ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน – ตอนที่ 65 ชิงไหวพริบ

หลี่ตวนมองไปยังอวี้ถังด้วยแววตาแฝงรอยยิ้ม “เรื่องนี้มารดาข้าทำไม่ถูก แต่อย่างไรขอให้คุณหนูอวี้อภัยด้วย ไม่ว่ามารดาคนใด ยามที่ปกป้องลูกของตัวเองก็มักพลั้งมือทำเรื่องโง่งมลงไปบ้าง ดีที่เดิมทีมารดาก็ไม่ได้คิดทำร้ายคุณหนูอวี้ เวลานั้นน้องชายข้าได้ยินว่าคุณหนูอวี้อาจจะพบเรื่องลำบาก ยังเข้าไปช่วยเหลือคุณหนูอวี้พร้อมสหาย จะว่าไปแล้ว น้องชายข้าก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน!”

เศรษฐีชนบทพวกนั้นล้วนเป็นคนมีประสบการณ์โชกโชน ฟังจบก็รู้ถึงลับลมคมในเรื่องนี้ทันที อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

เผยเยี่ยนคาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของคนสกุลหลิน มารดาของหลี่ตวนและหลี่จวิ้น

เขาอดพินิจหลี่จวิ้นไปทีไม่ได้

พบเพียงว่าหลี่จวิ้นกำลังเบิกตากว้างมองอวี้ถัง มุมปากสั่นระริก คล้ายมีหลายอย่างที่อยากจะกล่าวกับอวี้ถัง แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ท้ายที่สุดจึงกลายเป็นความเสียใจหมองเศร้า

เขามองไปทางอวี้ถัง

อวี้ถังเผยแววตาเรียบนิ่งมองหลี่ตวน ไม่โศกเศร้าไม่ยินดี ไม่ได้ชายตามองหลี่จวิ้นแม้แต่น้อย

จะเห็นได้ว่าไม่ได้ชมชอบหลี่จวิ้นแต่อย่างใด

เผยเยี่ยนลอบประหลาดใจ

เห็นเช่นนี้ เขากล้ามั่นใจว่า หลี่จวิ้นนั้นชื่นชอบคุณหนูอวี้ ทั้งตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ คุณหนูอวี้เป็นฝ่ายเล่นหูเล่นตาหลี่จวิ้นก่อน เหตุใดยามนี้จึงดูถูกดูแคลนเสียแล้วเล่า? ทั้งดูท่าไม่คล้ายมีใจให้หลี่ตวนด้วย ยามที่นางเผชิญหน้ากับหลี่ตวน เขาก็มองไม่เห็นความรู้สึกอะไรที่คุณหนูอวี้มีต่อหลี่ตวนทั้งนั้น

หรือเขามองพลาดกัน?

แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ค่อยเจนจัดเรื่องพวกนี้มากนัก

ตอนแรกที่โจวจื่อจินมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับนักพรตหญิง ผู้ดูแลอารามอะไรนั่น เขาไปดื่มชาเป็นเพื่อนอยู่หลายครั้งหลายคราก็ยังมองไม่ออก ยังคงเป็นฮูหยินโจวที่พาคนไปตีกระบองแยกคู่ยวนยาง[1] เขาจึงได้ทราบเรื่อง

เผยเยี่ยนอดลูบจมูกตัวเองไม่ได้

ยังมีคุณชายรองสกุลเว่ยที่ชื่อว่าเว่ยเสี่ยวซานคนนั้น สามารถมองออกได้ว่า คุณหนูอวี้ออกหน้าเพื่อเขาด้วยใจจริง ถึงกระทั่งไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเอง ยอมปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเพื่อจะเผชิญหน้ากับหลี่ตวน

คุณหนูอวี้ผู้นี้ น่าสนใจเสียจริง!

