ตอนที่ 218 เมิ่งชิงซีเสนอความคิด
คุณแม่ลั่วเริ่มคล้อยตาม ที่ผ่านมาเธอเอาแต่ต่อสู้กับถังโจวโจว โดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าลูกชายของเธอนับวันยิ่งห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าเธอเร่งผลักไสลูกชายให้ไปกับถังโจวโจว
“คุณป้าขา เพราะฉะนั้นหนูถึงแนะนำให้คุณป้าสานสัมพันธ์ที่ดีกับถังโจวโจวเอาไว้ เซ่าเชินจะได้ไม่เย็นชากับคุณป้าเหมือนตอนนี้” คำพูดของเมิ่งชิงซีทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจของคุณแม่ลั่ว และเมื่อคุณแม่ลั่วคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของเมิ่งชิงซีสมเหตุสมผล
เธอคิดว่า แม้ลั่วเซ่าเชินจะไม่ค่อยแสดงออกต่อเธอกับพ่อของเขามากสักเท่าไร แต่คุณแม่ลั่วก็ทราบดีว่านั่นเป็นนิสัยของลั่วเซ่าเชิน ต้นเหตุอาจมาจากเรื่องของหันฮุ่ยซินในอดีต จิตใจและอารมณ์เขาถึงได้ดูเย็นชาเช่นนี้ คุณแม่ลั่วไม่คิดกล่าวโทษลั่วเซ่าเชิน แต่กลับยิ่งรักลูกชายของเธอมากขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกัน คุณแม่ลั่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ผู้หญิงที่ฐานะต่ำต้อยอย่างหันฮุ่ยซินจะเหมาะสมกับลูกชายของเธอได้อย่างไร ดีว่าหันฮุ่ยซินยอมจากไปเอง จึงทำให้เธอไม่ต้องใช้วิธีจัดการของเธอเอง
จากเหตุเสียชีวิตของลั่วเซ่าอวี๋ ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ลั่วยิ่งรู้สึกรักและหวงแหนลูกชายคนเดียวอย่างลั่วเซ่าเชินมากขึ้นไปอีก พวกเขาต้องการจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายคนนี้ ดังนั้น ลูกสะใภ้ของตระกูลลั่วจะต้องมีสกุลรุนชาติ สามารถช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของลั่วเซ่าเชินได้
แม้ว่ามีหลานสาวอย่างลั่วอิงปรากฏตัวขึ้น แต่คุณแม่ลั่วก็ไม่ย่อท้อ เพราะถึงอย่างไรลูกชายของเธอก็ยังครบถ้วนไปด้วยคุณสมบัติที่ดี ถึงมีลูกติดแล้วก็ยังมีผู้หญิงหลายคนที่เต็มใจยอมแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลลั่วของพวกเขา
คุณแม่ลั่วเห็นว่าลั่วเซ่าเชินหมั้นหมายกับตระกูลเมิ่งอยู่แล้ว แต่ในขณะที่กำลังจัดเตรียมและปรึกษาหารือกับตระกูลเมิ่งเกี่ยวกับงานแต่งงานอยู่นั้น เธอนึกไม่ถึงเลยว่าลั่วเซ่าเชินจะไปที่บ้านตระกูลเมิ่งโดยไม่บอกใครเพื่อถอนหมั้น ซึ่งนั่นทำให้คุณพ่อและคุณแม่ลั่วโมโหมาก แต่ไม่รู้ทำไมผู้เฒ่าเมิ่งถึงยินยอม
แม้คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วจะเกลี้ยกล่อมอยู่นาน แต่ผู้เฒ่าเมิ่งก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าพูดถึงมันอีก
หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วเซ่าเชินก็มาบอกว่าเขาแต่งงานแล้ว ซ้ำยังบอกให้พวกเขาออกมาพบและร่วมมื้ออาหารกับครอบครัวของอีกฝ่าย คุณพ่อและคุณแม่ลั่วสับสนไปหมด มีอย่างนี้ด้วยหรือ แต่งงานโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ แล้วยังบังคับกันอย่างนี้อีก มีอย่างที่ไหนกัน?
เมื่อคุณแม่ลั่วค่อยๆ ไล่เรียงเหตุการณ์ทีละเหตุการณ์ เธอก็พบว่าตั้งแต่ถังโจวโจวปรากฏตัวขึ้น ลั่วเซ่าเชินก็เปลี่ยนแปลงไปมาก เขากลับบ้านบ่อยขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้น แต่สิ่งที่คุณแม่ลั่วรู้สึกเศร้าใจก็คือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลั่วเซ่าเชินเกิดจากถังโจวโจว เขาเปลี่ยนไปเพราะผู้หญิงที่เป็นปฏิปักษ์กับเธอ
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่คุณแม่ลั่วก็ไม่มีความสุข เธอไม่ชอบถังโจวโจว ไม่ว่าถังโจวโจวจะทำอะไรดีมากแค่ไหน มันก็ไร้ค่าในสายตาของเธอ เพราะผู้หญิงคนนี้คือคนที่แย่งลูกชายของเธอไป
“ชิงซี หนูว่าป้าควรจะทำยังไงดี” คุณแม่ลั่วอยากได้คำแนะนำจากเมิ่งชิงซี เธอเห็นด้วยว่าสิ่งที่เมิ่งชิงซีพูดมานั้นถูกต้อง แต่จะให้เธออ่อนข้อให้ถังโจวโจวอย่างนั้นหรือ เธอทำใจไม่ได้
เมิ่งชิงซีพูดอย่างมีความสุข เมื่อเธอเห็นว่าคุณแม่ลั่วเดินตามเกมของเธอแล้ว “คุณป้าก็แค่คุยกับถังโจวโจวดีๆ เท่านั้นเองค่ะ หากคุณป้ายอมทำ คุณป้าก็แค่ยอมรับผิดกับเธอ…”
“ไม่ได้เด็ดขาดนะชิงซี ป้าทำผิดตรงไหน ทำไมป้าต้องยอมรับผิดด้วย!” คุณแม่ลั่วคิดว่าคำพูดของเมิ่งชิงซีนั้นไร้สาระ ให้เธอยอมรับผิดกับถังโจวโจวเนี่ยนะ ตลกชัดๆ! ถังโจวโจวสมควรได้รับที่ไหนกัน!
“คุณป้าอย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ หนูรู้ว่าคุณป้าไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หรือว่าคุณป้าอยากจะเห็นเซ่าเชินค่อยๆ ห่างจากคุณป้าไปอีกอย่างนั้นหรือคะ” น้ำเสียงปลุกเร้าของเมิ่งชิงซีดังขึ้นที่ข้างหูของคุณแม่ลั่ว
คุณแม่ลั่วได้แต่คิดแล้วคิดอีก หากต่อแต่นี้ไปลูกชายของเธอยังคงเย็นชาใส่เธอ และไม่ไว้หน้าคนที่เป็นแม่อย่างเธออีก เธอจะเลี้ยงเขามาจนโตทำไม?
ตอนที่ 219 คุณแม่ลั่วยอมจำนน
มือที่อยู่ข้างลำตัวของคุณแม่ลั่วกำหมัดแน่น เมิ่งชิงซีจับมือของคุณแม่ลั่วไว้ “คุณป้าคะ คุณป้าแค่ต้องอดทนไปพักหนึ่ง พอเซ่าเชินไว้วางใจมากขึ้นแล้ว ต่อไปไม่ว่าคุณป้าจะอยากทำอะไรกับถังโจวโจว หนูเชื่อว่าเซ่าเชินจะต้องอยู่ข้างเดียวกับคุณป้าค่ะ”
เมิ่งชิงซีกุมมือของคุณแม่ลั่วไว้แน่น เพื่อถ่ายทอดพลังใจให้กับเธอ จนราวกับว่าเธอได้รับกำลังใจจากเมิ่งชิงซีอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว คุณแม่ลั่วจึงพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า “โอเคจ้ะ ป้าจะเชื่อหนู”
เมิ่งชิงซียิ้มพลางมองดูคุณแม่ลั่วด้วยสายตาพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ เธอเชื่อว่าครั้งนี้ถังโจวโจวจะไม่มีทางหลุดพ้นเงื้อมมือของเธอได้อย่างแน่นอน
“คุณป้าคะ โจวโจวขึ้นไปข้างบน ในเมื่อเราตัดสินใจกันได้แล้ว เราขึ้นไปหาเธอกันดีไหมคะ”
เมิ่งชิงซีเห็นว่าถังโจวโจวขึ้นไปข้างบนนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมาสักที แม้เธอจะรู้ว่าถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าพวกเขาจะใกล้ชิดกันสักเท่าไร มันก็ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่เธอก็ยังคงรู้สึกเศร้าใจอยู่ดี เธอหวังว่าเธอจะไม่ได้เห็นฉากที่เธอไม่อยากเห็น
คุณแม่ลั่วนึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อครู่นี้ ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ในเมื่อเธอได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว เมิ่งชิงซีก็ยืนมองอยู่ตรงนี้ด้วย เธอจึงไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก “เราขึ้นไปกันเถอะ” เมิ่งชิงซีควงแขนคุณแม่ลั่ว ก่อนที่พวกเธอทั้งคู่จะเดินขึ้นไปชั้นบน
ถังโจวโจวขึ้นมาหาลั่วเซ่าเชิน อันที่จริงเป็นเพียงข้ออ้าง จริงๆ แล้วเธอขึ้นมาหลบภัย เมิ่งชิงซีมักจะจับจ้องเธอ ถังโจวโจวไม่อยากเสียเวลาอธิบายอะไรให้เมิ่งชิงซีฟัง หากเธอทำให้เมิ่งชิงซีลำบากใจ หรือเผลอฉีกหน้าเมิ่งชิงซีเข้า คุณแม่ลั่วก็อาจจะเอ็ดเธอเอาได้ แต่ถ้าเมิ่งชิงซีเอาแต่มีความสุขบนความทุกข์ของเธอ เธอก็จะอารมณ์เสียอีก การเป็นมนุษย์นี่มันช่างยากลำบากเหลือเกิน!
“คุณป้าคะ ในเมื่อเราตัดสินใจกันแล้วว่าเราจะยอมอ่อนข้อให้กับเธอชั่วคราว คุณป้าก็ควรจะแสดงความจริงใจของคุณป้าออกมาด้วย คุณป้าต้องทำให้เซ่าเชินเห็นว่าคุณป้าเป็นแม่สามีที่ดีแล้ว และจะมีแค่ถังโจวโจวเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย” เมิ่งชิงซีเอ่ยโน้มน้าวคุณแม่ลั่วอยู่ข้างๆ เพื่อให้คุณแม่ลั่วยอมทำเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ
คุณแม่ลั่วกุมมือของเมิ่งชิงซีกลับ “ชิงซี ป้าเข้าใจแล้วจ้ะ ในเมื่อเราตัดสินใจกันแล้ว ป้าก็ไม่กลัวจะเสียหน้า ป้าเชื่อว่าถังโจวโจวคงไม่มีไหวพริบดีขนาดนั้นหรอก”
คุณแม่ลั่วมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ตราบใดที่ไว้หน้าถังโจวโจว ถังโจวโจวจะต้องมีความสุขมาก แล้วต่อไปเธอจะคิดว่าคุณแม่ลั่วไปทำอะไรเธอได้อย่างไร เธอควรรู้สึกเป็นเกียรติสิ ถึงจะถูก
เมิ่งชิงซีและคุณแม่ลั่วตรงไปที่ห้องนอนของถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินก่อน หากที่นี่ไม่มีใครอยู่ พวกเธอถึงจะไปที่ห้องหนังสือ
ก๊อกๆๆ เมื่อถังโจวโจวได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็นึกถึงความเป็นไปได้ในทันที เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงและจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ก่อนจะไปที่ประตูและค่อยๆ เปิดมันออก
“คุณแม่ คุณเมิ่ง มาที่นี่มีอะไรกันหรือคะ”
ทันทีที่คุณแม่ลั่วได้ยินอย่างนั้น เธอก็อารมณ์เสีย นี่คือบ้านของเธอไม่ใช่หรือ แล้วเธอไม่สามารถขึ้นมาชั้นบนได้หรืออย่างไร? แต่เธอก็ยังจำสิ่งที่เธอเพิ่งพูดกับเมิ่งชิงซีได้ คุณแม่ลั่วจึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “โจวโจว แม่กับชิงซีขึ้นมาดูหนูน่ะ หนูกำลังทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ”
สีหน้าของถังโจวโจวแข็งชะงักไป อะไรเข้าสิงคุณแม่ลั่วกันล่ะเนี่ย ทำไมวันนี้ถึงเรียกเธอว่า ‘โจวโจว’ ได้ มันช่างแปลกประหลาดเสียจริง หากลั่วเซ่าเชินได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าเขาจะซาบซึ้งมากแค่ไหน ที่แม่ของเขามีทีท่าเหมือนว่าจะยอมรับเธอแล้ว
แม้ว่าเธอจะตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ถังโจวโจวก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “หนูไม่ได้ทำอะไรค่ะ คุณแม่ เข้ามานั่งข้างในกันก่อนไหมคะ”
ถังโจวโจวหลีกทางให้ แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ลั่วไม่ได้ขยับตัวไปไหน คุณแม่ลั่วทราบดีว่าลูกชายของเธอนั้นรักความสะอาดและหวงความเป็นส่วนตัว หากลูกชายของเธอรู้ว่าเธอพาเมิ่งชิงซีเข้าไปในห้องนอนของเขา เขาคงจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีก ใบหน้าของคุณแม่ลั่วยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ “โจวโจว หนูลงไปคุยกับแม่ข้างล่างดีกว่าไหมจ๊ะ”