“คุณแม่?” สวี่โยวแต่งกายมิดชิด เมื่อคุณแม่เซียวเห็นใบหน้าแดงก่ำอิ่มน้ำของลูกสะใภ้ ดวงตาของเธอก็ดูฉ่ำวาวหยาดเยิ้มหลังจากที่ถูกรักมาตลอดคืน เพียงเท่านี้คุณแม่เซียวก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ดูท่าแผนการของพวกเธอจะสำเร็จแล้ว!
สวี่โยวเห็นคุณแม่เซียวจ้องมองเธออยู่นาน โดยไม่กะพริบตาเลยสักนิด เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณแม่เซียวกำลังมองอะไรอยู่ เธอจึงเอ่ยทักเบาๆ “คุณแม่คะ มาหาหนูถึงห้องมีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”
คุณแม่เซียวยื่นมือไปจับมือของสวี่โยว “แม่มาตามหนูลงไปกินข้าว เมื่อคืนหลับสบายไหมจ๊ะ” ปากของสวี่โยววาดรอยยิ้มงดงาม “สบายมากเลยค่ะ”
ความจริงแล้วเธอนอนได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่หากเทียบกับที่ต้องนอนไม่หลับอยู่คนเดียว เธอยินดียอมถูกเซียวโม่รบกวนจนนอนไม่หลับทั้งคืนเลยดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามีเมล็ดพันธุ์เล็กๆ หยั่งรากลึกลงไปในท้องของเธอด้วยแล้ว มันคงจะวิเศษมากๆ
หลังจากมื้อเช้าผ่านไป สวี่โยวก็ออกไปข้างนอก ส่วนคุณแม่เซียว เมื่อวานเธอก็เอาแต่พะวงเรื่องทายาทตระกูลเซียว ซ้ำเมื่อเช้าเธอก็ยังตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อติดตามผล หลังมื้ออาหารเธอจึงเผลอสัปหงกไป สุดท้ายทนไม่ไหวเธอจึงกลับไปนอนชดเชยต่อที่ห้องของเธอเอง
ฉินอวิ๋นเห็นว่าหมู่นี้เมิ่งชิงซีอยู่ติดบ้านมากผิดปกติ หนำซ้ำยังดูกลุ้มอกกลุ้มใจ ฉินอวิ๋นเดาว่าสาเหตุน่าจะมาจากลั่วเซ่าเชินอีกตามเคย เธอรู้สึกสงสารลูกสาวของเธอมาก พื้นเพครอบครัวออกจะดีเช่นนี้ แต่ลั่วเซ่าเชินก็ยังไม่แม้แต่ชายตามอง
เมิ่งชิงซีเพิ่งจะตื่นเอาตอนสิบโมง เมื่อเห็นว่าเธอลงมาแล้ว ฉินอวิ๋นก็รีบใช้ให้แม่บ้านที่ชื่อเจวียนเจี่ยไปยกอาหารออกมา ส่วนเธอก็เดินตรงเข้าไปหา “ชิงซี เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลยล่ะ”
ฉินอวิ๋นผ่านชีวิตการเป็นคุณนายมาหลายปี ผิวพรรณของเธอเปล่งประกาย เธอต้องไปที่คลินิกเสริมความงามสัปดาห์ละครั้ง เพื่อรักษาความสวยความงามของเธอเอาไว้ตลอด ฉินอวิ๋นใช้ความพยายามไปไม่น้อยเลย
ผิดกับเมิ่งชิงซีที่ทั่วทั้งร่างหม่นหมองเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ตั้งแต่เธอรู้ว่าถังโจวโจวท้อง เธอก็ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ถังโจวโจวคลอดเด็กคนนั้นออกมา แม้ว่าเธอจะเคยคิดทำให้ถังโจวโจวแท้ง แต่ลั่วเซ่าเชินไปรับไปส่งเธอทุกวัน เธอไม่สามารถหาโอกาสลงมือได้เลย
ช่วงนี้เมิ่งชิงซีจึงนอนหลับได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน เธอนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เจวียนเจี่ยยกอาหารเช้าออกมาเสิร์ฟให้ เธอกินเกี๊ยวได้ไม่เต็มคำ ฉินอวิ๋นที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นว่าแม้แต่ข้าวปลาเมิ่งชิงซีก็ยังไม่อยากจะกิน ในที่สุดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูร้ายแรงเกินไปแล้ว
“ชิงซี บอกแม่มา เซ่าเชินทำให้ผิดหวังอีกแล้วใช่ไหม แม่เคยบอกแล้วไงว่าถ้าลูกอยากจะไปต่อกับเขา ลูกก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดี” ฉินอวิ๋นรักและทะนุถนอมลูกสาวคนเดียวของเธอมาก
“แม่คะ มันไม่ใช่เรื่องนั้น” เมิ่งชิงซีคีบเกี๊ยวขึ้นมาหนึ่งชิ้นและจิ้มซอสเปรี้ยวเล็กน้อย ก่อนจะส่งมันเข้าไปในปาก ฉินอวิ๋นรอให้เธอกินจนเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน แล้วค่อยคุยกับเธอต่อ
เมิ่งชิงซีกินต่ออีกไม่กี่ชิ้น จากนั้นเธอก็วางตะเกียบลง ฉินอวิ๋นส่งผ้าเช็ดปากให้เธอ “ตอนนี้จะบอกแม่ได้หรือยัง เราเป็นแม่ลูกกัน มีเรื่องอะไรที่บอกกันไม่ได้?”
