เหวินมั่นมั่นยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการให้มันเป็นอย่างไร แต่เธอจะไม่ยอมทำอย่างที่เมิ่งชิงซีคิดไว้ หากจะทำอะไรถังโจวโจว อย่างน้อยการกระทำเหล่านั้น ต้องไม่อยู่ในที่สาธารณะแบบนี้
ความจริงแล้ว เหวินมั่นมั่นอิจฉาถังโจวโจวมาก ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ได้ครอบครองผู้ชายอย่างลั่วเซ่าเชิน จะต้องถูกผู้หญิงอื่นอิจฉาอย่างแน่นอน เหวินมั่นมั่นมีภาพความทรงจำเกี่ยวกับถังโจวโจวเพียงในงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนั้นและงานเลี้ยงหลังจากนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ในตอนนั้นถังโจวโจวไม่ได้พูดอะไรมาก ดังนั้น เหวินมั่นมั่นจึงรู้สึกว่าถังโจวโจวก็ดูสวยดี ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ ผู้หญิงที่อยู่รอบๆ ตัวลั่วเซ่าเชิน ไม่มีใครดูดีเลยสักคน แต่ตอนนี้เหวินมั่นมั่นกลับรู้สึกว่าถังโจวโจวมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง
ถังโจวโจวเห็นว่าเหวินมั่นมั่นเอาแต่จ้องมองเธอ และไม่ส่งเสียงใดๆ เธอก็ไม่รีบร้อน ตอนนี้ยังพอมีเวลา เธอไม่รู้ว่าเหวินมั่นมั่นมาหาเธอทำไม ในเมื่อเหวินมั่นมั่นไม่พูด ในฐานะคนรออย่างเธอก็ไม่รีบร้อนเช่นกัน
ราวกับว่าพวกเธอกำลังแข่งขันว่าใครใจร้อนกว่ากัน ในที่สุดก็เป็นเหวินมั่นมั่นที่ทนไม่ได้ “ทำไมคุณถึงไม่ถามว่าฉันมาหาคุณทำไม”
เหวินมั่นมั่นไม่รู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไรกับถังโจวโจว แต่เธอไม่ชอบท่าทางไม่สะทกสะท้านของอีกฝ่ายเลย ทำไมถึงมีแค่เธอเองที่ทรมานใจ?
ถังโจวโจวพ่นเสียงหัวเราะออกมา “คุณเหวินคะ คุณเป็นคนมาหาฉัน ถ้าคุณไม่บอก ฉันจะมีความสามารถไปเปิดปากคุณได้หรือคะ” ถังโจวโจวส่ายหัวและดื่มน้ำเปล่าที่อยู่ตรงหน้า
เหวินมั่นมั่นโกรธ แต่ถังโจวโจวพูดถูก เธอปฏิเสธไม่ได้ ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังขบขันอยู่นั้น เหวินมั่นมั่นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความโมโห
ถังโจวโจวตะโกนไล่หลังไป “อ้าว นั่นคุณจะไปแล้วหรือคะ คุณจะไม่บอกฉันจริงๆ เหรอ” ถังโจวโจวรู้สึกว่าเหวินมั่นมั่นเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งนั่นทำให้ใจของเธอพะวงอยู่ตลอดเวลา
เหวินมั่นมั่นไปแล้ว ถังโจวโจวเองก็กลับไปที่บริษัท แต่เธอก็ขบคิดมาตลอดว่า เหวินมั่นมั่นมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ แต่เธอก็นั่งอยู่นานมากโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ แปลกจริงๆ เด็กคนนี้
ใช่แล้ว ในสายตาของถังโจวโจว เหวินมั่นมั่นเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าเหวินมั่นมั่นจะอายุสิบแปดปีเต็มแล้วก็ตาม แต่ไม่รู้ทำไม ถังโจวโจวกลับรู้สึกว่าความคิดความอ่านของเธอนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย โชคดีที่ถังโจวโจวไม่ได้พูดแบบนี้ต่อหน้าเหวินมั่นมั่น ใครเล่าจะอยากให้คนอื่นบอกว่าตัวเองไร้เดียงสา!
จนกระทั่งเดินมาถึงรถ เหวินมั่นมั่นถึงเริ่มเจ็บใจ เธออยากให้ถังโจวโจวยอมจำนนแท้ๆ ปรากฏว่ากลายเป็นเธอที่ต้องเป็นฝ่ายเดินหนีมาเสียเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เหวินมั่นมั่นไม่เข้าใจและก็ไม่อยากจะเข้าใจด้วย เธอทิ้งเรื่องนี้เอาไว้ข้างหลัง
เหวินมั่นมั่นกลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกหิว เธอคิดที่จะให้แม่บ้านทำอาหารให้เธอ แต่เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน เธอก็พบว่าพ่อของเธอ เหวินฉี่สยงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ถัดจากเขาก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย เขาคนนั้นนั่งหันหลังให้เหวินมั่นมั่น เธอมองเขาไม่ถนัด
“พ่อคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ คุณพ่อมีแขกหรือคะ”
“มั่นมั่น มาตรงนี้ลูก พ่อจะแนะนำให้หนูรู้จัก” เหวินฉี่สยงโบกมือให้เหวินมั่นมั่น เมื่อเทียบกับลูกสาวคนโต เหวินฉี่สยงรักและเอ็นดูลูกสาวคนเล็กมากกว่า
เหวินมั่นมั่นยิ้มและนั่งลงข้างๆ เหวินฉี่สยง เมื่อเธอนั่งลง เธอก็เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ตรงข้ามได้อย่างชัดเจน เหวินมั่นมั่นรู้สึกประหลาดใจ แขกของคุณพ่อวันนี้หน้าตาไม่ได้ด้อยไปกว่าลั่วเซ่าเชินเลย ถ้าเทียบกันแล้วกล่าวได้ว่าหน้าตาดีทั้งคู่
ลั่วเซ่าเชินมักจะดูเย็นชา ถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิดของเขา ก็จะไม่ได้เห็นมุมอื่นๆ อีกเลย แต่ผู้ชายคนนี้แตกต่างไป รอยยิ้มของเขาเหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่แสนอบอุ่น ซึ่งมันอุ่นไปจนถึงหัวใจของเหวินมั่นมั่น
“นี่เจียงรุ่ยเฉิน ผู้จัดการใหญ่ของเจียงกรุ๊ป รุ่ยเฉิน นี่ลูกสาวคนเล็กของลุง มั่นมั่น” เหวินฉี่สยงแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน
เหวินมั่นมั่นเกิดหน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีกับลั่วเซ่าเชิน แต่เพราะลั่วเซ่าเชินมักจะทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่เธอ เธอยังเด็ก และเธอก็ไม่ยอมที่จะยึดติดอยู่แบบนั้น ตอนนี้ได้มาเห็นเจียงรุ่ยเฉินซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าลั่วเซ่าเชินเลย เธอจึงเกิดความหวั่นไหวอยู่บ้าง
แต่เจียงรุ่ยเฉินไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ เขายังคงยิ้มอบอุ่นตามปกติ หัวใจของเหวินมั่นมั่นตีกระเพื่อมเป็นระลอก “คุณหนูเหวินสวยขนาดนี้ ตอนนี้คงมีคนตามจีบไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ”
“มีที่ไหนคะ …คุณพ่อบอกว่าฉันยังเด็กอยู่ ไม่ต้องรีบ” เหวินมั่นมั่นรู้สึกว่าเธอค่อนข้างกระโตกกระตาก เธอจึงรีบยกเหวินฉี่สยงขึ้นมาเป็นโล่กำบัง เพราะกลัวว่าเจียงรุ่ยเฉินจะมีภาพจำที่ไม่ดีต่อเธอ
