ลั่วเซ่าเชินเอี้ยวตัวข้ามมา ถังโจวโจวเบี่ยงหลบถอยหลัง เธอคิดว่าลั่วเซ่าเชินต้องการจะจูบเธอ เธอกลัวว่าลั่วอิงจะเห็นเข้า ซึ่งมันไม่เหมาะเท่าไร ดังนั้นเธอจึงหลบแล้วหลบอีก แต่ที่ไหนได้ เธอคิดมากเกินไป ลั่วเซ่าเชินแค่จะคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอก็เท่านั้น
ถังโจวโจวรู้สึกว่าเธอโดนลั่วเซ่าเชินแกล้ง เขาจะรู้บ้างไหมว่าเธอชอบคิดเข้าข้างตัวเอง ถังโจวโจวกุมหน้า เธออายจริงๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
ลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวไม่ยอมพูดกับเธอเลย เธอจึงตะโกนเสียงดังลั่นว่า “แม่โจวโจวขา ทำไมคุณแม่ถึงไม่คุยกับหนูล่ะคะ” ใบหน้าดวงเล็กของเธอดูน้อยใจมาก ถังโจวโจวไม่มีเวลามานึกถึงเรื่องของตัวเองอีก
เธอรีบหันหลังกลับไปมองลั่วอิงและพูดว่า “แม่โจวโจวลืมค่ะ วันนี้ลั่วอิงไปโรงเรียนมา สนุกไหมคะ”
เมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวถามถึงโรงเรียน เธอก็พูดอย่างตื่นเต้น “วันนี้คุณครูให้ทำงานหนึ่งอย่างค่ะ แม่โจวโจว คุณครูให้หนูวาดรูปครอบครัว รูปของหนูได้ที่หนึ่งของห้องเลยนะคะ!” ท่าทางของลั่วอิงนั้นดูภูมิใจเป็นอย่างมาก
ถังโจวโจวพูดด้วยความประหลาดใจ “จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นแม่โจวโจวคงต้องคิดหน่อยแล้ว ลั่วอิงได้ตั้งที่หนึ่ง แม่จะให้รางวัลอะไรดีนะ”
เห็นได้ชัดว่าลั่วอิงสนใจของรางวัลที่ถังโจวโจวพูดถึง “แม่โจวโจวจะให้อะไรหนูเหรอคะ”
“ลั่วอิง หนูจะขอรางวัลได้ยังไงลูก มันไม่ถูกนะ!” จู่ๆ ลั่วเซ่าเชินก็พูดเสียงเข้ม ซึ่งนั่นทำให้ลั่วอิงและถังโจวโจวตกใจ
ลั่วอิงเบะปาก แต่เธอไม่กล้าต่อต้านลั่วเซ่าเชิน แม้ใบหน้าของเธอจะดูไม่ค่อยพอใจ ถังโจวโจวเห็นว่าอยู่ๆ บรรยากาศในรถก็เย็นยะเยือก เธอจึงเอ่ยปลอบลั่วอิง “แม่โจวโจวอยากให้หนูเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อ หนูไม่ต้องไปฟังนะ”
ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวจงใจเมินเขา เขาจึงทำหน้าขรึมเอ่ยเสียงเข้ม “ถังโจวโจว นั่งดีๆ คุณไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย?” ถังโจวโจวสำรวจดูตัวเองแล้วก็ไม่พบความผิดปกติอะไร เขาต้องอิจฉาความสัมพันธ์ของเธอกับลั่วอิงแน่ๆ เลย
“เซ่าเชิน วันนี้คุณไปกินไฟมาใช่ไหมคะ?” ชั่วขณะหนึ่ง ลั่วเซ่าเชินไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเธอดี ปกติแล้วเธอมักจะบอกว่าอย่าให้ท้ายลั่วอิง ให้ลูกได้เรียนรู้ความจริงบ้าง ปรากฏว่าพอเขาดุ ถังโจวโจวกลับช่วยเธอเสียเอง แบบนี้จะไม่ให้เขาพูดไม่ออกได้อย่างไรกัน
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว เธอก็เริ่มนิ่งคิด ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเคยพูดอย่างนั้นกับลั่วเซ่าเชินมาก่อน เธอรู้สึกผิดขึ้นมาทันที แต่เธอก็ไม่สามารถขอโทษลั่วเซ่าเชินต่อหน้าลั่วอิงได้ ดังนั้นเธอจึงต้องทำตัวราวกับว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
เดี๋ยวรอให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังก่อน แล้วเธอค่อยพูดขอโทษเขา มันคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ได้ผล เธอก็ยังมีลูกที่อยู่ในท้องคอยคุ้มครองเธออยู่ ลั่วเซ่าเชินไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก!
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ตระกูลลั่ว คุณแม่ลั่วก็ยืนรออยู่ที่ลานหน้าบ้านแล้ว ลั่วอิงลงจากรถและวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของคุณแม่ลั่ว “คุณย่าขา หนูมาแล้ว”
“โอ๊ย ตายแล้ว ลั่วอิงของย่ายิ่งโตยิ่งน่ารัก” คุณแม่ลั่วกอดลั่วอิงเอาไว้ในอ้อมแขนราวกับว่ากำลังกกไข่ทองคำ จากนั้นเธอก็มองไปที่ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินที่เดินจับมือกันมา ทันใดนั้นคุณแม่ลั่วก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้มันดีเหมือนกัน
“สบายดีไหมลูก ช่วงนี้เด็กในท้องเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่คุณแม่ลั่วเปิดปาก เธอก็ถามถึงเด็กในท้องของถังโจวโจว ถังโจวโจวไม่ได้รู้สึกอะไรที่คุณแม่ลั่วมองเธอเปลี่ยนไป เพราะเธอเข้าใจว่าเป็นเพราะเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ
แต่กับลั่วเซ่าเชิน ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ค่อยสบอารมณ์ เมื่อได้ยินคุณแม่ลั่วพูดอย่างนั้น “แม่ครับ เข้าไปข้างในก่อนเถอะ”
ถังโจวโจวพูดด้วยความห่วงใย “แม่คะ อากาศด้านนอกหนาวขนาดนี้ ครั้งหน้าคุณแม่ไม่ต้องออกมายืนรอพวกเราแล้วนะคะ เกิดคุณแม่ป่วยขึ้นมา พวกเราจะทำยังไงล่ะคะ”
เป็นเพราะตอนนี้ถังโจวโจวอุ้มท้องหลานของเธออยู่ คุณแม่ลั่วจึงมองถังโจวโจวได้อย่างไม่ขัดหูขัดตา “จ้ะ แม่จะฟังหนู เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะนะ”
ถังโจวโจวควงแขนคุณแม่ลั่ว คุณแม่ลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธ คุณแม่ลั่วจับลั่วอิงด้วยมือข้างที่เหลือและทิ้งลั่วเซ่าเชินเอาไว้ข้างหลัง
ถังโจวโจวรายงานอาการของลูกในท้องให้คุณแม่ลั่วฟัง คุณแม่ลั่วก็ตั้งใจฟังอย่างมาก เธอกำชับให้ถังโจวโจวกินให้เยอะๆ ไม่เช่นนั้นเด็กในท้องจะไม่ได้รับสารอาหาร ถังโจวโจวพยักหน้าหงึกหงัก ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของแม่ผัวลูกสะใภ้คู่นี้จะกลมเกลียวกันมาก
หลังจากกินข้าวที่คฤหาสน์ตระกูลลั่วและนั่งคุยกันอีกสักพัก ลั่วเซ่าเชินก็พาถังโจวโจวและลั่วอิงกลับบ้าน ลั่วอิงผล็อยหลับไปหลังจากที่เพิ่งจะขึ้นรถมาได้ไม่นาน ถังโจวโจวแอบชำเลืองมองลั่วเซ่าเชิน เธอเห็นว่าเขากำลังขับรถและไม่ชายตามองมาที่ด้านข้างเลย
“เซ่าเชิน ฉันขอโทษ” ถังโจวโจวพูดอย่างตรงไปตรงมา
“คุณทำผิดตรงไหนเหรอ” ลั่วเซ่าเชินนึกถึงเรื่องนั้น เขาแค่อยากให้ถังโจวโจวพูดมันออกมาเอง ถ้าไม่ให้บทเรียนเธอสักหน่อย เธอก็มักจะขัดคอเขาเสมอ
ถังโจวโจวพูดเสียงเบา “ฉันไม่ควรฉีกหน้าคุณ ครั้งหน้าฉันจะไม่พูดอย่างนั้นอีกค่ะ” ถังโจวโจวเหยียดนิ้วขึ้นสามนิ้วและสาบาน
ลั่วเซ่าเชินไม่ได้พูดอะไร แต่ถังโจวโจวก็ยังพยายามต่อ
“เซ่าเชิน ฉันพูดจริงๆ นะคะ ครั้งหน้าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก ฉันจะ…จะ…”
“ ‘จะ’ อะไร”
ถังโจวโจวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันสัญญากับคุณค่ะว่าฉันจะทำทุกอย่างตามที่คุณพูด แบบนี้โอเคไหมคะ”
ลั่วเซ่าเชินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “แบบนี้ก็โอเค ผมจะจดจำสิ่งที่คุณพูดในวันนี้เอาไว้ให้ดี” เมื่อถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินยิ้มปลิ้นปล้อน เธอก็รู้สึกว่าเธอโดนหลอกทันที
“เซ่าเชิน คุณคงจะไม่ขออะไรที่มันไร้สาระ แล้วก็ขอในสิ่งที่ฉันพอจะทำให้ได้ใช่ไหมคะ” ถังโจวโจวโยนหินถามทาง เธอกลัวว่าจะขุดหลุมด้วยตัวเอง แต่กลับต้องกระโดดลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“วางใจได้ ผมจะเป็นคนแบบนั้นไปได้ยังไง” ลั่วเซ่าเชินพูดอย่างสบายๆ แต่ถังโจวโจวกลับรู้สึกว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก จู่ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจ
“เซ่าเชิน ฉันขอถอนคำที่ฉันเพิ่งพูดไปได้ไหมคะ”
“ทำแบบนั้นได้ยังไง สิ่งที่พูดออกมาก็เหมือนน้ำที่รั่วออกมา จะถอนคำพูดคืนง่ายๆ ได้หรือ” ลั่วเซ่าเชินเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของถังโจวโจว ในใจของเขาก็เบิกบานมีความสุข แต่เขาก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้เธอกังวลใจอยู่คนเดียว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลั่วเซ่าเชินก็ก้มตัวลงไปอุ้มลั่วอิงออกมา เธอนอนหลับสนิท แม้จะถูกลั่วเซ่าเชินออกแรงอุ้มอย่างนี้เธอก็ยังไม่ตื่น ป้าหลิวยังไม่เข้านอน เมื่อเธอเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว เธอก็รีบเปิดไฟอย่างรวดเร็ว
“กลับมาแล้วหรือคะคุณชาย คุณผู้หญิง”
ลั่วเซ่าเชินอุ้มลั่วอิงเดินขึ้นไปชั้นบน ถังโจวโจวเห็นว่ามันดึกมากแล้ว เธอจึงพูดกับป้าหลิวด้วยรอยยิ้ม “ป้าหลิวไปพักเถอะค่ะ”
ป้าหลิวพยักหน้า “ค่ะ คุณผู้หญิงก็รีบพักผ่อนนะคะ”
“ค่ะ” ถังโจวโจวตามลั่วเซ่าเชินขึ้นไปชั้นบน เธอช่วยลั่วอิงเปลี่ยนเสื้อผ้าและห่มผ้าห่มให้เธอ จากนั้นเธอจึงออกมาจากห้องของลั่วอิง เมื่อเธอเห็นว่าไฟในห้องหนังสือยังสว่างอยู่ ถังโจวโจวก็ขยับเข้าไปใกล้แสงสว่างนั้นอย่างช้าๆ
“เซ่าเชิน คุณยังไม่นอนหรือคะ” เมื่อเธอเห็นลั่วเซ่าเชินนั่งอยู่ที่โต๊ะและกำลังเคาะบนแป้นพิมพ์ ถังโจวโจวก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ลั่วเซ่าเชินเงยหน้ามองเธอที่ยืนอยู่ตรงประตู “คุณกลับไปที่ห้องก่อน เดี๋ยวผมตามไป”
ถังโจวโจวไม่ได้ถามอะไรอีกและออกไปจากห้องหนังสือ ลั่วเซ่าเชินหยิบหนังสือที่เขาซ่อนไว้ที่ขาขึ้นมาบนโต๊ะ บนนั้นมีตัวหนังสือขนาดใหญ่ว่า “คู่มือสำหรับคุณพ่อมือใหม่”
ลั่วเซ่าเชินอ่านเพิ่มอีกสองสามหน้าและคัดข้อความบางส่วน เมื่อมองดูเวลา เขาก็จัดหนังสือให้เข้าที่ ก่อนจะกลับไปที่ห้อง
ถังโจวโจวเปิดไฟหัวเตียงดวงเล็กและกำลังถือนวนิยายอ่าน ตอนนี้เธอค่อนข้างคึกและนอนไม่หลับ เธออยากจะอ่านหนังสือเพื่อสะกดจิตให้เธอหลับได้ลง
เมื่อลั่วเซ่าเชินเดินเข้ามา เขาก็ฉวยหนังสือออกจากมือเธอ “อ่านหนังสือดึกขนาดนี้ มันไม่ดีต่อสายตานะ เข้านอนเถอะ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าคุณจะลุกไม่ไหวอีก”
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินแย่งหนังสือเธอไปแล้ว เธอก็อยากจะแย่งมันกลับมา เธออ่านหนังสือเล่มนั้นเหลืออยู่แค่ไม่กี่หน้าเอง อีกนิดเดียวเธอก็อ่านจบแล้ว “เซ่าเชิน ฉันขออ่านอีกหน่อยนะคะ แล้วจะรีบเข้านอน”
ลั่วเซ่าเชินอ่านชื่อหนังสือและพบว่ามันเป็นแค่นวนิยายรัก แบบนี้เขายิ่งไม่ยอม “ทำไมคุณถึงยังอ่านหนังสือพวกนี้อยู่อีก”
ในมุมมองของลั่วเซ่าเชิน การอ่านหนังสือพวกนี้เป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลาโดยแท้ ถ้ามันเป็นภัยต่อลูกที่อยู่ในท้องล่ะจะทำอย่างไร
“อ่านหนังสือพวกนี้แล้วทำไมคะ ฉันไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีนี่” ถังโจวโจวเริ่มไม่สบอารมณ์ แม้แต่อิสระในการอ่านหนังสือ เธอก็ไม่มีเหรอ?
เมื่อเห็นลั่วเซ่าเชินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอก็รีบฉวยหนังสือนิยายคืนมาจากเขาและพลิกไปหน้าที่เธออ่านค้างไว้ ก่อนจะเริ่มอ่านมันต่อไป
“หนังสือพวกนี้ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด คุณอย่าทำร้ายลูกที่อยู่ในท้องเลย” คำพูดนั้นกระตุ้นต่อมความไม่พอใจของถังโจวโจวในทันที
“ลั่วเซ่าเชิน คุณพูดมันอีกทีสิคะ มันก็แค่หนังสือไม่ใช่เหรอ คุณพูดไปถึงเรื่องลูกได้ยังไง ตอนนี้เขาอายุเท่าไรเอง จะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” ถังโจวโจวรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินวิตกกังวลมากเกินไป
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเขาทำดีแต่ไม่ได้ดี และในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถต้านทานถังโจวโจวได้ เขาจึงได้แต่ปล่อยมันไปและเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
ถังโจวโจวไม่ได้ห่วงเลยว่าเขาจะโกรธ เมื่อเธออ่านหน้าที่เหลือจบ เธอก็เอนตัวลงและเข้านอนไป
ทันทีที่ถังโจวโจวล้มตัวลง ลั่วเซ่าเชินก็ออกมาและไม่ได้พูดอะไรกับเธออีก จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงนอนลงบนเตียง ลั่วเซ่าเชินตาเบิกโพลงนอนไม่หลับ เขาคิดว่าถังโจวโจวเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก นี่เขาจะทำดีเพื่อเธอไม่ได้เลยใช่ไหม?
เขาอยากจะดูว่าเธอจะรู้สึกเสียใจกับมันบ้างไหม เขาค่อยๆ หันหน้ากลับไปมอง แล้วเขาก็พบว่าถังโจวโจวหลับไปนานแล้ว ลั่วเซ่าเชินได้แต่นอนมองถังโจวโจวที่หลับสนิทด้วยความอัดอั้นตันใจ
ถังโจวโจวหลับสนิทตลอดคืน แต่ลั่วเซ่าเชินกลับนอนไม่หลับ จนกระทั่งตีหนึ่งตีสอง เขาจึงค่อยๆ หลับไปอย่างช้าๆ เช้าวันรุ่งขึ้น ถังโจวโจวตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เธอรู้สึกผ่อนคลาย เธอบิดขี้เกียจเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเธอปลุกลั่วเซ่าเชินให้ตื่น แต่เป็นเพราะเขานอนไม่พอ เขาจึงรู้สึกปวดหัว เขาลุกขึ้นมานั่งกุมหน้าผาก
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเขาดูไม่ค่อยดี เธอจึงถามด้วยความห่วงใย “เซ่าเชิน คุณนอนไม่เต็มอิ่มใช่ไหม เอนต่ออีกสักหน่อยไหมคะ” เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัท ไปสายหน่อยก็คงไม่มีใครกล้าว่าอะไรหรอก
ลั่วเซ่าเชินเห็นเธอดูไม่เป็นอะไร เขารู้สึกเสียแรงที่เขาอารมณ์บูดบึ้งมาทั้งคืน ลั่วเซ่าเชินไม่อยากจะสนใจเธอ เขาเอนตัวลงและปิดเปลือกตา เพื่อเตรียมตัวนอนต่ออีกสักพัก
ถังโจวโจวคิดว่าลั่วเซ่าเชินคงนอนไม่ค่อยหลับ อารมณ์ของเขาก็น่าจะไม่ดีขึ้นเช่นกัน มันก็เหมือนกับการที่เธอถูกรบกวนเวลานอน เธอเองก็ไม่มีความสุข เธอโยนเรื่องขัดแย้งของเธอกับลั่วเซ่าเชินที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทิ้งไปแล้ว แม้ว่าตอนนั้นเธอจะรู้สึกโกรธอยู่บ้างก็ตามที แต่เธอก็รู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินหาเรื่องใส่ตัวเอง
แต่หลังจากผ่านไปคืนหนึ่ง ความรู้สึกโกรธก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว เธอรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าลั่วเซ่าเชินไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
ถังโจวโจวไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของลั่วเซ่าเชิน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เตรียมจะเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปที่บริษัท แต่ในขณะที่เธอกินข้าวเช้าอยู่ ลั่วเซ่าเชินก็แต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาแล้ว
เมื่อเขาจัดการมื้อเช้าของเขาเสร็จ จากนั้นเขาก็ไปส่งถังโจวโจวที่บริษัท แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอตลอดทาง ถังโจวโจวลงจากรถและบอกลาเขา “เดี๋ยวฉันเข้าไปก่อนนะคะ เซ่าเชิน คุณขับรถดีๆ ล่ะ”