เมิ่งชิงซีกวาดตามองไปรอบๆ แต่เธอก็ไม่พบร่างของเมิ่งไหวเซิน เมื่อฉินอวิ๋นเห็นท่าทางมองซ้ายแลขวาของเธอ ก็รู้แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “นี่! ไม่ต้องมองหรอก พ่อแกไม่อยู่บ้าน”
เมิ่งชิงซีถึงเปิดปากพูด “แม่คะ ถังโจวโจวท้องแล้ว ตอนนี้คุณป้าลั่วเอ็นดูเธอมาก ครั้งก่อนยังบอกให้หนูตัดใจจากเซ่าเชินด้วย ไม่รู้เอาอะไรมาพูด เซ่าเชินเป็นของหนู เราเป็นคู่หมั้นกัน ทำไมหนูถึงต้องยอมแพ้ให้ผู้หญิงอย่างถังโจวโจวด้วย”
เมิ่งชิงซียิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ฉินอวิ๋นนึกว่าเธอลืมเรื่องการหมั้นหมายของเธอกับลั่วเซ่าเชินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะหยิบยกเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก ฉินอวิ๋นไม่กล้าบอกเมิ่งชิงซีว่าที่ลั่วเซ่าเชินสามารถถอนหมั้นกับเธอได้ง่ายๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาไปได้ยินมาจากไหนว่าแท้ที่จริงแล้วคนที่เขาต้องหมั้นหมายด้วยไม่ใช่เมิ่งชิงซี
“ชิงซี เรื่องนี้มันผ่านมานานมากแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เรื่องการถอนหมั้นคุณปู่กับคุณพ่อของลูกก็เห็นด้วย ตอนนี้พูดเรื่องนี้ขึ้นมามันจะมีประโยชน์อะไร” ฉินอวิ๋นไม่อยากให้ลูกสาวของเธอเป็นแบบนี้เพียงเพราะผู้ชายคนเดียว
แต่ไม่รู้ทำไม เมิ่งชิงซีราวกับว่าโดนยาพิษที่ชื่อ ‘ลั่วเซ่าเชิน’ เล่นงานก็ไม่ปาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเฝ้าแต่วาดฝันว่าจะได้อยู่ด้วยกันกับลั่วเซ่าเชิน แต่ลั่วเซ่าเชินกลับไม่คิดแบบเดียวกันกับเธอ ช่างเป็น ‘ดอกไม้ร่วงโรยที่มีความหมาย น้ำตารินไหลที่ไร้เมตตา’[1] เสียจริง!
“แม่คะ หนูไม่เข้าใจ ทำไมคุณปู่กับคุณพ่อต้องเห็นดีด้วย หนูกับเซ่าเชินเหมาะสมกันมากแท้ๆ แล้วดูตอนนี้สิคะ ยายถังโจวโจวนั่นอวดเบ่งต่อหน้าหนู กลัวว่าหนูจะไม่รู้ล่ะมั้งว่าเธอเป็นเมียของเซ่าเชิน!”
