หันฮุ่ยซินไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เธอคอยสังเกตท่าทางของลั่วเซ่าเชินอยู่เงียบๆ ลั่วเซ่าเชินจอดรถที่หน้าโรงพยาบาล เขาไม่สนใจหันฮุ่ยซินอีกต่อไปและพุ่งตัวเข้าไปในโรงพยาบาล
ฟังหยวนตามมาติดๆ หันฮุ่ยซินวิ่งเหยาะๆ ตามลั่วเซ่าเชินไป ลั่วเซ่าเชินคว้าตัวพยาบาลมาคนหนึ่งและถามว่า “ขอโทษนะครับ เมื่อครู่นี้มีผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ถูกส่งตัวมาไหม”
“อ๋อ มีค่ะ ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ” เพียงแค่ลมกระโชกพัดผ่าน ชายรูปงามที่อยู่ตรงหน้านางพยาบาลก็หายตัวไปแล้ว นางพยาบาลอยากจะรั้งลั่วเซ่าเชินเอาไว้ เพื่อบอกว่าห้องผ่าตัดอยู่ชั้นไหน แต่เมื่อเธอเห็นว่าเขาวิ่งขึ้นบันไดไป เธอก็เดาว่าเขาน่าจะพอรู้สถานที่ดี
ลั่วเซ่าเชินวิ่งขึ้นไปแล้ว ในขณะที่หันฮุ่ยซิน ถึงแม้จะอยากไล่ตาม แต่เธอก็อดทนได้ดีกว่าเขา เธอรอลิฟต์อย่างใจเย็น เมื่อลั่วเซ่าเชินวิ่งมาถึงหน้าห้องผ่าตัด เขาก็เห็นว่าเมิ่งชิงซีและหลินเหยายืนรออยู่ข้างนอก และดูเหมือนว่าพวกเธอกำลังทะเลาะกัน
ลั่วเซ่าเชินไม่สนใจว่าพวกเธอทะเลาะเรื่องอะไรกันอยู่ เขากระชากข้อมือของเมิ่งชิงซีและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น โจวโจวประสบอุบัติเหตุได้ยังไง ตอนนั้นคุณก็อยู่ด้วยใช่ไหม!”
เมิ่งชิงซีพยายามแกะข้อมือตัวเองออกจากมือของลั่วเซ่าเชิน เขาบีบข้อมือเธอจนเจ็บ สีหน้าเมิ่งชิงซีบูดเบี้ยว เธอร้องตะโกนออกมา “เจ็บ! เจ็บค่ะ! เซ่าเชินคะ ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
แต่ลั่วเซ่าเชินทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาตะคอกใส่เธอต่อ “เล่ามา! เมิ่งชิงซี เกิดอะไรขึ้นกับโจวโจว”
พยาบาลที่เดินผ่านมาเอ่ยตักเตือนลั่วเซ่าเชิน “ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ ถ้าจะทะเลาะกัน เชิญด้านนอกค่ะ”
ลั่วเซ่าเชินตีหน้าขรึม เขาปล่อยมือของเมิ่งชิงซีอย่างไม่เต็มใจ เมิ่งชิงซีคลึงข้อมือข้างที่เขียวช้ำ เธอได้รู้แล้วว่าลั่วเซ่าเชินนั้นแข็งแรงแค่ไหน เมิ่งชิงซีนึกถึงท่าทางที่น่ากลัวของลั่วเซ่าเชินเมื่อครู่นี้ ราวกับว่าอีกเพียงนิดเดียวเขาก็จะฆ่าเธอแล้ว
เมื่อหันฮุ่ยซินมาถึง ทุกคนต่างก็อยู่ในความสงบ ลั่วเซ่าเชิน ฟังหยวน และหลินเหยา พวกเขานั่งอยู่บนม้านั่งด้านนอกห้องผ่าตัดและจ้องไปที่ไฟสีแดงที่สว่างอยู่เหนือห้องผ่าตัด
หันฮุ่ยซินเห็นเมิ่งชิงซียืนพิงกำแพงอยู่ไกลๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว เธอจึงได้แต่นั่งเงียบๆ เท่านั้น
หลินเหยาเห็นเมิ่งชิงซียืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ หวนนึกไปถึงตอนที่เพิ่งจะมาถึง หลินเหยาพบแค่เมิ่งชิงซี หลินเหยาไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้จะใช่เมิ่งชิงซีที่ถังโจวโจวเคยพูดถึงไหม
ดังนั้น เธอจึงถามอย่างสุภาพว่า “คุณคะ คุณชื่ออะไรคะ คุณพาโจวโจวมาส่งที่โรงพยาบาลใช่ไหม”
หลินเหยาคิดว่าบางทีถังโจวโจวอาจจะตกลงไปเองหรืออาจจะถูกผลักจนเกิดอุบัติเหตุ เธอไม่ได้คิดถึงใครเลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้
เมิ่งชิงซีมองดูหลินเหยาที่จู่ๆ ก็เข้ามาหาอย่างรีบร้อน เธอคิดว่านี่น่าจะเป็นเพื่อนของถังโจวโจว “ฉันชื่อเมิ่งชิงซี ฉันพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาลเองค่ะ”
เมื่อหลินเหยาได้ยินชื่อของเมิ่งชิงซี เธอก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เธอจึงรีบถามทันที “คุณเองเหรอ? แล้วคุณไปอยู่กับโจวโจวได้ยังไง ที่เธอประสบอุบัติเหตุเป็นเพราะคุณเป็นคนทำหรือเปล่า”
หลินเหยาสงสัยเป็นอย่างมาก ตอนที่ถังโจวโจวเล่าวีรกรรมที่เมิ่งชิงซีทำให้เธอฟัง ถังโจวโจวดูไม่ค่อยชอบเธอเท่าไร และจากที่หลินเหยาได้ยินมา เธอไม่คิดเลยว่าเมิ่งชิงซีจะน่ารังเกียจได้ขนาดนี้ รู้อยู่แล้วว่าลั่วเซ่าเชินมีภรรยาแล้ว แต่ก็ยังจะเข้ามาตอแยอีก ซึ่งนั่นทำให้ถังโจวโจวลำบากใจเป็นอย่างมาก
เมิ่งชิงซีไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินในสิ่งที่หลินเหยาพูด ตอนนี้สภาพจิตใจเธอกลับคืนเป็นปกติแล้ว เธอจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “นี่คุณ มีสติหน่อยค่ะ ฉันเป็นคนพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาลนะ แต่ทำไมคุณถึงคิดว่ามันเป็นความผิดของฉันล่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด”
หลินเหยามองเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แต่ก็ทำอะไรเธอมากกว่านี้ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ถ้าเมิ่งชิงซีไม่ยอมรับ หลินเหยาก็ทำอะไรเธอไม่ได้
เมื่อลั่วเซ่าเชินมาถึง เขาก็เห็นว่าพวกเธอสองคนตาขวางใส่กันแบบนี้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าเมิ่งชิงซีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อุบัติเหตุของถังโจวโจว เธอต้องมีส่วนด้วยอย่างแน่นอน
ฟังหยวนไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เขาแค่สวดอ้อนวอน ขอให้ถังโจวโจวไม่เป็นไร ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาค่อยจัดการหลังจากที่ถังโจวโจวหายดีแล้ว
หลังจากรอมาหลายชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เมื่อลั่วเซ่าเห็นคุณหมอเดินออกมา เขาก็ลุกขึ้นถามในทันที “คุณหมอครับ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง”
“เสียใจด้วยนะครับ เราพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว เรารักษาเด็กเอาไว้ไม่ได้” คำพูดของคุณหมอดังก้องอยู่ในโสตประสาทของลั่วเซ่าเชิน เขาถูกโจมตีด้วยข่าวนี้อย่างรุนแรง นี่โจวโจวรู้ไหม ถ้าเธอรู้เธอจะเสียใจมากแค่ไหน?
“แล้ว…ภรรยาผมล่ะครับ” ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่ซ่อนความเศร้าของตัวเองเอาไว้ เขาพุ่งความสนใจไปที่ถังโจวโจว เด็กไม่อยู่แล้วก็ไม่เป็นไร ขอแค่ถังโจวโจวปลอดภัยก็พอ
“เรื่องนี้คุณสบายใจได้ครับ ตอนนี้ผู้ป่วยยังไม่ฟื้นเนื่องจากดมยาสลบไป เดี๋ยวเราจะย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องนะครับ แล้วคุณก็ตามไปได้เลย” เมื่อคุณหมอพูดจบก็กลับเข้าไปในห้องผ่าตัด
เมิ่งชิงซีดีใจมากที่ได้ยินว่าในที่สุดถังโจวโจวก็แท้งลูก แต่ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินและคนอื่นๆ ยังอยู่ที่นี่ เธอไม่สามารถแสดงอาการออกมาได้ในตอนนี้ เธอต้องทำเป็นโศกเศร้า เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ
หันฮุ่ยซินกุมมือแน่น เธอรู้ว่าเธอไม่ควรดีใจเมื่อได้ยินว่าถังโจวโจวแท้งลูก เธอจึงทำได้แค่ก้มหน้าและพยายามควบคุมตัวเอง เธอแค่รู้สึกว่าก้อนหินก้อนใหญ่ที่บังอยู่ตรงหน้าเธอได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว
ถังโจวโจวแท้งลูก ทีนี้ก็ไม่มีสิ่งเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างอาเชินกับเธอแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เธอสามารถขออาเชินคืนได้แล้ว
เมื่อหลินเหยาได้ยินว่าถังโจวโจวแท้งลูก เธอก็แอบเกลียดตัวเองอยู่นิดหน่อย เธอไม่น่าง่วนอยู่กับงานสับปะรังเคอะไรนั่นเลย ถ้าเธอออกมากับโจวโจว เรื่องนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
หลินเหยาหันไปมองเมิ่งชิงซี เธอเห็นว่าหล่อนก็ดูเจ็บปวดอยู่ แต่หลินเหยาก็ยังรู้สึกว่าเมิ่งชิงซีเกี่ยวพันกับเรื่องนี้อย่างเป็นไปได้สูง ติดตรงที่ตอนนี้เธอยังไม่มีหลักฐาน เธอจึงได้แต่มองดูเมิ่งชิงซีลอยนวลอยู่ตรงนี้
ฟังหยวนเจ็บใจแทนถังโจวโจว เขาชกลั่วเซ่าเชินไปหนึ่งหมัด หันฮุ่ยซินร้องเสียงแหลมและขวางหน้าลั่วเซ่าเชินเอาไว้ “ฟังหยวน คุณทำบ้าอะไร อาเชินไม่ได้ทำอะไรผิดนะ คุณต่อยเขาทำไม”
เมื่อหลินเหยาเห็นว่าหันฮุ่ยซินมีท่าทางเคร่งเครียด เธอก็หรี่ตามอง ผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่รักแรกของลั่วเซ่าเชินหรอกนะ อาเชินงั้นเหรอ เรียกซะสนิทสนมเชียว
“คุณหันคะ ทำไมซีเรียสจัง ผอ. ลั่วยังไม่ได้ว่าอะไร คุณก็ออกโรงแทนเขา คุณเป็นอะไรกับเขาหรือคะ” เมื่อหลินเหยายืนยันตัวตนของหันฮุ่ยซินได้แล้ว เธอก็พูดอย่างไม่เกรงใจ
ตอนนี้โจวโจวยังไม่ฟื้น เธอทนดูผู้หญิงคนอื่นกางปีกปกป้องสามีของโจวโจวไม่ได้ หลินเหยารู้สึกว่าการที่ฟังหยวนต่อยเขานั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง นอกจากเธอจะโทษตัวเองแล้ว เธอก็ยังอยากจะตำหนิลั่วเซ่าเชินด้วย
วันนี้เป็นวันตรวจครรภ์ของถังโจวโจว แต่ลั่วเซ่าเชินกลับไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ หลินเหยาหันกลับมาถามลั่วเซ่าเชิน “ผอ. ลั่วคะ วันนี้โจวโจวมีนัดตรวจครรภ์ คุณไปไหนมาหรือคะ”
“อาเชินก็ยุ่งอยู่ทุกวัน เขาก็มีธุระของเขาสิ คุณจะถามทำไม” จิตใตสำนึกของหันฮุ่ยซินสั่งให้เธอออกโรงแทนลั่วเซ่าเชิน แต่หลินเหยากลับเอาความโกรธมาลงไว้ที่หันฮุ่ยซิน
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นใคร ฉันถามผอ. ลั่ว เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
“นี่คุณ…”
“เอาละ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว หลินเหยา เดี๋ยวผมอธิบายกับโจวโจวเอง เรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกัน” เหมือนว่าลั่วเซ่าเชินจะถูกโจมตีอย่างแรง ฟังหยวนต่อยเขา แต่เขาก็ไม่ได้ต่อยกลับ
หลังจากฟังหยวนต่อยลั่วเซ่าเชินแล้วก็ยืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน ลั่วเซ่าเชินมองไปที่เขา “อาหยวน ฉันรู้ว่านายอยากออกหน้าแทนโจวโจว แต่ฉันจะย้ำอีกครั้ง ไม่ว่าตอนนี้ถังโจวโจวจะเป็นยังไง แต่เธอเป็นของฉัน ฉันจะไม่เอาความกับหมัดนี้”
ฟังหยวนเพียงแค่แสยะยิ้มออกมา “ฉันก็เคยบอกนายไปแล้วเหมือนกัน ถ้านายไม่ดีกับโจวโจว ฉันจะพาเธอหนีไปให้ได้สักวัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูแล้วล่ะว่าเธอจะยอมไหม” คำพูดของลั่วเซ่าเชินทำเอาฟังหยวนจุกจนพูดไม่ออก จริงสินะ เขาพาเธอหนีแล้วจะได้อะไร แม้ว่าลั่วเซ่าเชินจะทำให้ถังโจวโจวเจ็บเจียนตาย แต่เธอก็คงจะไม่ยอมไปจากเขา เพราะเธอรักเขา
ลั่วเซ่าเชินต้องอาศัยความรู้สึกของเธอ ดังนั้นจึงได้เปรียบกว่าเขา ฟังหยวนถอยออกมาและไม่พูดอะไรอีก เขาแค่รอให้ถังโจวโจวออกมา
ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้ถังโจวโจวถูกเข็นออกมา เธอหลับสนิท ใบหน้าของเธอดูซีดเซียว ลั่วเซ่าเชินถลาตัวเข้าไปหาเธอและเดินประกบเตียงเธอไปจนถึงห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับพยาบาล
เมื่อเขามองดูเรือนผมของถังโจวโจวที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ทันใดนั้นลั่วเซ่าเชินก็รู้สึกชื้นที่ดวงตา ราวกับว่ามีน้ำตาไหลออกมา และเมื่อเขาเงยหน้ามองฟ้า เขาก็กลั้นมันไว้ได้
พวกเขาเดินตามถังโจวโจวมาจนถึงห้องพักผู้ป่วย เมื่อพยาบาลออกไปแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็มองดูถังโจวโจวที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น จากนั้นก็มองไปที่หลินเหยา “คุณหลินครับ รบกวนช่วยดูโจวโจวด้วยนะครับ ผมต้องออกไปจัดการอะไรนิดหน่อย”
“ค่ะ” หลินเหยาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เอาแต่มองไปที่ถังโจวโจว
ลั่วเซ่าเชินสืบเท้าเข้าไปหาเมิ่งชิงซีและพูดเบาๆ ว่า “คุณมากับผม” ลั่วเซ่าเชินเดินไปข้างหน้า แม้ว่าเมิ่งชิงซีจะลังเล แต่เธอก็เดินตามเขาไป
เธอเห็นว่าลั่วเซ่าเชินหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างบานหนึ่งและมองออกไปด้านนอก เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ เมิ่งชิงซีรู้สึกเป็นกังวล เธอไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร
ลั่วเซ่าเชินเงียบอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นว่า “เมิ่งชิงซี บอกผมมาตามตรง เรื่องนี้คุณเป็นคนทำใช่ไหม”
เสียงของเขาเย็นชามาก เมิ่งชิงซีไม่เคยได้รับน้ำเสียงแบบนี้จากเขามาก่อน เธอกำมือแน่นและให้กำลังใจตัวเอง ‘เมิ่งชิงซี อย่ากลัวไปเลย เซ่าเชินไม่มีหลักฐาน เธอก็แค่ต้องกัดฟันสู้ ไม่ต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป’
“เซ่าเชินคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันเลยนะ ตอนนั้นฉันจะพาโจวโจวไปส่งที่บ้าน แต่เธอทำอีท่าไหนไม่รู้ถึงได้ล้มลงไปได้ ฉันดึงเธอไม่ทัน พอฉันเห็นเธอล้มลงไปกับพื้น ฉันก็รีบพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาล เรื่องต่อจากนั้นคุณเองก็เห็นแล้ว”
เมิ่งชิงซีพูดอย่างไร้เดียงสา ราวกับว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องนี้ ลั่วเซ่าเชินกลับถามถึงเรื่องอื่น “ได้ ผมจะเชื่อคุณไปก่อนก็แล้วกัน แล้วคุณบอกผมได้ไหมว่าทำไมคุณถึงอยู่กับโจวโจวได้”
เมิ่งชิงซีเล่าต่อไปว่า เธอพบกับถังโจวโจวที่ร้านขายของสำหรับเด็ก เธอเว้นส่วนการปะทะเอาไว้ ลั่วเซ่าเชินไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อ เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน
เมิ่งชิงซียืนอยู่ตรงหน้าลั่วเซ่าเชินด้วยความกังวลใจ เธอนึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไป แล้วก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ ต่อให้ลั่วเซ่าเชินสงสัยในตัวเธอ แต่เขาก็จับผิดอะไรจากคำพูดเธอไม่ได้ เธอจะต้องมั่นคงเอาไว้ ห้ามหลงกลไปตามน้ำเสียงคุกคามของเขา ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด