลกู้กลับคิดว่ากำหนดตัวหมั้นหมายกันแล้ว ยามนี้ถอนหมั้นไม่เพียงจะเป็นการทำลายชื่อเสียงสกุลกู้ แต่อาจจะทำให้การแต่งงานของคุณหนูกู้ในอนาคตเป็นเรื่องยากด้วย กระนั้นปล่อยสกุลหลี่ไปเช่นนี้ก็ง่ายเกินไป นายท่านสองสกุลกู้จึงเรียกฮูหยินหลี่ไปตำหนิ ฮูหยินหลี่ก็เป็นคนมีตำแหน่งฐานะ ต่อหน้าคนสกุลกู้มากมาย ก็คุกเข่าลงเสียงดังให้กับนายท่านสองสกุลกู้ ทั้งยังโขกศีรษะระรัวแก่เขาจนหน้าผากแตกเลือดไหล พาให้นายท่านสองสกุลกู้ จะพยุงก็ไม่ได้ ไม่พยุงก็ลำบากใจ จึงไม่อาจยกเรื่องสั่งสอนมาพูดอีก ใครจะรู้ว่าหลังจากคุณหนูกู้ทราบจะยิ่งดูแคลนสกุลหลี่ ครั้งนี้กู้ฉ่างกลับมา นางก็เอ่ยว่าจะถอนหมั้นอย่างชัดเจน กู้ฉ่างกลัวว่าคุณหนูกู้จะแต่งงานกับคนไม่เป็นโล้เป็นพาย ทั้งกลัวว่านางจะทำเรื่องบุ่มบ่าม นึกขึ้นได้ว่าข้าเป็นคนหลินอัน จึงตั้งใจมาไถ่ถามข้าโดยเฉพาะ”

ส่วนเรื่องอื่น เขากลับไม่ได้พูดอะไร

ฮูหยินหลี่หลบอยู่ในหังโจว ย่อมกลัวว่าหากถูกคนพบบาดแผลที่หน้าผากยังไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร

อวี้ถังพยายามข่มกลั้นจึงไม่ได้หัวเราะออกมา กลับเผยแววตาที่แฝงไปด้วยความพร่างพราว กระจ่างใส ดุจเงาผืนป่าภูเขาที่สะท้อนผิวน้ำ ดูงดงามสว่างไสว

เผยเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย

อวี้ถังกลับเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว “ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่านช่วยปกป้อง เกรงว่าคุณชายใหญ่สกุลกู้คงจะไม่ทำเพียงตำหนิข้าว่าทำไม่ถูกอย่างนี้หรอก”

อวี้เหวินเพียงรู้สึกประหลาดใจ ผ่านไปพักใหญ่จึงค่อยหวนสติคืนมา

เมื่อคิดดูแล้ว ก็ไม่แปลกใจที่อวี้ถังเอ่ยขอบคุณเผยเหยี่ยน

หากเผยเยี่ยนไม่เข้าข้างสกุลอวี้ อาศัยจากตำแหน่งฐานะของกู้ฉ่าง ไหนเลยจะเอาแต่พูดว่าสกุลอวี้ทำไม่ถูก!

เขาคาดไม่ถึง แต่อวี้ถังของพวกเขากลับนึกถึงจุดนี้ได้ทันที

อวี้เหวินรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย

ด้านเผยเยี่ยนมองอวี้ถังอย่างลึกล้ำ

เขามองคุณหนูอวี้ที่เก่งในการก่อเรื่องก่อราว คาดไม่ถึงว่านางยังมีความคิดที่ละเอียดลึกซึ้งเช่นนี้ กลับเดาได้ถึงคำพูดที่ยังไม่ทันออกจากปากเขา

เพียงแต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้คุณหนูอวี้บังเอิญ? หรือว่าตั้งแต่แรกเขาก็ประเมินคุณหนูอวี้ต่ำไป จึงไม่รู้ว่านางยังฉลาดมีไหวพริบถึงเพียงนี้?

ชั่วขณะนั้นเผยเยี่ยนก็รู้สึกพอใจอย่างมาก

คิดว่าคุณหนูอวี้ยังคงหลักแหลมไม่น้อย

คุยกับนางนับว่ารู้สึกสบายใจ

เขาเอ่ยออกไป “แต่ว่าเรื่องนี้ พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวล แม้กู้เจาหยางผู้นี้จะเย่อหยิ่งไม่ชอบผูกมัดกับใคร แต่กลับห่วงเรื่องหน้าตา เพราะอยู่ตรงหน้าข้า จึงกล้าเอ่ยกำเริบเสิบสานขึ้นมา แต่เขาย่อมไม่อาจเปิดปากต่อผู้คนภายนอกได้อยู่แล้ว เขาพูดเรื่องพวกนี้ ย่อมจบลงที่ข้าตรงนี้ ข้าเรียกพวกเจ้ามา ก็เพียงอยากตักเตือนเสียหน่อยเท่านั้น อย่างไรสกุลกู้ก็เป็นคนต่างถิ่น มีเรื่องอะไรข้าจะรับผิดชอบเอง พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขา”