เมิ่งชิงซีตั้งใจพูดให้มันเกินจริง เพื่อให้ฉินอวิ๋นช่วยเธอออกความคิดเห็น ฉินอวิ๋นมีลูกสาวอยู่เพียงคนเดียว ดังนั้นจะต้องช่วยเธอวางแผนอย่างสุดความสามารถแน่นอน
“ชิงซี ไม่ต้องกังวลนะ แม่จะช่วยลูกเอง ลูกก็แค่อยากจะทำให้ถังโจวโจวแท้งลูกไม่ใช่เหรอ”
“แม่คะ แม่มีวิธีจริงๆ เหรอ? แม่… ความสุขในวันข้างหน้าของหนูอยู่ในกำมือแม่แล้วนะคะ” เมิ่งชิงซีตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก เธอนึกอยู่แล้วเชียวว่าฉินอวิ๋นต้องมีวิธี เพราะเธอก็เห็นกับตามาตลอดว่าคุณพ่อยอมศิโรราบต่อคุณแม่ คุณแม่ของเธอเป็นเลิศในด้านนี้จริงๆ
“ชิงซี ตอนนี้ถังโจวโจวท้องได้กี่เดือนแล้ว”
“เหมือนจะสองเดือนกว่าแล้วค่ะแม่ แม่ถามทำไมเหรอ”
เมิ่งชิงซีมองไปที่ฉินอวิ๋นด้วยความสงสัย เธอเห็นท่าทีของคุณแม่เหมือนกับว่าได้คิดแผนการเอาไว้หมดแล้ว เมื่อฉินอวิ๋นได้คำตอบจากเมิ่งชิงซีก็ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระซิบพูดที่ข้างหูของเมิ่งชิงซี
เมิ่งชิงซียิ้มหน้าบานในทันที “แม่คะ แม่นี่สุดยอดไปเลย! หนูจะทำตามที่แม่บอก”
“ชิงซี แต่ลูกไม่ต้องลงมือเองหรอกนะ ไปหาคนที่ไม่ชอบขี้หน้าถังโจวโจวมาอีกคน แม่จะให้คนนั้นเป็นเป้าให้แกเอง” ฉินอวิ๋นรู้สึกว่าการยืมมือคนอื่นมาฆ่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมกว่า ถ้าให้เมิ่งชิงซีลงมือเอง แล้วลั่วเซ่าเชินรู้เข้าในภายหลัง ไม่แคล้วเธอคงจะโดนเล่นงานอย่างหนัก
“แม่คะ วิธีนี้จะได้ผลจริงๆ เหรอ แล้วหนูจะหาใครมาเป็นเป้าให้หนูได้บ้างล่ะ” เมิ่งชิงซีปวดหัวเพราะคิดหาตัวเลือกไม่ได้
ฉินอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าระทมทุกข์ของเธอ “ชิงซี การที่ลูกมานั่งขบคิดอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ดีไปกว่าการที่ลูกส่งคนไปสืบหาหรอกนะ แบบนั้นจะดีมากกว่าการที่มานั่งทนทุกข์ใจอยู่ตรงนี้”
เมิ่งชิงซีคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าสิ่งที่ฉินอวิ๋นพูดมานั้นมันก็สมเหตุสมผล ตึงๆๆ เธอวิ่งขึ้นไปชั้นบน ผ่านไปไม่นาน เธอก็เปลี่ยนเป็นชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก “หนูไปก่อนนะคะแม่”
เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของลูกสาว ฉินอวิ๋นก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “เด็กคนนี้นี่ โตป่านนี้แล้ว ทำไมถึงยังเป็นแบบนี้อยู่อีก” แต่ฉินอวิ๋นจะไม่ยอมให้เมิ่งชิงซีต้องทนทุกข์ใจ ลูกสาวเธออยากได้อะไรเธอก็จะให้สิ่งนั้น
นิสัยของเมิ่งชิงซีได้รับการพัฒนามาจากฉินอวิ๋นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน กว่าฉินอวิ๋นจะพบว่ามันไม่ถูกต้อง เมิ่งชิงซีก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว โชคดีที่เมิ่งไหวเซินรักเธอมาก แม้ว่าชิงซีจะเอาแต่ใจ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร
เมิ่งชิงซีนึกไม่ถึงเลยว่า เธอไม่ทันได้ออกไปตามหา คนก็มาหาเธอถึงที่ เมิ่งชิงซีไม่คิดว่าการที่เธอมองออกไปด้านนอกรถเรื่อยเปื่อย เธอจะพบกับเหวินมั่นมั่นที่ดูเหมือนว่าจะเดินชอปปิ้งอยู่กับใครอีกคน เมิ่งชิงซียังจำวันเกิดของเหวินมั่นมั่นครั้งที่แล้วได้ สายตาที่มองลั่วเซ่าเชิน แค่เห็นก็รู้ว่าแตกต่างจากคนทั่วไป
เมิ่งชิงซีหักพวงมาลัยและจอดรถใกล้ๆ กับบริเวณร้านที่เหวินมั่นมั่นอยู่ เมื่อเธอลงจากรถ เธอก็ตรงเข้าไปในร้านที่เหวินมั่นมั่นเดินเข้าไป
แน่นอนว่าเหวินมั่นมั่นกำลังดูเสื้อผ้าอยู่ในนั้น พนักงานที่นั่นต้อนรับเมิ่งชิงซีอย่างดี ไม่ต้องมองก็รู้ว่าคนๆ นี้ร่ำรวย เสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่มีราคาไม่น้อยกว่าเสื้อผ้าในร้านนี้เลย
“คุณผู้หญิงรับอะไรดีคะ”
“เดี๋ยวฉันดูเอง เธอไปทำงานเถอะ” เมิ่งชิงซีเห็นเหวินมั่นมั่นยืนอยู่ไม่ไกล ราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นมาก่อนว่าเธออยู่ตรงนั้น เมิ่งชิงซีก้าวเดินไปทางเหวินมั่นมั่นสองสามก้าว ประจวบเหมาะกับที่เหวินมั่นมั่นหันตัวมาแล้วก็ชนเข้ากับเมิ่งชิงซีพอดี
ในขณะที่เหวินมั่นมั่นหมายจะอ้าปากด่า เธอก็พบว่าคนๆ นั้นคือเมิ่งชิงซี สีหน้าของเธอชะงักนิ่งไปชั่วขณะ เมิ่งชิงซีกลับยิ้มอย่างดีใจ “มั่นมั่น เธอก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ!”
เหวินมั่นมั่นมองดูเมิ่งชิงซีด้วยความสงสัย “คุณเมิ่งคะ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นมั้งคะ”
“มั่นมั่น ตัวนี้ล่ะ เป็นยังไง” หยางอีอี เพื่อนสนิทของเหวินมั่นมั่น สวมแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายสีดำและหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อให้เหวินมั่นมั่นแสดงความคิดเห็น
“สวยมาก อีอี” เหวินมั่นมั่นพยักหน้า
หยางอีอีก็รู้สึกว่ามันสวยมาก “โอเค ถ้าอย่างนั้นก็เอาตัวนี้แหละ” พนักงานร้านรับเสื้อแจ็กเก็ตที่อยู่ในมือของหยางอีอีไปด้วยความเบิกบานใจ หยางอีอีมองเมิ่งชิงซี จากนั้นก็มองไปที่เหวินมั่นมั่น
เหวินมั่นมั่นแนะนำให้เธอได้รู้จัก “นี่คือเมิ่งชิงซีหรือว่าคุณเมิ่ง” เหวินมั่นมั่นแทบจะไม่รู้จักเมิ่งชิงซีเลย ที่เธอรู้จักเมิ่งชิงซีก็เพราะลั่วเซ่าเชิน
เพราะเหวินมั่นมั่นคิดอะไรกับลั่วเซ่าเชิน ดังนั้นเธอจึงให้ความสำคัญกับคนที่อยู่รอบตัวเขา ถ้าให้พูดตามตรงต้องบอกว่าเมิ่งชิงซีเป็นคู่แข่งของเธอ และเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเมิ่งชิงซีเลย
เมิ่งชิงซีไม่ได้อยากรู้จักหยางอีอี อีกอย่างเป้าหมายของเธอในวันนี้ก็คือเหวินมั่นมั่น “มั่นมั่น เรียกว่าคุณเมิ่งออกจะห่างเหินเกินไปหน่อยนะคะ เรียกฉันว่าชิงซีเถอะ”
“คุณเมิ่งคะ เรารู้จักกันได้ไม่นาน เรียกแบบนี้แหละค่ะ เหมาะสมแล้ว” เหวินมั่นมั่นพูดอย่างไพเราะ แต่ก็พูดอย่างไม่เกรงใจ เพื่อต้องการที่จะทำให้เมิ่งชิงซีรู้ว่าเธอคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว
เมิ่งชิงซีอยากจะโกรธ แต่เมื่อฉุกคิดถึงจุดประสงค์ที่มา เธอก็อดกลั้นเอาไว้ เธอจะทำให้งานใหญ่ของเธอพังเพียงเพราะอารมณ์โกรธชั่ววูบของตัวเองไม่ได้
“คุณเหวินคะ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะสนิทกับคุณ หรืออยากจะเป็นเพื่อนกับคุณนักหรอก ในเมื่อคุณลำบากใจ ฉันก็จะไม่พูดอะไรอีก” เมิ่งชิงซียอมถอยออกมาหนึ่งก้าว
เหวินมั่นมั่นไม่รู้ว่าเมิ่งชิงซีตั้งใจจะทำอะไร เธอหันไปมองเพื่อนสนิทของเธอ “อีอี เสร็จหรือยัง เราไปกันเถอะ”
เมิ่งชิงซีรู้สึกร้อนรนในใจ เมื่อเห็นว่าพวกเธอตั้งท่าจะเดินจากไปจริงๆ เธอจะทำให้เหวินมั่นมั่นรู้ได้อย่างไรว่าถังโจวโจวท้อง?
“จริงสิ คุณเหวินคะ ฉันได้ข่าวมาว่าคุณผู้หญิงลั่วเธอท้องแล้ว คุณก็ควรจะเลิกคาดหวังได้แล้วนะคะ” เมิ่งชิงซีพูดอย่างใจเย็นพลางหยิบเสื้อขนสัตว์สีขาวออกมาตัวหนึ่ง และลูบสัมผัสความนุ่มของมันด้วยมือของเธอ
ก้าวเดินของเหวินมั่นมั่นหยุดชะงักลง “คุณหมายความว่ายังไง คุณเองก็ยังไม่เลิกหวัง มีสิทธิ์อะไรมาบอกฉัน” แม้ว่าคำพูดของเหวินมั่นมั่นจะเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว แต่ใจของเธอกลับเต้นรัวให้กับประโยคที่เมิ่งชิงซีเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่นี้ ถังโจวโจวท้องแล้ว!
เมิ่งชิงซีเห็นว่าคำพูดของตัวเองสามารถทำให้เหวินมั่นมั่นหยุดเดินได้แล้ว แม้ว่าเธอจะดูหมิ่นเหวินมั่นมั่นในใจ แต่ตอนนี้เธอยังต้องใช้ประโยชน์จากผู้หญิงคนนี้อยู่ เธอต้องเกลี้ยกล่อมไปก่อนชั่วคราว เพื่อให้เหวินมั่นมั่นกำจัดลูกของถังโจวโจวให้
“คุณเหวิน… คุณจะพูดอย่างนั้นไม่ได้นะคะ แม้ว่าฉันจะชอบเซ่าเชิน แต่ตอนนี้เมื่อฉันเห็นว่าถังโจวโจวท้อง ฉันก็ยอมที่จะปล่อยมือจากเขา ฉันไม่สามารถทำลายครอบครัวของเขาได้ ฉันแค่เห็นว่าคุณยังยึดติดอยู่ ฉันก็เลยแนะนำเท่านั้นเอง”
เมื่อเมิ่งชิงซีพูดจบ เธอก็เดินจากไป เธอแค่ต้องการจะบอกข่าวนี้ให้เหวินมั่นมั่นรับทราบก็เท่านั้น หลังจากนี้ เธอจะให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องไปเสนอวิธีต่อหน้าเหวินมั่นมั่น แล้วเธอจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้อีก
ขณะเดียวกันเหวินมั่นมั่นก็ไม่เข้าใจ เมิ่งชิงซีต้องการมาบอกเธอว่าถังโจวโจวตั้งท้องแล้ว แค่นี้น่ะหรือ?
[1] ดอกไม้ร่วงโรยที่มีความหมาย น้ำตารินไหลที่ไร้เมตตา อุปมาถึงการแอบรัก หรือรักข้างเดียว