ผู้คนมากหน้าหลายตา ล้อมหน้าล้อมหลัง คาดไม่ถึงว่านางจะยังมีจุดยืนของตัวเอง

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนทำให้เผยเยี่ยนมองไม่ออก

แต่คุณหนูอวี้จะทำเช่นนี้ไม่ได้เชียว แม้หลี่ตวนจะยอมรับว่าเรื่องที่ลักพาตัวเป็นฝีมือของสกุลหลี่ กลับผลักเรื่องนี้ไปที่คนสกุลหลินมารดาของเขา สตรีน่ะหรือ ไว้ผมยาวความรู้กลับตื้นเขิน จู่ๆ ก็บุ่มบ่ามทำเรื่องที่น่าตกตะลึงขึ้นมา นับว่าเป็นเรื่องปกติ จะจ้องสกุลหลี่ไม่ปล่อยเพราะเรื่องนี้ย่อมไม่ได้

หากเป็นเขา ในเมื่อเปิดประเด็นเข้าสู่เรื่องนี้แล้ว ก็จะใช้ประโยชน์จากมันอีกด้าน ไถ่ถามสกุลหลี่ว่า เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น วางแผนจะจัดการปัญหาแบบใด อย่างไรก็ต้องตัดขาดเรื่องเชื่อมสัมพันธ์กับสองสกุลให้เด็ดขาด ไม่ให้สกุลหลี่ได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาเกี่ยวดองกับสกุลอวี้อีก

เช่นนั้นเขาจำเป็นต้องเตือนคุณหนูอวี้เสียหน่อยหรือไม่?

ความคิดนี้แล่นวาบเข้ามาในหัวเผยเยี่ยน ก่อนจะถูกเขาสลัดทิ้งไปในพริบตา

ยามนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าคุณหนูอวี้ต้องการจะทำสิ่งใด แม้ดูเหมือนนางจะออกหน้าเพื่อเว่ยเสี่ยวซาน แต่ในความเป็นจริงหากคิดจะแต่งให้สกุลหลี่ล่ะ?

เขาไม่ช่ำชองเรื่องระหว่างชายหญิงเช่นนี้เป็นที่สุด อย่างไรอย่าทำเรื่องที่ลำบากใจทั้งสองฝ่ายดีกว่า

แต่ว่า หากคุณหนูอวี้อยากแต่งให้หลี่ตวนจริงๆ เขากลับสามารถช่วยเหลือได้ ถึงเวลานั้นสกุลหลี่และสกุลกู้ถอนหมั้น สีหน้าของกู้ฉ่างคงจะดูไม่ได้เป็นแน่

เผยเยี่ยนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะได้ยินอวี้ถังเอ่ย “แม้จะกล่าวว่าฮูหยินหลี่หุนหันพลันแล่นไปชั่วครู่ แต่ยามนี้เป็นคุณชายใหญ่สกุลหลี่ที่ดูแลสกุล ฮูหยินหลี่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมา สกุลพวกเราย่อมไม่อาจผูกสัมพันธ์อันใดกับสกุลหลี่ได้อีก คาดว่าหากทุกท่านที่นั่งตรงนี้และคุณชายใหญ่สกุลหลี่ลองคิดเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็คงสามารถเข้าใจความคับข้องใจของสกุลพวกเราได้”

เวลานี้เผยเยี่ยนก็นั่งตัวตรงขึ้นมา

คาดไม่ถึงว่า คุณหนูอวี้คนนี้จะตัดความสัมพันธ์กับสกุลหลี่จริงๆ!

เขามองผิดอีกแล้ว!

เผยเยี่ยนก้มหน้าจิบชา ปกปิดความไม่เป็นธรรมชาติของตัวเอง

พวกเศรษฐีชนบทที่นั่งอยู่ต่างพากันถกเถียงเซ็งแซ่ขึ้นมา และนายท่านอู๋ที่ได้รับการไว้วางใจจากอวี้เหวินก็ถือโอกาสกล่าวต่อ “อืม คำพูดของคุณหนูอวี้มีเหตุผล หากบุตรีสกุลข้าประสบกับเรื่องเช่นนี้ แม้จะเป็นความปรารถนาดี แต่กลับทิ้งบาดแผลลึกในใจ ไม่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองสกุลก็ไม่อาจเกี่ยวดองกันได้” พูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาสองครั้ง “ดีที่สกุลอวี้ต้องการให้คุณหนูอวี้แต่งลูกเขยเข้าบ้าน คุณชายรองสกุลหลี่ก็เป็นหนุ่มรูปงามมากความสามารถ ความรู้โดดเด่น หากข้าเป็นนายท่านหลี่ ก็คงทำใจส่งลูกชายที่เลี้ยงมาจนเติบใหญ่เช่นนี้ให้คนอื่นไม่ลงเช่นกัน เวรควรระงับด้วยการไม่จองเวร ข้าว่าเรื่องนี้ก็จบแบบนี้แล้วกัน ทุกคนเผชิญกันด้วยรอยยิ้มปล่อยความคับแค้นไปก็เพียงพอแล้ว ท่านล่ะว่าอย่างไร นายท่านสาม?”

เผยเยี่ยนเงยหน้ามองอวี้ถัง

อวี้ถังก็กำลังมองเขาอยู่พอดี

แววตาที่สุกสกาวของนาง ยามนี้เผยความตื่นเต้นออกมาอยู่บ้าง พุ่งเป้ามาที่เขาอย่างใจจดใจจ่อ แทบไม่กะพริบตา ราวกับกลัวว่าหากกะพริบตาแม้แต่น้อย จะพลาดท่าทีของเขาไป ทำให้นางไม่อาจรับมือได้ทัน จะพาให้เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่เป็นผลดีต่อนาง นางเอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย แฝงความขอร้องและคาดหวังอยู่บ้าง คล้ายว่าการตัดสินใจของเขาสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก สามารถส่งผลต่อความเป็นความตาย ส่งผลต่ออนาคต ทั้งส่งผลต่อชั่วชีวิตของนาง

เหอะๆ คุณหนูอวี้ผู้นี้นับว่าเป็นคนมีหลายหน้าจริงๆ ยามที่ขอร้อง ก็สามารถทำให้เขาเห็นแล้วใจอ่อนได้ นับประสาอะไรกับหลี่จวิ้นเด็กผู้นั้น

เผยเยี่ยนดื่มชาอีกคำอย่างไม่เป็นตัวเอง มองไปยังหลี่ตวน

อย่างไรก็เป็นเด็กหนุ่ม ย่อมไม่อาจซ่อนเร้นอารมณ์เฉกเช่นมนุษย์ทั่วไปได้หมด สีหน้าของหลี่ตวนดูไม่ได้อยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบใจในคำพูดของนายท่านอู๋เท่าใด

พูดมาเช่นนี้ ไม่ใช่คุณหนูอวี้อยากข้องเกี่ยวกับสกุลหลี่ แต่สกุลหลี่มาถึงยามนี้แล้วก็ยังคิดจะวางแผนกับคุณหนูอวี้!

น่าสนใจ น่าสนใจ!

เผยเยี่ยนนึกถึงใบหน้าอ่อนโยนนั้นของกู้ฉ่าง ในใจก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขขึ้นมา

เขาเอ่ย “ในหมู่บัณฑิตมักพูดคุยกันเรื่องการทำไม่ถูกทำนองคลองธรรม บังเอิญเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ทั้งสองคนยอมจบด้วยดีก็แล้วไป อย่างไรอย่าได้ให้คนอื่นเลียนเอาอย่างก็เพียงพอแล้ว”

นี่หมายความว่าไม่เห็นด้วยที่สกุลหลี่ยังเกาะแกะสกุลอวี้เรื่องแต่งงาน

อวี้ถังถอนหายใจอย่างโล่งอก

นางตัดสินใจนานแล้วว่า จะพยายามเกลี้ยกล่อมเผยเยี่ยนให้ยืนอยู่ฝั่งตัวเอง คาดไม่ถึงว่าเผยเยี่ยนกลับไม่ให้นางต้องพูดมากความก็อาศัย ‘การทำไม่ถูกทำนองคลองธรรม’ มาช่วยนางไว้

เห็นทีเผยเยี่ยนยังคงเป็นดั่งที่นางเข้าใจเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ แม้ไม่ค่อยสนใจเรื่องราวเท่าใด แต่ในยามสำคัญ กลับสามารถช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่เต็มใจช่วยเหลือผู้คน

อวี้ถังมองเผยเยี่ยนอย่างซาบซึ้งใจ

แววตาเคลือบไปด้วยน้ำแวววาว ภายใต้แสงสว่างในห้องโถง กลับคล้ายดั่งแสงอาทิตย์ที่สะท้อนผิวน้ำ กระจ่างพร่างพราว วิบวับสดใส

เผยเยี่ยนชะงักไป

อวี้ถังคุกเข่าคำนับแก่เขาอย่างอ่อนน้อม เอ่ยด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจไม่น้อย “ขอบคุณนายท่านสามอย่างยิ่ง”

เสียงใสกังวานราวกับหยกกระทบกัน

ชั่วขณะนั้นเผยเยี่ยนก็นึกถึงฉากที่ต้นสนตื่นรู้ข้างวัดเจาหมิง เหมือนว่าคุณหนูอวี้ก็ใช้ท่าทีสง่างามน่าหลงใหลเช่นนี้ขอบคุณหลี่จวิ้นเช่นกัน

ใบหน้าเขาดำคล้ำเล็กน้อย

รู้สึกคล้ายว่าตัวเองตกลงไปอยู่ในสภาพเดียวกับหลี่จวิ้น…

อวี้ถังกลับลอบพึมพำในใจ

นายท่านสามสกุลเผยช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ!

เมื่อครู่ยังช่วยเหลือนางด้วยสีหน้ายินดี ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนสีหน้าเสียแล้ว

นางไม่อยากให้อารมณ์ที่ไม่แน่นอนของเผยเยี่ยน ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ทั้งทำเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์อันใดต่อนางขึ้นมา

อวี้ถังแทบไม่สนใจอะไรแล้ว ไม่ง่ายที่เรื่องราวจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ แม้ว่าจะเสี่ยง นางก็ต้องฝืนหยิบลูกเกาลัดจากเตาไฟ[2] ทำให้เรื่องจบลงไปเช่นนี้

“คุณชายรองสกุลหลี่” นางส่งยิ้มให้หลี่จวิ้น เอ่ยอย่างอ่อนโยน “คาดว่าท่านก็คงเห็นด้วยกับความคิดของนายท่านสาม!”

นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่อวี้ถังวางสายตาไว้ที่ร่างเขา ทั้งเป็นครั้งแรกที่พูดคุยกับเขา หลังจากวันนั้นที่หลี่จวิ้นรั้งเกี้ยวของอวี้ถังที่ปากทางตรอกชิงจู๋

หลี่จวิ้นมีท่าทีขื่นขม สิ่งที่มากไปกว่านั้นกลับเป็นความรู้สึกผิด

เขารู้ว่าอวี้ถังกำลังจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วยได้หรือ?

เดิมทีเขาก็รู้สึกผิดต่อนางแล้ว หรือยังต้องรั้งนางไว้เช่นนี้ไม่ปล่อยไปอีก?

นี่เป็นสิ่งที่เขาตระหนักได้ยามที่ออกจากตรอกชิงจู๋มา เวลานี้ก็เป็นการพูดให้เข้าใจและกระจ่างชัดเท่านั้น

หลี่ตวนเห็นกลับใจร้อนเหลือทน ไม่รอให้หลี่จวิ้นได้พูดอะไร ก็ก้าวเข้าไปดึงแขนเสื้อของหลี่จวิ้น

เด็กคนนี้ เหตุใดจึงโง่งมเช่นนี้

ไล่ตามหญิงสาว หากหน้าบาง ย่อมไม่อาจทำเรื่องสำเร็จ

แต่งคุณหนูอวี้เข้าสกุล ไม่ใช่เรื่องของเขาเพียงคนเดียว เป็นบิดาของเขาที่ตัดสินใจ

นี่เกี่ยวพันกับอนาคตภายหน้าของสกุลหลี่

สิ่งที่เหนือความคาดหมายพวกเขาเพียงอย่างเดียวคือ นึกไม่ถึงว่าหลี่จวิ้นจะชมชอบคุณหนูอวี้ด้วยใจจริง