ที่แท้ในสายตาของเผยเยี่ยน กู้ฉ่างกลับเป็นคนเช่นนี้

อวี้ถังเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง

ทั้งในสายตาของนาง เผยเยี่ยนก็ไม่ใช่คนที่เป็นมิตรเข้าหาผู้คน แต่ครั้งนี้ เขากลับเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา

จะเห็นได้ว่าผู้คนยังจำเป็นต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เช่นนี้จึงจะมีความสัมพันธ์ เมื่อมีความสัมพันธ์แล้ว ก็จะค่อยให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

อวี้ถังครุ่นคิดว่าจะตอบแทนเผยเยี่ยนอย่างไรดี

หัวใจของอวี้เหวินที่แขวนอยู่กลางอากาศค่อยล่วงลงสู่พื้น

เขาถามเผยเยี่ยน “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จบไปอย่างนี้แล้วใช่หรือไม่?”

อวี้ถังมองไปยังเผยเยี่ยน เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

เผยเยี่ยนมักรู้สึกว่าดวงตาของอวี้ถังราวกับสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ ยิ่งยามที่แอบมองเขาอย่างเงียบๆ เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของนาง คล้ายกับเด็กน้อยอยู่บ้าง

เขาอดเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนไม่ได้ “วางใจเถิด ข้าพูดเรื่องนี้กับกู้ฉ่างแล้ว แม้ว่าเขาจะมีความคิดอะไร ย่อมเห็นแก่หน้าข้า ไม่อาจหาเรื่องคุณหนูอวี้ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นประเด็นหลักที่เขามาหลินอันครั้งนี้ก็เพราะเรื่องงานแต่งของคุณหนูกู้ ไม่คุ้มที่จะหาเรื่องใส่ตัวซ้ำซ้อน นั่นไม่เป็นผลดีกับเขา เขาคิดได้อยู่แล้ว”

ในน้ำเสียงแฝงความหมายหยุดยั้งกู้ฉ่างอย่างเลือนราง

อวี้เหวินพยักหน้าระรัว ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณเผยเยี่ยนอย่างไรดี

อวี้ถังกลับลอบยิ้มเจื่อน รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองติดหนี้บุญคุณก้อนโตเผยเยี่ยนอีกแล้ว

นึกมาถึงตรงนี้ นางก็รีบเล่าเรื่องที่พบกู้ฉ่างตรงประตูสำนักศึกษาประจำอำเภอให้เผยเยี่ยนฟัง

เผยเยี่ยนคาดไม่ถึงอยู่บ้าง นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะขอบคุณอวี้ถัง “สกุลกู้และสกุลเสิ่นล้วนเป็นสกุลใหญ่ของเมืองหังโจว เขามาเมืองหลินอัน ไปเยี่ยมเยือนอาจารย์เสิ่นย่อมเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ห้วงเวลาบุปผาผลิบานเปลวเพลิงสูงเสียดฟ้า เสียงแตก ‘เปรี๊ยะๆ’ ดังต่อเนื่อง แสงฉาบบนฟากฟ้าที่แดงก่ำไปครึ่งหนึ่ง คลื่นร้อนระอุลูกแล้วลูกเล่าแข่งกันโหมตัวสูง คนที่วิ่งผ่านไปมาล้วนร้องตะโกนว่า “ไฟไหม้! ไฟไหม้!” สองขาของอวี้ถังอ่อนยวบ หากไม่ใช่ซวงเถาประคองนางไว้ เกรงว่านางคงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!” เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ซวงเถาตกใจจนพูดติดขัด “เหตุใดเป็นเช่นนี้? มิใช่ว่าผู้คุมของสกุลเผยกับคนของศาลาว่าการจะมาเดินลาดตระเวนตรวจตราร้านค้าของพวกเขายามดึกหรือ นายท่านสามบอกว่าหน้าร้อนปีนี้จะร้อนหนัก อากาศแห้งแล้ง น่ากลัวจะเกิดไฟไหม้ หลายวันก่อนยังสั่งเป็นพิเศษให้คนวางโอ่งน้ำใหญ่สามสิบแปดใบไว้สองฝั่งของถนนฉางซิ่ง ทุกวันก็ให้เถ้าแก่แต่ละร้านคอยเติมน้ำให้เต็มโอ่ง ถนนฉางซิ่งจะไฟไหม้ได้อย่างไร? แล้วร้านค้าของสกุลเราจะเป็นเช่นไรล่ะเจ้าคะ?” จริงด้วย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset