ตอนที่ 292 ไร้สาระ
สวี่โยวไม่ใช่ไม่เห็นสีหน้าหยอกเย้าของคุณแม่สวี่ แต่เธอแสร้งทำเหมือนไม่เห็น แบบนี้ก็จะได้ไม่รู้ว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวหรือเปล่าอย่างไรก็กลบเกลื่อนไปได้
เมื่อคุณแม่สวี่ออกจากห้อง สวี่โยวก็ตีเซียวโม่ทันที “คุณดูที่เมื่อกี้คุณพูดสิ แม่ได้ยินหมดเลย คุณจะให้แม่คิดยังไงกัน”
“จะคิดแบบไหนก็คิดไปสิ ผมพูดอะไรผิดเหรอ” เซียวโม่คิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าไม่ได้พูดอะไรผิด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกว่ามีปัญหาตรงไหน
สวี่โยวเห็นเซียวโม่คิดไม่ได้ก็ไม่พูดเรื่องนี้กับเขาอีก เธอกลัวว่าเซียวโม่จะไม่เข้าใจ อีกเดี๋ยวก็จะทะเลาะกันอีก
“โม่ ชื่อของลูกคุณคิดไว้รึยัง” ตอนแรกก่อนพวกเขาจะมีลูกก็เถียงกันตลอด เรื่องตั้งชื่อลูกแค่คิดก็ไม่อยากคิด
ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นไม่ง่ายเลยกว่าจะดีขึ้นได้ขนาดนี้ สวี่โยวสนใจแค่บ่มเพาะความรู้สึกกับเซียวโม่เท่านั้นเลยไม่มีเวลาไปคิดเรื่องตั้งชื่อลูก
เมื่อคิดดูอีกที สวี่โยวก็รู้สึกละอายใจ ถ้าลูกโตไปแล้วรู้จะโทษแม่ไหมที่ไม่ใส่ใจลูกเลย
เซียวโม่เงียบไปสักพัก สวี่โยวตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองจึงไม่เห็นท่าทีผิดปกติของเซียวโม่ และเมื่อสวี่โยวได้สติกลับมา เซียวโม่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ “โม่ คุณเป็นอะไรไปเหรอ”
“ไม่มีอะไร ชื่อของลูกผมจะคิดให้ดี”
สวี่โยวไม่เข้าใจเซียวโม่ เขาหมายความว่าอะไร คงไม่ใช่ที่เธอคิดใช่ไหม “โม่ คุณไม่เคยคิดเรื่องนี้เหรอ”
หูของเซียวโม่ค่อยๆ แดงขึ้น สวี่โยวไม่ได้สังเกตถึงจุดนี้ “โม่ ฉันคิดว่าคุณคิดไว้แล้ว ไม่คิดว่า…” ไม่คิดว่าเขาจะยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย พวกเขาสองคนไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่พ่อแม่เลยใช่ไหม
เซียวโม่ยังทำหน้าขรึม “ผมกำลังจะคิดได้แล้ว”
“ฉันกับลูกจะรอชื่อใหม่นะ” สวี่โยวอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่จะให้เซียวโม่เห็นไม่ได้ ทำได้แค่แอบขำในผ้าห่ม
หลังจากไม่กี่วัน เซียวโม่เดินไปคิดไป กินข้าวก็คิด หยิบพจนานุกรมออกมาเพื่อที่จะตั้งชื่อใหม่ให้ลูกสาว
สวี่โยวเห็นแล้ว เขาทำท่าทางราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าใครก็ห้ามมาขัดขวาง
คุณแม่เซียวมาเยี่ยมอีกหลายครั้งแต่ก็อยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว คุณแม่สวี่อยู่พักที่โรงพยาบาลกับเซียวโม่ สวี่โยวถึงได้เข้าใจว่าไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็อาจจะมีวันที่ไม่ใช่ของคุณ
คุณแม่เซียวและคุณแม่สวี่มีสองทัศนคติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้สวี่โยวได้รู้จักความแตกต่างของแม่ตัวเองและแม่สามี
ครั้งแรก คุณแม่สวี่กำลังป้อนซุปไก่ให้เธอ จู่ๆ สวี่โยวก็พูดขึ้นว่า ‘แม่คะหนูรักแม่นะ’
ประโยคนี้ทำให้คุณแม่สวี่ตกใจ รีบแนบมือไปที่หน้าผากของสวี่โยว “ลูกสาว ไม่สบายรึเปล่าลูก” จู่ๆ ก็พูดอย่างนี้ขึ้นมาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก
เห็นคุณแม่สวี่ประหลาดใจอย่างนี้ สวี่โยวก็เม้มปาก เธอจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ ใช้การปฏิบัติเพื่อแสดงให้แม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอดีกว่า นั่นอาจเป็นเหตุผลที่แม่ของเธอต้องการให้เธอเติบโตขึ้น
คุณแม่สวี่ไม่ใช่ไม่เข้าใจลูกสาว เพียงแต่เธอเป็นแม่แท้ๆ ของสวี่โยว จะต้องพูดประโยคแบบนี้ทำไม แค่สวี่โยวอยู่ดี คุณแม่สวี่ก็พอใจแล้ว
ตอนที่ 293 ชอปปิงอย่างบ้าคลั่ง
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเร็วมาก สวี่โยวได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว ครั้งนี่เซียวโม่ไม่ได้พาเธอกลับบ้านตระกูลเซียว อาจเพราะเซียวโม่ก็รู้สึกได้ถึงคุณแม่เซียวครั้งก่อน และหลังจากนั้นเมื่อคุณแม่เซียวมาเยี่ยมสวี่โยวและลูกก็ดูไม่ค่อยมีความสุขนัก
ดังนั้นเซียวโม่จึงพาเธอกลับบ้านเล็กของพวกเขาก่อนหน้านี้ ที่บ้านเล็กให้คนได้ไปทำความสะอาดไว้แล้วก่อนหน้านี้สองวันและก็เชิญแม่นมมาเพื่อให้มาดูแลลูกของสวี่โย่ว คุณแม่สวี่เองก็มาหาสวี่โยวบ่อยๆ
เมื่อกลับถึงบ้าน สวี่โยวรู้สึกว่าบรรยากาศดีขึ้นไม่น้อย ไม่ใช่ที่โรงพยาบาลไม่ดี เพียงแต่เทียบกับบ้านตัวเองไม่ได้ อยู่ที่บ้านสบายใจกว่า โดยเฉพาะอยู่กับเซียวโม่แค่สองคน ไม่ใช่ ตอนนี้ยังมีลูกด้วย แอปเปิลน้อย
เพราะเซียวโม่ยังไม่ตั้งชื่อให้แอปเปิลน้อย ดังนั้นสวี่โยวจึงตั้งชื่อเล่นให้เธอเอง และที่จริงชื่อนี้ก็มีเหตุผล
สองวันก่อน แอปเปิลน้อยเพิ่งกลับมาอยู่กับสวี่โยว สวี่โยวไม่เห็นอะไรเลย จู่ๆ แอปเปิลน้อยก็ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าถูกลมแอร์พัดจนหน้าแดงเหมือนลูกแอปเปิลเลยได้ชื่อนี้มา
หลังจากเซียวโม่ได้ยินก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เพียงยืนยันว่าชื่อที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องใช้หัวใจในการตั้ง แม้ว่าแอปเปิลน้อยจะฟังดูแล้วน่าฟัง เพียงแต่ลูกสาวต้องใช้ชื่อไปตลอดชีวิต จะตั้งมั่วๆ ไม่ได้
ถังโจวโจวได้ข่าวว่าสวี่โยวกลับมาบ้านแล้ว เพียงแค่โทรไปถามและยินดี ไม่ได้ไปเยี่ยมบ้าน ตอนนี้เขาทั้งสองน่าจะสบายใจที่จะอยู่กับลูก เธอไม่ควรไปรบกวน
หลินเหยานัดถังโจวโจวไปเที่ยว ถังโจวโจวตกลงทันที ทั้งสองคนไปเดินที่ห้างกัน ในมือหลินเหยาถือถูงชอปปิงเยอะมาก
เดินตั้งนานแล้ว ขาก็เมื่อย ถังโจวโจวและหลินเหยาหาที่นั่งพัก “เหยาเหยา วันนี้เธอเป็นอะไร ทำไมทำให้ร่างการสูบฉีดเลือดเยอะขนาดนี้”
ถังโจวโจวเห็นถุงชอปปิงข้างๆ หลินเหยาและข้างเธออีก นี่มันน่ากลัวจริงๆ
หลินเหยารู้สึกว่าการชอปปิงลบล้างความรู้สึกไม่สบายใจของเธอได้ ทั้งทำให้ปลอดโปร่งอีกด้วย “โจวโจว นี่เรียกว่าเปลี่ยนความโกรธเป็นเสื้อผ้า”
หลินเหยามองมือตัวเองที่เต็มไปด้วยถุงชอปปิง ของที่ปกติเธออยากได้แต่ว่าตัดใจซื้อไม่ลงพวกนั้นวันนี้เธอซื้อมันมาในรวดเดียว
“เหยาเหยา เธอไม่ได้อกหักใช่ไหม” เห็นใช้เงินไปตั้งเยอะ หลินเหยาคิดว่าเงินเดือนเดือนนี้คงหมดไปแล้ว ไม่รู้ว่าเดือนหน้าจะโดนเรียกเก็บเพราะเบิกเงินเกินบัญชีหรือไม่
หลินเหยาขำจนหน้าตึง มองถังโจวโจวด้วยความโกรธ “โจวโจว พูดให้ดีกว่านี้หน่อยได้ไหม ทำไมต้องขัดฉันด้วย”
เดิมทีก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องพูดเรื่องเงินขึ้นมาด้วย หลินเหยามองสิ่งของอย่างพอใจ ในใจปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไร เรื่องเงินพรุ่งนี้ค่อยคิด
“ฉันพูดเพื่อเธอนะ เมื่อกี้ก็เตือนเธออยู่ตลอด แต่เธอไม่ฟัง เหยาเหยา เธอเป็นอะไรกันแน่ ฉันรู้สึกว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่เลย”
ถ้าคนที่อยู่รอบๆ พวกถังโจวโจวได้เห็นก็จะเห็นว่าผู้หญิงสองคนนี้แทบจะมีถุงชอปปิงทั้งหมดรอบๆ ห้างสรรพสินค้าแล้ว ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลย
“ตอนนี้พี่มีเงิน ไม่ได้ขาด” จู่ๆ หลินเหยาก็ยกบัตรขึ้นมา ทำให้ถังโจวโจวตกใจสะดุ้งโหยง