ตอนที่ 412 หลานชายคนโต
“แม่ครับ โจวโจวต้องกลับมาด้วยแน่นอนอยู่แล้ว เธอเป็นภรรยาของผม ลูกสะใภ้ของแม่ ถ้าเธอไม่กลับมาด้วยแม่จะให้เธอไปไหน”
“เธอไม่ต้องกลับมา แม่เคยบอกแล้วใช่ไหม ถ้าเธอไม่ไป แม่ก็จะไปเอง แม่ไม่มีวันยกโทษให้เธอ หรือลูกไม่คิดว่าคำพูดของแม่สำคัญแล้ว” คุณแม่ลั่วยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เธอโกรธจนตัวสั่น
ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าผู้เป็นแม่จะเป็นอะไรไปอีก “แม่ครับ แม่อย่าเพิ่งโกรธครับ ผมมีเรื่องจะบอกแม่ครับ”
“ลูกมีเรื่องอะไรจะบอกแม่ของลูก” เสียงของคุณพ่อลั่วที่ดังมาจากบันได ทำให้ทุกคนต่างหันไปมอง
คุณพ่อลั่วจ้องมองไปยังบางอย่างในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชินว่าคือใคร เป็นลักษณะก้อนกลมเล็กๆ คงไม่ใช่ลูกที่เกิดจากถังโจวโจวหรอกใช่ไหม
“เซ่าเซิน นี่คือ?” คุณพ่อลั่วจ้องมองผ้าห่มในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน จ้องมองไม่กะพริบตา ไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการเฝ้าคอย กระทั่งคุณแม่ลั่วก็ไม่สนใจ
คุณแม่ลั่วเห็นว่าสามีไม่ช่วยตนเอง เพราะความสนใจถูกเปลี่ยนไปยังสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน ชั่วแวบเดียวก็เกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา “เหวินอวี่ แต่ไหนแต่ไรมาอาเซินก็ไม่เคยฟังฉัน คุณต้องช่วยฉันนะ”
คุณแม่ลั่วพยายามดึงให้สามีมาอยู่ฝ่ายตน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้คุณพ่อลั่วกลับสนใจว่าเด็กน้อยในผ้าห่มเป็นใคร
“พ่อครับ แม่ครับ วันนี้ที่พวกเรามาก็อยากจะบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้” ลั่วเซ่าเชินเปิดผ้าห่มออกจึงทำให้ใบหน้าเล็กๆ เผยออกมา
เด็กน้อยกำลังนอนหลับปุ๋ย แม้จะมีผ้าห่มพันอยู่รอบๆ แต่เพราะภายในห้องเปิดแอร์อยู่จึงไม่ทำให้เด็กน้อยรู้สึกร้อนแต่อย่างใดและลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ได้ทำให้เสียวอวี่ตกใจตื่น
คุณแม่ลั่วมองเห็นเด็กน้อยก็ถามขึ้นว่า “อาเซิน นี่คือ?” เธอถามอย่างตื่นเต้นขึ้นมาทันที คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกใช่ไหม เพราะนอกจากเรื่องนี้ที่ลั่วเซ่าเชินอยากจะบอกแล้ว เธอก็คิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้ว
“แม่ครับ นี่คือลูกของผมกับโจวโจวครับ ชื่อเล่นว่าเสียวอวี่ ส่วนชื่อจริงยังไม่ได้ตั้งครับ”
“เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง” คุณพ่อลั่วต้องการที่จะรู้ให้ชัดเจน เสียวอวี่เด็กน้อยคนนี้เดิมทีดูไม่เหมือนเด็กผู้หญิง แต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดีจึงอยากรู้คำตอบให้แน่ใจ
“เด็กผู้ชายครับ ตอนนี้อายุหนึ่งขวบแล้ว” ถังโจวโจวนั่งลงบนโซฟา รับลูกชายมาจากอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน เสียวอวี่นอนหลับมานานแล้วเธอกลัวว่าคืนนี้ลูกจะงอแง ดังนั้นจึงปลุกให้เขาตื่น
“ลูกรัก ตื่นได้แล้ว พวกเราถึงกันแล้ว” ถังโจวโจวปลุกลูกเบาๆ เมื่อเสียวอวี่ถูกผู้เป็นแม่ปลุก ดวงตาเล็กๆ จึงค่อยๆ เปิดออก เมื่อมองเห็นผู้คนในห้องจึงรีบจับเสื้อของผู้เป็นแม่ไว้อย่างตระหนก
คุณแม่ลั่วทนมองต่อไปไม่ได้ “หลานฉันนอนหลับอยู่ดีๆ เธอปลุกให้หลานฉันตื่นทำไม” ถ้าเมื่อครู่ไม่ทะเลาะกับถัวโจวโจวอยู่ คุณแม่ลั่วก็คิดจะไปแย่งหลานชายในอ้อมแขนของลูกสะใภ้มาเสีย
คุณพ่อลั่วแค่ได้ยินคำว่าหลานชายสองคำนี้ก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆ ดี ในที่สุดตระกูลลั่วของเรามีหลานชายแล้ว โจวโจว ฉันชอบจริงๆ”
คุณแม่ของลั่วสังเกตอาการดีใจของคุณพ่อลั่วแล้ว หลังจากนี้ถังโจวโจวก็จะเป็นสมาชิกของครอบครัวแล้ว มีเสียวอวี่ขึ้นมาอีก ใครจะไล่เธอออกไปได้ แม้แต่คุณแม่ลั่วเองก็ทำไม่ได้ หลังจากที่คุณพ่อลั่วยอมรับถังโจวโจวแล้ว คุณแม่ลั่วก็พูดอะไรไม่ได้อีกต่อไป
“เหวินอวี่ นี่…”
“ทำไม หลานชายก็มีแล้ว หรือคุณยังมีความเห็นอะไรอีก”
“ไม่มี ไม่มี” คุณแม่ลั่วไม่กล้าออกความเห็น สิ่งที่ตั้งตารอมาหลายปี ในที่สุดหลานชายก็ได้มาแล้ว ยังไม่ทันได้เชยชมแล้วจะไล่ออกไปได้ยังไง
ตอนที่ 413 จ้องมองอย่างเหม่อลอย
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ถังโจวโจวก็ย้ายเก้าอี้ตัวสูงเข้ามาและวางเสียวอวี่ไว้ด้านบน หลังจากนั้นก็วางถ้วยและช้อนไว้ที่ด้านหน้าของเขา คุณแม่ลั่วและคุณพ่อลั่วมองเธออย่างประหลาดใจ “โจวโจว นี่เธอจะทำอะไร”
“อ๋อ ตอนนี้เสียวอวี่ควรเรียนรู้ที่จะกินข้าวด้วยตัวเองแล้วค่ะ หนูเลยให้เขาทานเอง” ถังโจวโจวเชื่อมาตลอดว่าเวลาที่ควรจะโอ๋ก็โอ๋ เวลาที่ควรเข้มงวดก็ต้องเข้มงวด เด็กผู้ชายไม่ควรโอ๋เขามากเกินไป
“ตอนนี้ยังไม่เด็กเกินไปเหรอ หรือเธอไม่มีเวลาป้อน ให้ฉันทำเองดีกว่า” คุณแม่ลั่วรีบคว้าโอกาสที่หาได้ยากนี้เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับหลานทันที ไม่คาดคิดว่าหลานที่ยังเล็กของเธอ ถังโจวโจวจะให้ทานอาหารด้วยตัวเอง แม่แบบนี้มันหมาป่าชัดๆ
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแม่ เสียวอวี่เก่งมาก เขาต้องทำได้แน่นอน เด็กผู้ชายไม่ควรโอ๋มากไปนะคะ” ถังโจวโจวไม่สนใจคำพูดของคุณแม่ลั่ว ถ้าอยากจะป้อนจริงๆ เธอคงลงมือทำเองไปแล้ว ยังต้องให้คุณแม่ลั่วมาเตือนอีกหรือ
ลั่วเซ่าเชินเองก็ช่วยเธอพูดอยู่ข้างๆ “แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลนะครับ โจวโจวมีเหตุผลของเธอครับ ต่อไปเสียวอวี่จะเป็นทายาทของตระกลูลั่วของพวกเรา สิ่งที่ควรเรียนรู้ก็ต้องเรียน สิ่งที่ควรทำก็ต้องทำครับ”
“แต่ก็ไม่ต้องเริ่มตั้งแต่ยังเล็กขนาดนี้ไหม” ดูจากท่าทางของคุณแม่ลั่วแล้ว เหมือนยังคิดว่าเสียวอวี่กำลังถูกลงโทษอยู่อย่างนั้น
ถังโจวโจวก้มศีรษะลง แสดงให้เสียวอวี่เห็นว่าจับช้อนยังไง ตักอาหารเข้าปากยังไง แสดงให้ดูไม่กี่ครั้ง เสียวอวี่ก็สามารถเลียนแบบและเริ่มทานอาหารด้วยตัวเองได้แล้ว
คุณแม่ลั่วเห็นเสียวอวี่เรียนรู้ที่จะทานอาหารด้วยตัวเองได้ รอยยิ้มพลันเกินขึ้นบนใบหน้าทันที “เสียวอวี่เก่งจริงๆ ตัวเล็กแค่นี้ก็กินข้าวด้วยตัวเองเป็นแล้ว ย่าดีใจมากเลย”
ถังโจวโจวเห็นว่าลูกกินได้แล้ว นอกเหนือจากนี้บางครั้งก็ให้เขาทานพวกผักด้วย เวลาที่เหลือจะไม่ห้ามเขา แม้ทุกครั้งที่ทานอาหารเสียวอวี่จะเอาอาหารเข้าปากได้น้อยกว่าที่หล่นลงบนโต๊ะ แต่ถังโจวโจวก็พูดเป็นกำลังใจ ไม่ได้ต่อว่า
“เก่งมากลูกรัก กินให้เยอะอีกหน่อยลูก ต่อไปจะได้กินด้วยตัวเองได้ทุกอย่าง” ถังโจวโจวมองเห็นเสียวอวี่มีพัฒนาการไปในทางที่ดีก็รู้สึกว่าทั้งแรงกายแรงใจที่มอบให้ลูกชายของตนเองไปสร้างความภาคภูมิใจให้เธอเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าถังโจวโจวก็ไม่ได้ลืมทางด้านของลั่วอิง พอคุณแม่ลั่วรู้ว่าเสียวอวี่คือหลานของเธอ ความสนใจในตัวลั่วอิงก็ลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก
ตอนนี้ไม่มีใครตักอาหารให้ลั่วอิงเลย แต่ลั่วอิงกลับเอาแต่เฝ้ามองเสียวอวี่อย่างน่าสงงสาร ถังโจวโจวเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ชินจึงเอ่ย “ลั่วอิง แม่โจวโจวตักน่องไก่ให้หนูดีไหมคะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะแม่โจวโจว” ลั่วอิงรับรู้ได้ถึงความใส่ใจจากถังโจวโจว ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้างแต่ก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แม่โจวโจวยังปฏิบัติต่อเธอเหมือนเช่นเมื่อก่อน คุณปู่คุณย่าชอบน้องชายก็ไม่เป็นไร เพราะเธอเองก็ชอบน้องชายเหมือนกัน
ลั่วเซ่าเชินเองก็สังเกตเห็นเหตุการณ์ทางด้านนี้ เขาจึงตักผักวางลงในถ้วยของผู้เป็นลูกสาว “กินแต่เนื้อไม่ได้นะ ต้องกินผักด้วย อย่างนี้จะทำให้โตไว”
ครั้งนี้ลั่วอิงไม่ได้เอาแต่ก้มหน้าอีกต่อไป “ค่ะพ่อ”
ถังโจวโจวดูแลลูกสองคนจนยุ่งไปหมด คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วทุ่มความสนใจส่วนใหญ่ไปที่เสียวอวี่ ถ้าเสียวอวี่ใช้ช้อนตักอาหารเข้าปาก ทั้งสองคนก็จะปรบมือเหมือนตัวเองทำสำเร็จเองอย่างนั้น
“พ่อครับ แม่ครับ รีบทานข้าวเถอะครับ” ลั่วเซ่าเชินที่ทนดูไม่ได้พูดขึ้น พวกท่านไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ไม่ควรเลือกปฏิบัติแบบนี้ ลั่วอิงเองก็เป็นหลานสาวของพวกท่านเหมือนกัน ลั่วเซ่าเชินเตือนด้วยความหวังดีเพราะกลัวลั่วอิงจะคิดมาก
“ไม่เป็นไร ว้าว เสียวอวี่กินอีกคำนึงแล้ว” ตอนนี้ใจคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วมีแต่หลานชาย รู้สึกว่าไม่ต้องทานอาหารแล้วก็ได้
ลั่วเซ่าเชินโน้มน้าวพ่อแม่ไม่สำเร็จก็ทำได้แค่นั่งกินข้าวของตัวเองต่อไป รอจนเสียวอวี่กินอิ่มแล้วบนโต๊ะก็เลอะเทอะไปหมด
ถังโจวโจวเองก็เริ่มอิ่มแล้วเช่นกัน “คุณพ่อคะ คุณแม่คะ พวกเราอิ่มแล้วนะคะ”
เธออุ้มเสียวอวี่ลุกออกจากโต๊ะไป “หนูจะพาเสียวอวี่ไปที่ห้องรับแขก คุณพ่อคุณแม่ทานข้าวเถอะค่ะ” คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ ลั่วอิงและลั่วเซ่าเชินก็กินเกือบจะเสร็จแล้ว
รอจนลั่วอิงลุกออกจากโต๊ะอาหาร ความอดทนของลั่วเซ่าเชินที่มีต่อพ่อแม่ของตัวเองก็หมดลง “พ่อครับ แม่ครับ ยังไงเสี่ยวอวี่ก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว พ่อกับแม่ไม่เห็นต้องรีบทานขนาดนี้ก็ได้นะครับ”