แน่นอนว่าเหวินฉี่สยงจะไม่ฉีกหน้าลูกสาวของเขา เหวินมั่นมั่นมีความทะเยอะทะยานสูง แม้ว่าใครหลายๆ คนต้องการจะจีบเธอ แต่เธอก็ไม่จริงจังด้วยสักคน “รุ่ยเฉิน มั่นมั่นน่ารักน่าเอ็นดู ลุงคงทำใจไม่ได้ถ้าจะมีคนมาแย่งเธอไปเร็วขนาดนี้”
เจียงรุ่ยเฉินเองก็ไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเหวินฉี่สยง “ใช่ครับ คุณลุงเหวิน ผู้หญิงดีๆ อย่างคุณหนูเหวิน ควรตามใจเธอให้มากๆ” เหวินมั่นมั่นก้มหน้าลงและทำทีเป็นเขินอาย เธอรู้สึกว่าคำพูดแต่ละคำของเจียงรุ่ยเฉินนั้นทะลุลงไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเธอแล้ว
เหวินมั่นมั่นอยากจะมองเจียงรุ่ยเฉินให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่เธอก็ยังหิวอยู่ เธอกลัวว่าเธอจะทำเรื่องน่าอายออกมาต่อหน้าเจียงรุ่ยเฉิน เธอจึงยิ้มขอโทษเขา “คุณพ่อคะ ผู้จัดการเจียง ฉันขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”
“คุณหนูเหวิน เรียกผมว่ารุ่ยเฉินก็ได้ครับ เรียกว่าผู้จัดการเจียง มันดูห่างเหินมากเกินไปหน่อย” เจียงรุ่ยเฉินประสานตากับเหวินมั่นมั่น เหวินมั่นมั่นก็เหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขา
ใบหน้าของเธอแดงก่ำและพูดติดๆ ขัดๆ “ถ้าอย่างนั้น ผะ… รุ่ยเฉิน เรียกฉันว่ามั่นมั่นก็ได้ค่ะ” เมื่อได้ยินเจียงรุ่ยเฉินตอบรับว่า ‘ครับ’ เหวินมั่นมั่นก็ขึ้นไปชั้นบนอย่างมีความสุข
เมื่อเหวินฉี่สยงเห็นว่าเหวินมั่นมั่นสนใจเจียงรุ่ยเฉิน ในใจเขาก็สนับสนุนเต็มที่ วันนี้เจียงรุ่ยเฉินมาเยี่ยมเขาในนามของพ่อเขา เจียงจิ้งเทา เหวินฉี่สยงรู้สึกชอบเด็กหนุ่มคนตรงหน้านี้มาก หากเขาสนใจเหวินมั่นมั่นก็คงจะดีมากเช่นกัน
เจียงรุ่ยเฉินนั่งคุยกับเหวินฉี่สยงอีกสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นบอกลา เหวินมั่นมั่นไม่ได้ลงมาที่ชั้นล่าง เหวินฉี่สยงเองก็ไม่อยากให้เจียงรุ่ยเฉินมองลูกสาวของเขาไม่ดี ดังนั้นจึงปล่อยให้เขากลับไป
เมื่อเหวินมั่นมั่นลงมา เธอก็พบว่าเจียงรุ่ยเฉินได้หายตัวออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว “คุณพ่อคะ รุ่ยเฉินล่ะ?” เหวินมั่นมั่นยอมรับชื่อนี้ได้อย่างรวดเร็ว เหวินฉี่สยงมองดูเธอด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเหวินมั่นมั่นถูกจ้องมองอยู่อย่างนั้น เธอก็ค่อยๆ หลุบตาลงต่ำ “พ่อคะ พ่อมองอะไรเหรอ บนหน้าหนูมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าคะ” เหวินมั่นมั่นรู้ดีว่าเหวินฉี่สยงกำลังหัวเราะเธอ เธอจึงทำได้แค่ก้มศีรษะลงและแสร้งทำตัวน่าสงสาร
เหวินฉี่สยงไม่พูดอะไรมาก เขานั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาและถือนิตยสารเอาไว้หนึ่งเล่ม “เขากลับไปแล้ว ทำไมเหรอมั่นมั่น ลูกมีธุระอะไรจะคุยกับเขา?”
“พ่อคะ หนูจะไปมีธุระอะไรกับเขาล่ะคะ เดี๋ยวหนูไปเรียกอวิ๋นเจี่ยมาทำอาหารก่อนนะคะ” เหวินมั่นมั่นเห็นเหวินฉี่สยงนั่งเหยียดลำตัวตรงอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอให้เธอขอร้อง แต่เหวินมั่นมั่นแน่กว่าพ่อของเธอ ‘หนูไม่ถามหรอก’
“อะไรกัน เมื่อกลางวันไม่ได้กินอะไรเลยเหรอ ทำไมถึงหิวเอาตอนนี้ล่ะ” เหวินฉี่สยงมองเวลา แล้วก็พบว่ามันเพิ่งจะบ่ายสองโมง
เมื่อกลางวันเหวินมั่นมั่นกินไปแค่เค้กชิ้นเล็กๆ ชิ้นเดียว เธอไม่อยากพูดถึงถังโจวโจว เธอจึงพูดอย่างคลุมเครือว่า “ค่ะ ทานไปนิดเดียวเอง ตอนนั้นไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ” อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเมื่อครู่นี้เจียงรุ่ยเฉินยังอยู่ เธอไม่อยากให้เขาจดจำภาพเธอที่ไม่ดี ดังนั้น เธอจึงไม่ไปที่ห้องครัว
เหวินฉี่สยงเห็นเหวินมั่นมั่นบ่นหิว เขาก็รีบตะโกนไปทางห้องครัว “อวิ๋นเจี่ย… อวิ๋นเจี่ย!”
อวิ๋นเจี่ยตอบรับพลางเดินออกมา “คะ คุณผู้ชาย?” เธอเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน เมื่อครู่นี้เธอกำลังทำความสะอาดห้องครัวอยู่ มือของเธอเปียกโชก
“มั่นมั่นยังไม่ได้กินอะไรเลย ไปต้มบะหมี่มาให้เธอหน่อย” ตอนนี้มันก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมานานแล้ว ตระกูลเหวินเองก็ไม่เคยเก็บอาหารไว้ด้วย
“ค่ะ ฉันจะไปทำให้เดี๋ยวนี้” เมื่ออวิ๋นเจี่ยได้ยินว่าเหวินมั่นมั่นยังไม่ได้กินข้าว เธอก็รีบไปที่ห้องครัว ตอนนี้ปาไปตั้งกี่โมงแล้ว คุณหนูของเธอจะต้องหิวมากแน่ๆ
เหวินมั่นมั่นนั่งลงข้างเหวินฉี่สยง และเห็นว่าเขายังคงอ่านนิตยสารการเงินในมือของเขาอยู่ เธออยากรู้เรื่องของเจียงรุ่ยเฉิน ในที่สุดเธอก็ต้านทานความลุ่มหลงไม่ได้ “พ่อคะ ทำไมวันนี้ผู้จัดการเจียงมาที่บ้านเราล่ะคะ แล้วทำไมหนูไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย”
“อ๋อ รุ่ยเฉินเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศน่ะ วันนี้เขามาเยี่ยมพ่อตามคำขอของพ่อเขา มั่นมั่น…สนใจเขาเหรอลูก?”
เหวินมั่นมั่นเห็นว่าเหวินฉี่สยงรู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขากลับทำเป็นไม่รู้ เธอโถมตัวใส่อ้อมแขนของเหวินฉี่สยงและออดอ้อน “ทำไมคุณพ่อถึงร้ายแบบนี้ล่ะคะ รู้อยู่แล้วว่าหนูจะถามอะไร แต่ก็ไม่ยอมบอกหนู”
“มั่นมั่น พ่อนั่งอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ลูกไม่สนใจพ่อเลย เอาแต่ถามถึงเรื่องของรุ่ยเฉิน พ่อไม่สบายใจนะเนี่ย” เหวินฉี่สยงแสร้งยกมือขึ้นกุมหน้าอกอย่างเจ็บปวดใจ แต่ใบหน้าของเขากลับดูแดงก่ำและเป็นประกาย
เหวินมั่นมั่นกอดแขนเหวินฉี่สยง ก่อนจะออดอ้อนเอาอกเอาใจ “ทำไมวันนี้พ่อไม่เข้าบริษัทล่ะคะ แล้วทานข้าวเที่ยงเป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม”
เหวินฉี่สยงแค่หยอกเหวินมั่นมั่นเล่นก็เท่านั้น “เอาละ พ่อรู้แล้วว่าลูกมีน้ำใจ ทีนี้บอกพ่อมาตามตรง ลูกชอบรุ่ยเฉินใช่ไหม แต่ลูกบอกว่าลูกชอบลั่วเซ่าเชินไม่ใช่เหรอ”
เหวินฉี่สยงเองก็ชอบเจียงรุ่ยเฉิน เขาอยากให้เหวินมั่นมั่นได้เห็นว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ลั่วเซ่าเชินเท่านั้นที่เพียบพร้อม ตอนนี้เขามีครอบครัวแล้ว ซึ่งนั้นเป็นจุดด้อยของเขาเมื่อเทียบกับเจียงรุ่ยเฉิน
“พ่อคะ ลั่วเซ่าเชินเขาก็มีถังโจวโจวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมหนูต้องเข้าไปแทรกด้วย คุณพ่อขา คุณพ่อเล่าเรื่องของรุ่ยเฉินให้หนูฟังดีกว่า หนูอยากรู้จักเขาให้ดีกว่านี้” เหวินมั่นมั่นแสดงความตั้งใจอย่างกล้าหาญ เธอเองก็ดูออกว่าเหวินฉี่สยงไม่คิดจะห้ามเธอ
เหวินฉี่สยงเล่าทุกอย่างที่เขารู้ให้เหวินมั่นมั่นฟัง เหวินมั่นมั่นยิ่งชอบเจียงรุ่ยเฉินมากขึ้นไปอีก
เมิ่งชิงซีส่งคนไปตามเหวินมั่นมั่น แต่ปรากฏว่าเหวินมั่นมั่นไม่ได้ไปหาเรื่องถังโจวโจว พวกเธอเพียงนั่งด้วยกันอยู่ในร้านกาแฟ และเหมือนจะพูดกันแค่ไม่กี่ประโยค จากนั้นเหวินมั่นมั่นก็จากไป
เมิ่งชิงซีไม่รู้ว่าเหวินมั่นมั่นกำลังทำบ้าอะไรอยู่ เธอชอบเซ่าเชินไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพอรู้ว่าถังโจวโจวท้อง ถึงได้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?
เมิ่งชิงซีรู้สึกว้าวุ่นใจไปชั่วขณะ ทำไมเหวินมั่นมั่นถึงไม่ทำตามแผนของเธอ เมิ่งชิงซีตัดสินใจแล้วว่าในเมื่อไม่มีใครช่วย เธอก็จะลงมือเอง ถังโจวโจวจะต้องไม่ได้คลอดเด็กคนนี้ เธอต้องวางแผนให้ดี
ถังโจวโจวไม่ได้รู้เลยว่าภัยร้ายกำลังใกล้เข้ามา ช่วงนี้เธอกินอิ่มนอนหลับ หากเธอไม่ต้องลุกขึ้นมาอาเจียนทุกเช้า เธอก็คงจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างการที่เธอตั้งท้องและไม่ได้ตั้งท้อง
หลังเลิกงาน ลั่วเซ่าเชินก็มารับเธอกลับบ้าน ถังโจวโจวยังไม่ทันจะก้าวขึ้นรถ ลั่วอิงที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ตะโกนเรียกอย่างอบอุ่นว่า “แม่โจวโจวขา รีบขึ้นมาเร็วค่ะ วันนี้เราต้องไปทานข้าวกันที่บ้านคุณปู่คุณย่านะคะ”
ถังโจวโจวเปิดประตูรถและก้าวขึ้นไปนั่ง “โอเคค่ะ ไปกันเถอะ”