หนานซ่งพิงไปกับพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าเย็นชา
“หน้ากากพอสวมเอาไว้นานแล้ว ยังไงสักวันหนึ่งก็ต้องถอดออก ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแล้วฉันเป็นใคร ทำไมฉันจะต้องลดตัวลงไปฉีกหน้าผู้หญิงคนนั้นด้วย? ผู้หญิงคนนั้นคู่ควรกับการกระทำแบบนี้หรือไง?”
ไป๋ชีเลิกคิ้ว แล้วเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา “แต่เธอรักยวี่จิ้นเหวินมาตั้งนาน พอถึงเวลาเขาพาขยะกลับมาไว้ที่บ้าน เธอทนได้หรือไง?”
“เขายินดีที่จะเปิดโรงเก็บขยะแล้วฉันจะไปทำอะไรได้”
หนานซ่งดูไม่ได้แยแสเลยแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดเธอก็พูดออกมา “พี่ ฉันเหนื่อยแล้ว”
พับฝาโน้ตบุ๊กลง แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่าง
เวลาพลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา เมืองหนานในตอนกลางคืนมีร้านรวงเปิดอยู่มากมาย แสงไฟต่าง ๆ ถูกเปิดขึ้น เป็นเวลาที่ผู้คนออกมาแสวงหาความสนุกกัน แต่ที่เมืองเป่ย มีเพียงเธอที่อยู่ในบ้านอย่างเหงา ๆ เพียงคนเดียวมาสามปี
การอยู่บ้านเพียงคนเดียวไม่ได้เงียบอย่างที่คิด แต่ว่ารู้สึกเดียวดาย ทั้ง ๆ ที่คนที่รักอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม แต่เขากลับปฏิเสธไม่ให้เข้าใกล้ นั่นคงจะเป็นความทุกข์ที่จริงที่สุด
หน้าจอดับมืดไปแล้ว แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกร้านโลกของหนานซ่งยังคงให้ความรู้สึกรุนแรงแก่ไป๋ชี
เขาปิดโน้ตบุ๊ก แล้วเปิดแอพวีแชตบนโทรศัพท์ จากนั้นก็ส่งข้อความเข้าในกลุ่มแชต ‘พันธมิตรพี่ชายคอยปกป้องน้องสาว’: [น้องสาวโดนคนอื่นรังแก พวกพี่ชายจะเอายังไงดี?]
พี่รอง: [ใครกล้ามารังแกน้องสาวฉัน มันเบื่อการมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? ฉันจะไปจัดการมัน!]
พี่สาม: [ไม่ใช่ว่าหย่ากันไปแล้วหรือไง? นอกจากยวี่จิ้นเหวิน ในโลกใบนี้ยังมีใครสามารถแกล้งลูกแมวป่าได้อีกหรือไง? หรือว่า ลูกแมวป่าแกล้งทำตัวดีเหมือนแมวบ้านมาสามปีจนกลายเป็นแมวน้อยจริง ๆ ไปแล้ว?]
พี่สี่: [พี่สามว่าน้องหกแบบนี้ ระวังน้องมาข่วนหน้าเอานะ]
พี่สาม: [ฮ่า ๆ ๆ ๆ]
พี่ใหญ่: [ชื่อ]
ไป๋ลู่ยวี๋ยกยิ้มร้ายกาจ พี่ใหญ่เป็นคนพูดเอง ยังไงก็หนีไม่รอดแน่
เขารีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแบบคร่าว ๆ พร้อมทั้งส่งแผนการโดยละเอียดลงไปในกลุ่มด้วย เหล่าพี่ชายต่างผลัดกันออกความเห็น ถกเถียงกันอย่างออกรส จนท้ายที่สุดพี่ใหญ่ก็เป็นคนออกความเห็นเพื่อตัดสินใจ [ตามนี้]
“ฟู่~ จัดการเรียบร้อย” ไป๋ลู่ยวี๋ดีดนิ้ว จากนั้นก็รีบเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘พันธมิตรกำจัดเมียน้อย’
อีกกลุ่มที่มีหนานซ่งอยู่ด้วย กลับเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
*
ทำงานมาทั้งวัน หนานส่งรู้สึกเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด อีกนิดเธอก็แทบจะหลับไปบนรถอยู่แล้ว
กลับถึงบ้าน ไฟในห้องรับแขกถูกเปิดเอาไว้จนสว่าง พ่อบ้านสั่งให้เหล่าแม่บ้านมาทำความสะอาดสวนกุหลาบจนสะอาด และในที่สุดมันก็กลับไปเป็นเหมือนอย่างเก่า หนานซ่งพอใจมาก “ทุก ๆ คน เหนื่อยแย่เลย เดี๋ยวกลับไปแล้วก็ไปรับอั่งเปากับคุณพ่อบ้านนะคะ”
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่”
ปีนี้พ่อบ้านจ้าวอายุสี่สิบกว่าปีได้แล้ว เขาสวมชุดสูทตามสายงานของตน ที่ถูกแต่งอย่างพิถีพิถัน ดูเจนจัดในสายงาน เขาก้าวขึ้นมารายงาน “คุณหนูใหญ่ คุณหนูถังยังคงถูกขังอยู่ในห้องครับ”
“อืม” หนานซ่งตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เอาหมั่นโถวมาสองลูก ฉันจะขึ้นไปดูเธอหน่อย”
ทำงานมาทั้งวันยังต้องกลับบ้านมาสั่งสอนเด็กอีก หนานซ่งรู้สึกว่าการเป็นพี่สาวนี่มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
ห้องรับแขกถูกล็อกจากด้านนอก คุณพ่อบ้านเดินไปเปิดล็อกแล้วก็เปิดประตูให้ ถาดในมือยังคงมีหมั่นโถวสองลูกวางอยู่ หนานซ่งรับถาดมา “พวกคุณลงไปก่อนเถอะค่ะ”
พ่อบ้านจ้าวเป็นกังวลเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่……”
“ไม่เป็นไร เธอทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
หนานซ่งผลักประตูเข้าไป หนานหยานั่งอยู่บนพื้นแล้วฟุบหน้าลงกับเตียง ข้าง ๆ แก้มของเธอมีน้ำลายบูดไหลเปื้อนราวกับเธอกำลังฝันว่ากินน่องไก่อยู่ พอได้ยินเสียงขยับอยู่ใกล้ตัว ก็ตื่นขึ้นมาด้วยหน้าตามึนงง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
หนานซ่งเดินเข้าไปใกล้ “หิวแล้วใช่ไหมล่ะ ลองชิมหมั่นโถวนี่ดู เพิ่งเอาออกมาจากซึ้งเลย”
หนานหยาเหลือบมองหมั่นโถวก้อนขาวที่ถูกวางเอาไว้บนที่ตรงตั้งหัวเตียงแล้วเธอก็เหมือนตื่นจากฝันในทันทีทันใด พอหันหน้ากลับไปมองทางหนานซ่งอีกครั้ง ดวงตาของเธอก็แผ่ความโกรธออกมาอย่างเต็มเปี่ยม จากนั้นก็กางมือพุ่งตัวไปทางหนานซ่งในทันที
“หนาน ซ่ง! ฉันจะฆ่าแก-!”
……
“ปึง!”
ในห้องทำงานของคฤหาสน์ใหญ่ นายท่านยวี่ตบโต๊ะอย่างแรง ทำเอาฝาปิดกาน้ำชาถึงกับพลิกด้าน เคล้ากับคำด่าที่เต็มไปด้วยความโกรธในน้ำเสียง “ดูเรื่องงามหน้าที่แกทำสิ!”
ยวี่จิ้นเหวินยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะ สีหน้ายังคงราบเรียบ “ผมจะแก้ไขเรื่องนี้ครับ”
“แก้ไข? แกคิดว่าจะแก้ไขยังไง?”
ใบหน้าของนายท่านยวี่เต็มไปด้วยความโมโห “อย่าลืมสถานะของแกนะ แกเป็นประธานของยวี่กรุป! วันที่ช่วยให้แกได้ขึ้นตำแหน่งประธานฉันเคยบอกแก่ไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรห้ามใช้อารมณ์แก้ไขปัญหาเด็ดขาด แต่แกน่ะ ทำให้ฉันผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”
เขาพักหายใจแป๊บหนึ่ง “สามปีก่อนแกรั้นอยากจะเอานางพยาบาลที่คอยดูแลแกมาเป็นเมียให้ได้ ฉันกลัวว่าถ้าห้ามแกไปอาจจะมีผลที่ไม่ดีตามมา เลยไม่ได้ห้าม เห็นว่าอาการป่วยของแกดีขึ้นเรื่อย ๆ พฤติกรรมก็ดูดีขึ้น หนูซ่งก็เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ฉันก็เลยยอมรับเธอ แต่ว่าอยู่ ๆ แกก็หย่ากับเธอแถมไม่บอกอะไรฉันเลย แถมยังจะไปแต่งงานกับลูกสาวตระกูลโจ๋อีก! ฉันว่าแกน่ะสมองกระทบกระเทือนไปแล้ว! ตกลงแล้วทำไมแกต้องหย่ากับหนูซ่งด้วย? ทำไม!”
“ไม่ทำไมครับ” ยวี่จิ้นเหวินตอบนิ่งๆ “ผมชอบ ง่าย ๆ แค่นี้”
นายท่านยวี่โกรธยิ่งกว่าเดิม “ตอนนี้มาพูดว่าไม่ชอบ ทีตอนนั้นแกลากร่างกายที่อัมพาตครึ่งหนึ่งของแกมาขอฉัน บอกว่าจะแต่งกับเธอให้ได้ ตอนนั้นแกคิดอะไรอยู่?”
“ถึงแม้ว่าหนูซ่งจะเกิดในชนบท แต่ว่าเธอก็ว่าง่ายแล้วก็รู้หน้าที่ของตัวเองดี อยู่กับแกเธอก็วางตัวดี รับใช้แกไม่เคยบ่น ดูแลแกมาตั้งสามปี แล้วแกก็ทิ้งเขาไปทั้งแบบนี้นะเหรอ?”
นายท่านยวี่ยังไม่หายโกรธ ท่านเป่าลมออกจากปากแล้วก็เขม็งตา จากนั้นก็หยิบที่ทับกระดาษที่วางอยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงไปทางยวี่จิ้นเหวิน “แกคืนหลานสะใภ้ที่น่ารักของฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ยวี่จิ้นเหวินไม่หลบ ปล่อยให้ที่ทับกระดาษกระแทกลงบนไหล่ของตัวเอง ความเจ็บค่อย ๆ แล่นมารวมกัน
ในขณะเดียวกัน หลานสะใภ้ที่รักที่นายท่านยวี่พูดถึง กำลังเตรียมจะยัดหมั่นโถวสีขาวลูกโตเข้าไปในปากของหนานหยา
หนานซ่งมองหนานหยาที่กำลังโดนหมั่นโถวยัดจนเต็มปาก จากนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ “พอกลับมาก็หาเรื่องทะเลาะกับฉัน ดูเหมือนว่าแกจะไม่ได้หิวเท่าไหร่นะ เสียดายที่ฉันให้หมั่นโถวแกไปตั้งสองลูก”
หนานหยาพ่นหมั่นโถวที่อยู่ในปากออกมา แล้วก็ปามันลงบนพื้น “ถุย! ใครจะไปกินหมั่นโถวเน่า ๆ ของแก!”
หนานซ่งมองหมั่นโถวที่กลิ้งหลุน ๆ อยู่บนพื้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “น้องสาว ทิ้งขว้างอาหารนี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เหมาะสมเลยนะ แกไม่รู้หรือไงว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนอีกมากมายแค่ไหนที่ไม่มีข้าวกิน?”
เธอค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟา จัดการรอยยับย่นที่เกิดขึ้นบนกางเกง แล้วมองหนานหยาด้วยแววตาข่มขู่
“เลือกเอาระหว่างหยิบหมั่นโถวลูกนั้นขึ้นมากินดี ๆ หรือไม่ก็ทนหิวต่อไป รู้ตัวว่าผิดเมื่อไหร่ ตอนนั้นค่อยกินข้าว”
หนานหยาฟังคำพูดของเธอ ก็ทำเสียงเหอะออกมาเบา ๆ “แม่แกสิ แกเป็นบ้าหรือไง แกคิดว่าตัวเองเป็นใครห้ะ?”
เธอเพิ่งพูดจบ หน้าของเธอก็โดนหนานซ่งตบเข้า
หนานหยากุมใบหน้าของตัวเองไว้ มองหนานซ่งด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “แกกล้าตบฉันเหรอ?”
“พูดคำหยาบ เลยตบไปเบา ๆ”
หนานซ่งตอบออกมานิ่ง ๆ : “แม่ของฉัน เป็นป้าของแก แกพูดถึงท่านทั้งที ฉันก็เลยทักทายแกแทนแม่หน่อย”
หนานหยานั่งอยู่บนพื้น แล้วมองหนานซ่งด้วยสายตาแค้นเคือง แววตานั้นแทบจะฆ่าเธอให้ตายอยู่แล้ว
“ดีมาก ดูเหมือนว่าแกจะเลือกคำตอบได้แล้วสินะ”
หนานซ่งเหลือบมองเธอด้วยท่าทีเย็นชา “ถ้าไม่อยากกิน อย่างนั้นก็หิวต่อไปเถอะ”
เธอหมุนตัวกำลังจะออกจากห้อง หนานหยาเกิดไม่ยอมแพ้ หยิบแจกันดอกไม้ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปบนท้ายทอยของหนานซ่งแล้วปาออกไป-