“นายท่านสาม…” หลี่ตวนเอ่ย เพียงพูดไม่ทันจบ กลับถูกหลี่จวิ้นสะบัดมือ ปัดมือหลี่ตวนที่จับแขนเสื้อเขาไว้ ทั้งยังชิงพูดก่อนหลี่ตวน “คุณหนูอวี้ เจ้าพูดมีเหตุผล เรื่องนี้ไม่ถูกทำนองคลองธรรมจริงๆ เป็นข้าที่เสียมารยาท” พูดจบ เขาก็คำนับขอโทษแก่อวี้ถัง

“น้องชาย!” หลี่ตวนขมวดคิ้ว

อวี้ถังกลับรู้สึกเบาใจ

หลี่จวิ้น ชายหนุ่มที่ควบม้าด้วยอาภรณ์สง่างามนั้น ยังคงเป็นคนที่มีขอบเขต ไม่ได้เลวร้ายจนหมดหนทางรักษา

มอบลูกท้อให้ ย่อมต้องส่งคืนด้วยหยกงาม

นางจะหาวิธีช่วยชีวิตเขาให้ได้อย่างแน่นอน

อวี้ถังมองไปยังหลี่ตวน แววตาประกายความเยือกเย็นขึ้นมา

แม้เรื่องลักพาตัวจะเป็นความคิดของคนสกุลหลิน แต่หากไม่มีหลี่ตวน คนสกุลหลินจะทำสำเร็จได้อย่างไร?

ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ หลี่ตวนย่อมไม่มีทางที่จะยืนขึ้นยืดอกยอมรับตรงๆ ได้หรอก

นางเอ่ย “คุณชายใหญ่สกุลหลี่ เจ้าดูเถิด ทุกคนต่างรู้ว่าหลังจากสกุลเจ้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมา พวกเราสองสกุลก็ไม่อาจข้องเกี่ยวกันได้แล้ว กระทั่งคุณชายรองสกุลหลี่ ก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมเช่นกัน ดังนั้น แรกเริ่มที่สกุลพวกเราปฏิเสธการแต่งงาน พวกเจ้าก็อับจนหนทางแล้วใช่หรือไม่?”

หลี่ตวนเห็นด้วยกับความคิดนี้ในใจ แต่เขาไม่ได้พูดออกมา

ครั้งที่แล้ว ก็เพราะเขาตอบอย่างรีบร้อนเกินไป ทำให้คุณหนูอวี้ได้ใช้ช่องโหว่ ตัดขาดความเป็นไปได้ที่สองสกุลจะแต่งงานทิ้งไปหมด จะเห็นได้ว่าเขาประเมินคุณหนูอวี้ต่ำเกินไป เขาควรรู้ว่า สกุลอวี้กล้าให้คุณหนูอวี้มาเผชิญหน้ากับเขา คุณหนูอวี้ก็ย่อมมีจุดเด่นที่เหนือคนอื่น

ภายหลัง คุณหนูอวี้กล่าวอะไร เขาต้องครุ่นคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบ

สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงยังคงเป็นท่าทีของเผยเยี่ยน

เขารู้ว่าสกุลอวี้และสกุลเผยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไม่น้อย ก่อนที่เขาจะมา เคยคิดว่าควรล่วงหน้ามาเยี่ยมเยียนเผยเยี่ยนก่อนดีหรือไม่ แต่เขาก็กังวลว่าหากทำเช่นนั้นเผยเยี่ยนจะเข้าใจผิดคิดว่าสกุลพวกเขากระทำมิชอบในเรื่องนี้ กระทบต่อภาพลักษณ์เขาที่มีต่อเผยเยี่ยน…อาจารย์และศิษย์ร่วมสำนักของเผยเยี่ยนเก่งกาจเกินไป ทั้งยังแต่ละคนต่างอยู่ในตำแหน่งฐานะสำคัญ เขากลัวว่าวันหนึ่งจะมีเรื่องให้ขอร้องเผยเยี่ยน

แต่ยามนี้เกรงว่าเขาจะทำผิดพลาดเรื่องนี้อีกแล้ว

สกุลอวี้สามารถเชิญเผยเยี่ยนเป็นคนกลางได้ ย่อมเป็นเพราะได้เกลี้ยกล่อมเผยเยี่ยนแล้ว ให้เผยเยี่ยนมีอคติกับสกุลหลี่ก่อน

หากจะทำลายสถานการณ์ที่ชะงักงันนี้ เขายิ่งต้องระวังมากขึ้นอีก

“คุณหนูอวี้ ไม่อาจจะพูดเช่นนี้ได้” หลี่ตวนยิ้มด้วยรอยยิ้มราวกับอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ มองไม่เห็นความร้อนใจแม้แต่น้อย “จิตใจที่ตั้งมั่น แม้แต่หินเหล็กก็ย่อมหลีกทางให้ ตั้งแต่ต้นสกุลพวกเราก็อยากเกี่ยวดองกับสกุลอวี้ ไม่อาจทำเรื่องทำร้ายตัวเองเช่นนั้นออกมาได้หรอก”

อวี้ถังก็ยิ้มเช่นกัน ยิ้มอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น “แต่ความจริงคือ สกุลพวกเราตั้งใจจะรับเขยเข้าบ้านให้ข้า สกุลพวกเจ้ามุ่งมั่นจะแต่งข้าเข้าสกุลหลี่ ทั้งสองสกุลต่างไม่ยอมถอยให้กัน มารดาเจ้าก็ทำเรื่องเลอะเลือน ข้าคงไม่ได้พูดผิดกระมัง?”

————————————

[1]ตีกระบองแยกคู่ยวนยาง หมายถึง บีบบังคับให้คู่รักแยกจากกัน

[2]หยิบลูกเกาลัดจากเตาไฟ หมายถึง ถูกคนอื่นหลอกใช้ให้ทำเรื่องเสี่ยงอันตราย แต่กลับไม่ได้รับประโยชน์อันใดกลับมา

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ห้วงเวลาบุปผาผลิบานเปลวเพลิงสูงเสียดฟ้า เสียงแตก ‘เปรี๊ยะๆ’ ดังต่อเนื่อง แสงฉาบบนฟากฟ้าที่แดงก่ำไปครึ่งหนึ่ง คลื่นร้อนระอุลูกแล้วลูกเล่าแข่งกันโหมตัวสูง คนที่วิ่งผ่านไปมาล้วนร้องตะโกนว่า “ไฟไหม้! ไฟไหม้!” สองขาของอวี้ถังอ่อนยวบ หากไม่ใช่ซวงเถาประคองนางไว้ เกรงว่านางคงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!” เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ซวงเถาตกใจจนพูดติดขัด “เหตุใดเป็นเช่นนี้? มิใช่ว่าผู้คุมของสกุลเผยกับคนของศาลาว่าการจะมาเดินลาดตระเวนตรวจตราร้านค้าของพวกเขายามดึกหรือ นายท่านสามบอกว่าหน้าร้อนปีนี้จะร้อนหนัก อากาศแห้งแล้ง น่ากลัวจะเกิดไฟไหม้ หลายวันก่อนยังสั่งเป็นพิเศษให้คนวางโอ่งน้ำใหญ่สามสิบแปดใบไว้สองฝั่งของถนนฉางซิ่ง ทุกวันก็ให้เถ้าแก่แต่ละร้านคอยเติมน้ำให้เต็มโอ่ง ถนนฉางซิ่งจะไฟไหม้ได้อย่างไร? แล้วร้านค้าของสกุลเราจะเป็นเช่นไรล่ะเจ้าคะ?” จริงด้วย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset