ตอนที่ 390 สลบไสล
“โจวโจว ฟื้นหรือยัง?” ไม่ว่าลั่วเซ่าเซินจะร้องเรียกอย่างไรถังโจวโจวก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
รถพยาบาลใกล้มาถึงแล้ว หมอและพยาบาลนำตัวถังโจวโจววางลงบนเปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ลั่วเซ่าเซินรอจนถังโจวโจวจากไป ถึงได้เห็นว่ามีรอยคราบเลือดที่ซ่อนอยู่บริเวณศีรษะของเธอ สมองของโจวโจวได้รับความกระทบกระเทือนอย่างนั้นเหรอ?
ทุกคนพากันมาที่โรงพยาบาล หู่พั่วถูกส่งตรงไปยังห้องผ่าตัด เสิ่นหลานอีอุ้มเสี่ยวอวี่เอาไว้ ส่วนลั่วเซ่าเซินจูงมือลั่วอิงรออยู่ข้างนอก
เมื่อโอวหยางหงและโอวหยางเลี่ยได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว รอจนกระทั่งโอวหยางเลี่ยมาถึงแล้วเสิ่นหลานอีก็พลันทรุดลงในทันใด “เลี่ย ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้กับหู่พั่ว ทำไมลูกสาวของฉันถึงได้ทุกข์ทรมานถึงขนาดนี้”
โอวหยางหงรับตัวเสี่ยวอวี่เอาไว้ โอวหยางเลี่ยจึงสงบสติอารมณ์และปลอบใจภรรยาของตนเอง “หลานอี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมจะหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดมารักษาหู่พั่ว เธอต้องไม่เป็นอะไร คุณวางใจเถอะนะ ผมให้สัญญา”
เสี่ยวอวี่ปีนป่ายอยู่บนไหล่ของโอวหยางหง เมื่อกี้ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับหู่พั่วเขาก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด แม้ว่าตอนนี้จะเงียบลงแล้ว แต่ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวก็ยังหวาดผวา ไม่ว่าโอวหยางหงจะหยอกล้อเขาอย่างไร เขาก็เพียงพาดอยู่บนไหล่ของโอวหยางหง ไม่หือไม่อืออยู่อย่างนั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” โอวหยางหงไม่เข้าใจเลย ทำไมเพียงครู่เดียวก็เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นได้ ลั่วเซ่าเซินดูแลพวกเธออย่างไรกัน?
พ่อบ้านรีบพาคนมา เด็กรับใช้คนหนึ่งอุ้มเสี่ยวอวี่นั่งลงบนเก้าอี้อ้างพลางกล่อมให้เขาเข้านอน พ่อบ้านพาตัวลั่วอิงไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง กอดเธอเอาไว้ในอ้อมอก “ลั่วอิงเป็นเด็กดีนะ อย่าทำให้คุณยายยุ่งยากกว่าเดิมเลยนะ”
เกิดเรื่องใหญ่โตกับหู่พั่วขนาดนี้ โอวหยางเลี่ยจึงเอาคนในปกครองมาที่นี่ ทางเดินเส้นยาวนอกห้องผ่าตัดถูกล้อมไว้ด้วยบอดี้การ์ด
เกิดเรื่องขึ้นกับหู่พั่วคราวนี้ไม่เพียงแต่มีผลกระทบกับเธอเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปใต้อำนาจของเสิ่นหลานอีด้วย โอวหยางเลี่ยจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด ไม่ปล่อยให้คนที่สมควรตายคนนั้นรอดไปได้
ผ่านการรอคอยมาเป็นเวลานาน ในที่สุดหู่พั่วก็ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว เธอถูกส่งตัวไปยังห้องผู้ป่วยวีไอพีทันที พ่อบ้านพาลั่วอิงกลับไปก่อน รอให้หู่พั่วฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยพาเธอมากอีกครั้ง
หมอบอกว่าหู่พั่วยังไม่ฟื้น จะฟื้นเมื่อไหร่นั้นจะต้องรอดูอาการอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นเสิ่นหลานอีเองก็ถูกเกลี้ยกล่อมให้กลับไปเช่นกัน ทั้งยังพาเสี่ยวอวี่กลับไปด้วย แน่นอนว่าโอวหยางเลี่ยจะต้องกลับไปกับเธอด้วย หลังจากที่โอวหยางหงไปตรวจสอบข้อมูลแล้ว ทั้งห้องผู้ป่วยก็เหลือเพียงลั่วเซ่าเซินคนเดียว
ครั้งก่อนที่เกิดเรื่องขึ้นกับถังโจวโจว ลั่วเซ่าเซินก็ไม่ได้เห็นกับตา ทว่าครั้งนี้เขาได้เห็นเพียงผลที่เกิดขึ้น แต่มาไม่ทันเห็นเหตุการณ์
ทว่าจากการจินตนาการแล้ว เขาเองก็รู้ได้เลยว่าตอนนั้นคงจะอันตรายสักแค่ไหน ทำไมสวรรค์ถึงได้กำหนดให้ถังโจวโจวเจอกับเรื่องแบบนี้อยู่เสมอๆ เขายินดีเจ็บแทนเธอ ขอเพียงแค่เธอไม่เป็นอะไร
“โจวโจว รีบตื่นขึ้นมาเถอะนะ เสี่ยวอวี่รอคุณอยู่ พวกเราทุกคนรอให้คุณตื่นขึ้นมานะ…”
ลั่วเซ่าเซินพร่ำพรรณนาอยู่ทั้งบ่าย ถังโจวโจวก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมาสักที รอจนกระทั่งโอวหยางหงมาส่งข้าวเย็น ถังโจวโจวก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
“เซ่าเซิน กินข้าวก่อนเถอะ” ลั่วเซ่าเซินยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมดื่มน้ำ ไม่ขยับเขยื้อน เฝ้าหู่พั่วอยู่ตลอดทั้งบ่าย แม้แต่จะต้องเผชิญหน้ากับโอวหยางหง แต่คราวนี้เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ผมไม่อยากกิน ตอนนี้โจวโจวยังไม่ฟื้น ผมไม่หิว” ดูท่าทางว่าถังโจวโจวยังไม่ตื่นขึ้นมา ลั่วเซ่าเซินก็ไม่มีแก่ใจจะกินข้าว
โอวหยางหงคิดไม่ถึงว่าลั่วเซ่าเซินจะเปลืองแรงมาถึงเขา “อย่าเป็นแบบนี้สิครับ หู่พั่วจะต้องฟื้นขึ้นมาอยู่แล้ว ตอนนี้คุณเป็นแบบนี้อีกเธอจะยิ่งไม่สบายใจนะ”
ความจริงแล้วโอวหยางหงรู้แก่ใจดีว่า ถ้าหู่พั่วยังมีความทรงจำเก่าๆ อยู่ เธอจะต้องไม่เย็นชากับลั่วเซ่าเซินอย่างนี้ อยากให้เขาไปให้ห่างแบบนี้แน่ บางครั้งโอวหยางหงก็สะใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหลังจากนี้หู่พั่วฟื้นฟูความทรงจำขึ้นมาได้ล่ะจะทำอย่างไร?
ลั่วเซ่าเซินยังคงไม่ขยับเขยื้อน โอวหยางหงก็ทนดูต่อไปอีกไม่ไหว คว้าตัวเขาให้ลุกขึ้น “ลั่วเซ่าเซิน คุณได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า? ถ้าหู่พั่วเห็นคุณเป็นแบบนี้ เธอจะยิ่งเสียใจเปล่าๆ คุณควรจะทำตัวให้มีชีวิตชีวา อีกไม่นานเธอก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว”
“เธอจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ เหรอ? ผมกลัวว่าเธอจะสลบไปแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาอีก” แม้แต่หมอก็ยังบอกว่ามีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ถังโจวโจวเคยสมองกระทบกระเทือนไปแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ก็กระแทกเข้าที่ศีรษะอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคราวนี้จะมีผลกระทบอะไรอีกหรือเปล่า
ตอนที่ 391 ฟื้นแล้ว
นอกจากนั้นลั่วเซ่าเซินยังกังวลอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากถังโจวโจวลืมเขาอีกครั้ง เขาควรทำอย่างไรดี?
“ไม่สิ เธอจะต้องฟื้นขึ้นมา คุณต้องเชื่อว่าหู่พั่วเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดในโลก” ตอนแรกที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นครั้งนั้น หลายครั้งที่หมอบอกว่าเธอมีอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่เธอก็สามารถลุกขึ้นยืนต่อหน้าทุกคนได้อีกครั้ง
โอวหยางหงเชื่อว่า พวกเขาไม่อาจจินตนาการความแข็งแกร่งของพลังชีวิตของเธอได้ “หู่พั่วจะต้องยืนหยัดลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง เธอจะต้องกลับมาอยู่ข้างกายพวกเราอีกแน่” สุดท้ายโอวหยางหงก็เชื่อมั่นในความคิดนี้
ลั่วเซ่าเซินได้รับการปลอบใจจากโอวหยางหง ในที่สุดก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นอาหารที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ห้องผู้ป่วยวีไอพีมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือมีการตระเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเอาไว้ทั้งหมด ไม่ต่างอะไรกับอยู่ที่บ้าน เพียงแต่ว่าใครๆ ต่างก็มีความรู้สึกไม่ค่อยชอบโรงพยาบาลก็เท่านั้น ไม่อย่างนั้นการได้พักอาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการมาหาความสุขอย่างหนึ่ง
ลั่วเซ่าเซินกินข้าวไปได้ไม่กี่คำโอวหยางหงก็ทนเห็นเขาชักช้าอืดอาดต่อไปไม่ไหว ตบลงที่ศีรษะของเขาทันที “คุณก็กินให้เร็วๆ หน่อยไม่ได้เหรอ จากนั้นจะได้กลับไปดูแลเธอไง ยังไงก็ดีกว่ามานั่งเหม่ออยู่ตรงนี้เป็นไหนๆ”
ไม่ใช่ว่าลั่วเซ่าเซินไม่ได้ยินที่เขาเกลี้ยกล่อม หลังจากที่โอวหยางหงตีเขาไปหนึ่งครั้ง ในที่สุดก็ฮึดขึ้นมามีชีวิตชีวา ไม่ได้หันกลับไปดูอาการของถังโจวโจวอีก ตั้งอกตั้งใจอยู่กับอาหารที่อยู่ตรงหน้า เขาพูดถูกแล้ว มีเพียงแค่ดูแลรักษาร่างกายของตัวเองให้ดี ถึงจะดูแลถังโจวโจวได้ดีกว่านี้
พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นขยับตัวเบาๆ ราวกับว่าดวงตาอยากจะลืมขึ้น โอวหยางหงกับลั่วเซ่าเซินต่างนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่ได้จดจ้องความเคลื่อนไหวที่เตียงคนไข้อยู่ตลอดเวลา
หู่พั่วแสดงท่าทีว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เพียงเล็กน้อยแล้วจึงหลับตาทั้งสองข้างลงสู่ภวังค์อีกครั้ง ราวกับว่าเธอเป็นโจวกงที่กำลังออกรบ พยักหน้าให้ชัยชนะถึงจะตื่นขึ้นจากฝันของตัวเอง
กลางดึกเวลาห้าทุ่ม ในห้องผู้ป่วยมีเพียงลั่วเซ่าเซินที่เฝ้าเธออยู่ โอวหยางหงกลับบ้านไปแล้ว เดิมทีโอวหยางหงก็บอกว่าจะเฝ้าอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ว่าลั่วเซ่าเซินอยากอยู่กับถังโจวโจวเพียงลำพัง โอวหยางหงจึงไม่อยู่ขวางคอ เตรียมตัวมาดูอาการหู่พั่วในเช้าวันพรุ่งนี้ว่าเป็นอย่างไร
เวลานี้ลั่วเซ่าเซินไม่ได้รู้สึกอยากนอนแต่อย่างไร เขากุมมือของถังโจวโจวเอาไว้ เกรงว่าจะพลาดการเคลื่อนไหวของเธอ ค่ำคืนช่างเงียบสงบ เสียงสัญญาณติ๊ดๆ ของอุปกรณ์การแพทย์ยิ่งดังขึ้นในยามค่ำคืน แต่ลั่วเซ่าเซินกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญหูเลยแม้แต่น้อย เพราะเสียงร้องของอุปกรณ์เหล่านี้เป็นสิ่งยืนยันการมีชีวิตอยู่ของถังโจวโจว
จู่ๆ ลั่วเซ่าเซินก็รู้สึกว่ามือที่ตนกุมอยู่นั้นมีการเคลื่อนไหว สีหน้าตกตะลึงของของเขาฟื้นสติขึ้นทันที มองมือที่อยู่ในอุ้งมือของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่กล้าหลับตาคู่นั้นลง เหตุเพราะเกรงว่าจะพลาดปฏิกิริยาตอบรับของถังโจวโจวไป
สวรรค์ไม่รังแกจิตใจคนทุกข์ยาก นิ้วนางของมือขนาดเล็กที่อยู่ในมือของเขากระตุกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ลั่วเซ่าเซินมั่นใจแล้วว่าตนเองไม่ได้มองผิดไป “โจวโจว คุณฟื้นแล้วเหรอ?”
เขารีบร้อนกดออดที่หัวเตียง หมอและพยาบาลที่เข้ากะอยู่รีบเข้ามาในทันที “เกิดอะไรขึ้น? อาการของคนไข้เป็นอย่างไรครับ”
“คุณหมอ เมื่อกี้เธอขยับมือเล็กน้อย”
คุณหมอโน้มตัวลงตรงศีรษะของถังโจวโจว เช็ดน้ำตาให้เธอ แล้วตรวจเช็คชีพจรของถังโจวโจว “เป็นไปได้ว่าคนไข้ใกล้จะฟื้นแล้ว”
“จริงเหรอครับ? ดีจังเลย โจวโจว ในที่สุดคุณก็จะฟื้นขึ้นมาเสียที”
ตัวถังโจวโจวเพียงแค่ขยับนิ้วมือสองสามครั้ง จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรอีก หมอและพยาบาลถอยออกไป เพียงแค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ลั่วเซ่าเซินดีใจยกใหญ่ ทำให้การยืนหยัดของเขามีหวัง
“โจวโจว คุณรีบฟื้นขึ้นมาเถอะนะ ผมรอจนร้อนใจไปหมดแล้ว” ลั่วเซ่าเซินดึงมือของถังโจวโจว พูดจ้ออยู่อย่างนั้น ไม่ทันไรทั้งร่างของเขาก็ปีนขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ตอนที่ถังโจวโจวฟื้นขึ้นมา เธอก็พบว่ามือข้างหนึ่งของเธอถูกคว้าเอาไว้ สัมผัสได้ว่าเป็นมือของผู้ชาย เธอยังคงปวดหัว แสงภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว ขณะนั้นเธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน?
“โอย…” ถังโจวโจวพยายามดึงมือออก แต่ว่าลั่วเซ่าเซินก็ใช้แรงมหาศาลคว้าเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวได้ ลั่วเซ่าเซินรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าถังโจวโจวฟื้นขึ้นมาแล้ว
“โจวโจว คุณฟื้นแล้วเหรอ?” ลั่วเซ่าเซินเห็นสีหน้าเจ็บปวดของถังโจวโจว พบว่าเธอต้องการที่จะสลัดมือข้างที่เขากุมเอาไว้ออกไป ด้วยเกรงว่าเธอจะรู้สึกแย่ เขาจึงรีบปล่อยมือของเธอทันที